กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=39)
-   -   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4551)

เถรี 23-08-2015 18:17

เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๘
 
ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายและถนัดของตนเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกทั้งหมดไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกไหลตามลมหายใจออกมา ให้ใช้คำภาวนาที่เราถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ วันนี้จะกล่าวถึงเรื่องของการภาวนาของเราว่า ถ้าการภาวนานั้นประกอบไปด้วยวิตก วิจาร ปีติ สุข และเอกัคตารมณ์ การภาวนานั้นจึงนับว่าเป็นสมาธิอย่างแท้จริง ถ้าองค์ประกอบเหล่านี้มีไม่ครบ ก็เป็นได้แค่ขณิกสมาธิหรือสมาธิเล็กน้อย และอุปจารสมาธิหรือสมาธิใกล้จะทรงฌานเท่านั้น

วิตก คือ การที่เราคิดนึกตรึกอยู่ว่าเราจะภาวนา คล้าย ๆ กับการเตรียมพร้อม การตั้งท่า วิจาร ก็คือ การที่เรากำหนดคำภาวนาพร้อมกับลมหายใจ ลมหายใจจะแรง เบา ยาว สั้น คำภาวนาว่าอย่างไรเราก็รู้อยู่

ปีติ คือ การที่มีอาการต่าง ๆ ปรากฏขึ้น แตกต่างกันไปอยู่ ๕ อย่าง ได้แก่ ขณิกาปีติ จะมีอาการขนลุกเป็นพัก ๆ บางคนก็ขนลุกทั้งตัว ลุกอยู่นานเป็นนาทีก็มี ขุททกาปีติ มีน้ำตาไหล พออารมณ์ใจมาถึงตรงจุดนี้ ถ้าไม่หักห้ามเอาไว้น้ำตาก็จะไหลพราก แต่ก็ไม่ควรที่จะห้ามเอาไว้ ปีติทุกอย่างเราควรที่จะตามดูตามรู้เฉย ๆ ปล่อยให้เกิดขึ้นจนเต็มที่แล้วก้าวผ่านไป ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าเราไปหักห้ามเอาไว้ ถึงเวลาสมาธิเริ่มทรงตัว ปีติก็จะปรากฏ ไม่สามารถที่จะผ่านไปได้สักที

โอกกันติกาปีติ ร่างกายมีอาการโยกโคลงไปมา บางทีก็เต้น บางทีก็สั่นเหมือนกับเจ้าเข้า บางคนก็ตบหน้าขาตัวเองหรือว่ากระแทกหน้าอกตัวเองจนช้ำเขียวไปเลยก็มี แต่ว่าต้องปล่อยให้เป็นอย่างนั้น บางท่านก็หกคะเมนตีลังกาไปเลยก็มี แต่ไม่ว่าจะออกท่าออกทางโลดโผนอย่างไรก็ตาม ถ้าเรารู้จักสังเกตจะเห็นว่ากำลังใจนั้นสงบนิ่งอยู่ข้างใน อาการเป็นแต่เพียงร่างกายเท่านั้นเอง ถ้าเราไม่อาย ไม่กลัว ปล่อยให้เป็นเต็มที่ก็จะเลิก ถ้าไม่เต็มที่ก็จะเป็นอยู่อย่างนั้น

เถรี 24-08-2015 11:14

อุเพ็งคาปีติ ภาวนาแล้วร่างกายลอยขึ้นไปทั้งตัว บางทีก็อันตรายแบบที่อาตมาเจอ ก็คือลอยขึ้นไปหาพัดลมเพดาน ดังนั้น..ถ้าที่บ้านเป็นพัดลมเพดาน ต้องปิดให้ดีเสียก่อน ถ้าหากว่าจิตของเราไม่คลายออกจากสมาธิ ถึงเวลากำลังค่อย ๆ ลดลงก็จะค่อย ๆ ลอยกลับไปที่เดิม นั่งอยู่ในท่าเดิมทุกประการ แต่ถ้าสมาธิคลาดเคลื่อนหลุดออกมาด้วยความเร็ว รักษาอารมณ์สมาธิไม่ได้ บางทีก็หล่นตึงไปเลย แต่อันตรายที่มากกว่านั้นก็ไม่มี ยกเว้นว่าถ้าลอยไปที่ไกล ๆ ต้องเดินกลับเหนื่อย หรือว่าถ้าขึ้นสูงมากก็ตะครุบกบแรงหน่อย

ผรณาปีติ เป็นปีติตัวสุดท้าย รู้สึกว่าตัวพองตัวใหญ่ บางคนก็รู้สึกว่าหน้าใหญ่เป็นกระด้งเลย บางคนก็รู้สึกว่าตัวรั่วเป็นรู มีสิ่งของข้างในไหลออกมาซู่ซ่าไปหมด บางคนก็รู้สึกว่าตัวแตกระเบิดเป็นผงไปเลยก็มี

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ บางท่านก็เจออย่างเดียว บางท่านก็เจอสองอย่าง บางท่านก็เจอสามอย่าง ส่วนใหญ่ที่เจอหลายอย่างจนกระทั่งเจอครบ ๕ อย่างนั้น จะมีวิสัยพุทธภูมิ คือเคยตั้งความปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้ามาก่อน ถ้าอย่างนั้นต่อให้ท่านทรงฌานทรงสมาบัติขนาดไหนก็ตาม ถ้ายังไม่เคยผ่านปีติตัวใดตัวหนึ่ง เมื่อถึงเวลา สมาธิของท่านก็จะลดลงไป แล้วปีติปรากฏขึ้นมาเฉย ๆ เพื่อให้ได้รับรู้ว่าปีติแต่ละอย่างมีอาการอย่างไร

กำลังใจของผู้ภาวนาถ้ามาถึงระดับปีติให้ระมัดระวังไว้ คือจะไม่อิ่มไม่เบื่อในการปฏิบัติ เราต้องกำหนดเวลาว่าจะภาวนา ๑ ชั่วโมง ๒ ชั่วโมง แล้วเลิก ไม่อย่างนั้นบางทีก็เผลอทำข้ามวันข้ามคืน ถ้าสมาธิคลายตัวลงเมื่อไร ร่างกายไม่ไหวอาจจะร่วงไปเลยก็มี

เถรี 25-08-2015 10:10

พอก้าวข้ามตัวปีติได้ ก็จะปรากฏความสุขเยือกเย็นอย่างที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนในชีวิต อธิบายเป็นภาษามนุษย์ไม่ได้ เพราะสมาธิเริ่มก้าวเข้าสู่ระดับฌานแล้ว มีอำนาจในการกดกิเลส คือ รัก โลภ โกรธ หลง ให้ดับลงชั่วคราว รัก โลภ โกรธ หลง เป็นไฟใหญ่ ๔ กองที่เผาเราอยู่ตลอดเวลา อยู่ ๆ โดนดับไปด้วยอำนาจของสมาธิ คนที่โดนไฟเผา อยู่ ๆ ไฟดับลง บอกว่าสุขสบายอย่างไร อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้

ถ้าหากว่าเราทำใจรับรู้ไว้สบาย ๆ จดจ่ออยู่กับการภาวนาของเรา จิตก็จะก้าวเข้าสู่เอกัคตารมณ์ คืออารมณ์ตั้งมั่นเป็นหนึ่งเดียว ลืมตาอยู่ตาเห็นรูปก็ไม่สนใจ หูได้ยินเสียงก็ไม่สนใจ มีความแน่วแน่อยู่กับการภาวนาภายในเท่านั้น

ถ้าเกิดว่าอาการเกิดครบมาถึงตอนนี้ แปลว่าท่านทั้งหลายทรงปฐมฌานไว้ได้แล้ว ให้ซักซ้อมการเข้าออกให้มีความคล่องตัวมากขึ้น เมื่อถึงเวลานึกต้องการจะเข้าเมื่อไรให้เข้าได้ ต้องการจะออกเมื่อไรให้ออกได้ ทำให้คล่องตัวเข้าไว้ เราจะได้มีกำลังในการช่วยตัดกิเลส ปฐมฌานสามารถตัดกิเลสในระดับของพระโสดาบันและพระสกทาคามีได้

เมื่อเราทรงฌานคล่องแล้วก็มาทบทวนศีลทุกสิกขาบทของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล ทำความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างจริงใจ ไม่ล่วงล้ำก้ำเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ถ้าท่านที่ทรงฌานได้ จะเกิดความเคารพในพระรัตนตรัยขึ้นมาอย่างแน่นแฟ้น เพราะเห็นแล้วว่าการทรงฌานโลกีย์ธรรมดาแค่ปฐมฌาน ยังมีความสุขขนาดนี้ ผู้ที่เป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ ตลอดจนพระพุทธเจ้า ท่านย่อมมีความสุขมากกว่านี้จนนับประมาณไม่ได้ จึงเกิดความเคารพในพระรัตนตรัยขึ้นมาอย่างจริงจัง

หลังจากนั้นให้ทำความรู้สึกว่าเราเกิดมาแล้วต้องตาย ชีวิตของเราตายลงไปแน่นอน ดังนั้น..ควรที่จะกำหนดเป้าหมายว่า การเกิดมามีความทุกข์เช่นนี้เราไม่ต้องการอีก การเกิดมาในโลกที่ทุกข์ยากเร่าร้อนเราก็ไม่ต้องการ เราปรารถนาที่เดียวคือพระนิพพาน ให้เอาใจจดจ่อแน่วแน่อยู่กับเป้าหมายสุดท้ายคือพระนิพพานของเราเอาไว้

ลำดับต่อไปให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๘

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้าอ่อน)

ใจตั้งมั่น 25-08-2015 18:43

เอกัคตารมณ์ กับ เอกัคคตารมณ์
ขออภัยครับ ตัวไหนถูกตัวไหนผิด หรือ ถูกทั้งคู่ครับ

สุธรรม 26-08-2015 02:06

:4672615: เอกัคตารมณ์ถูกแบบบาลีไทย เอกัคคตารมณ์ผิด ถ้าจะให้ถูกต้องเขียน เอกคฺคตารมฺณ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:55


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว