กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   ล่องแก่งมหาภัย (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=45)
-   -   ล่องแก่งมหาภัย ตอนที่ ๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2150)

คิมหันต์ 24-09-2010 23:00

ล่องแก่งมหาภัย ตอนที่ ๕
 
1 Attachment(s)
เสียงหนูแทะดังกุกกักอยู่ในตู้เก็บใบลานสำหรับเทศน์ กลายเป็นเสียงปลุกอาตมาขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ทันตีสองดี เปิดตู้หาเจ้าตัวต้นเหตุ มันมองตาใสทำหนวดยุกยิกอยู่กลางแสงไฟฉาย มีลูกอ่อนตัวแดง ๆ สามสี่ตัวดิ้นกระแด่ว ๆ อยู่ในรัง รังของมันทำจากเศษกระดาษและเศษใบลานเทศน์ซะด้วย ตายเมื่อไหร่มีหวังลงนรกแน่เอ็งเอ๋ย..!

ไม่รู้จะจัดการกับมันอย่างไรดี นอกจากปล่อยเอาไว้อย่างนั้น คงต้องรอจนกว่าลูกของมันจะโตพอหากินเองได้ แล้วจึงค่อยมาขับไล่กันอีกที ภาวนาจนได้ยินเสียงตีเกราะจึงลุกไปสรงน้ำ กลับขึ้นมาครองผ้า รอจนได้เวลาก็ทำวัตรเช้าพร้อมกันตามระเบียบ...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1285357380
ศาลาทำบุญ มีทางเดินเชื่อมต่อกับศาลาหอพระด้วย

หลังทำวัตรนั่งคุยกับครูบาน้อยรอเวลาฉัน ท่านเห็นอาตมาเก็บข้าวของใส่ย่ามเรียบร้อยทุกครั้งหลังจากตื่นนอน อาตมาจึงอธิบายให้ทราบว่า หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านอบรมมาแบบนี้ ท่านให้ปิดประตูใส่กุญแจทุกครั้งที่ออกจากห้อง หากพักรวมกับผู้อื่นให้เก็บข้าวของให้เรียบร้อย แล้วเอาใส่ย่ามติดตัวไปด้วย...

ท่านบอกว่าขโมยจะเอาของของเราต่อเมื่อมีโอกาส ถ้าประตูเปิดทิ้งไว้ หรือวางข้าวของล่อตาล่อใจ เท่ากับเปิดโอกาสให้เขาทำความผิด เราต้องป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้น ไม่ใช่รอให้เกิดเหตุแล้วจึงค่อยไปแก้ไข ซึ่งบางทีก็ไม่ทันการณ์ หรือถึงทันก็เสียเวลาโดยใช่เหตุ...

คิมหันต์ 26-09-2010 23:10

1 Attachment(s)
ท่านนาวินบอกว่า กล้องถ่ายรูปตัวเก่งของท่านหายไปเมื่องานอุปสมบทหมู่ประจำปีที่ผ่านมา ใครเป็นผู้เอาไปก็พอรู้ แต่ในเมื่อเขาไม่ละอายชั่วกลัวบาป ก็ต้องปล่อยให้เขาต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระไปเอง เพราะศีลระบุเอาไว้ชัดเจนอยู่แล้ว

การตีความพระวินัย คือศีลของพระระหว่างพระไทยกับพม่า มีหลายข้อที่ลักลั่นกันจนน่าเป็นห่วง อย่างเช่นการขโมยของผู้อื่น ราคาตั้งแต่ห้ามาสกขึ้นไป ต้องอาบัติปาราชิก ของไทยตีความว่า ห้ามาสกเท่ากับหนึ่งบาท แต่ของพม่าตีความว่า ห้ามาสกเท่ากับทองคำน้ำหนักหนึ่งสลึง..!

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1285700524
ศาลาจำศีล มีเจ้าภาพสร้างสำหรับบุคคลที่ถืออุโบสถศีลพักอยู่ที่วัด

มาตราโบราณเทียบไว้ว่า ๔ เมล็ดข้าวเปลือกเท่ากับ ๑ กุญชา และ ๒ กุญชาเท่ากับ ๑ มาสก ดังนั้น ๕ มาสกย่อมเท่ากับ ๔๐ เมล็ดข้าวเปลือก ของไทยตีราคาเท่ากับ ๑ บาท ดูจะราคาสูงไปนิด แต่พม่าเล่นเอา ๔๐ เมล็ดข้าวเปลือกไปชั่งเทียบเท่ากับน้ำหนักทอง ๑ สลึง แพงหนักเข้าไปอีก...

คิมหันต์ 29-09-2010 10:46

1 Attachment(s)
หลังอาหารเช้า อาตมาคว้าสมุดไปเดินรอบวัด จัดการทำแผนที่วัดหนองบัวแบบคร่าว ๆ ว่าอาคารแต่ละหลังอยู่ตรงไหนบ้าง ขณะที่พระเณรช่วยกันจัดสถานที่พัก ที่นอน ที่ฉันอาหารของพระอาคันตุกะ ท่านนาวินบอกว่านิมนต์มา ๓๐ วัด ใคร ๆ ก็รองานกฐินวัดหนองบัว เพราะถวายเงินมากกว่าวัดอื่น ตกลงว่ามาเพราะเงินใช่ไหม..? แฮ่...

พระอาคันตุกะทยอยกันมา ส่วนมากเป็นเจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ ทั้งในเมืองจะอีนและเมืองมุด่ง ที่เจ้าอาวาสมาเองไม่ได้ ก็จะให้ตัวแทนถือฎีกานิมนต์มาร่วมงาน อาตมากับท่านนาวินกราบปฏิสันถารกับพระเถระทั้งหลายอย่างสนิทสนมและสนุกสนาน...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1285791620
ญาติโยมกำลังเตรียมอาหารเพลเพื่อถวายพระเถรานุเถระที่มาร่วมงาน

พระผู้ใหญ่ของพม่าท่านให้ความเป็นกันเองกับผู้น้อยมาก ไม่มีการวางท่าให้เป็นที่ต้องหนักใจ หลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดพะเตอทราบว่าอาตมาไปจากเมืองไทย จึงฝากให้ช่วยซื้อวิทยุรุ่นเก่ามากเครื่องหนึ่ง บอกยี่ห้อและราคามาเสร็จสรรพ พร้อมกับมอบเงินมาให้ ๒,๐๐๐ จั๊ต...

เมื่อทราบว่าเป็นวิทยุรุ่นคุณปู่ยังแก้ผ้าวิ่ง อาตมาก็ให้หนักใจ ท่านเจาะจงเอาเฉพาะรุ่นนั้นแบบนั้นซะด้วย โธ่พระคุณท่าน..เมืองไทยตอนนี้หาเครื่องเล่นซีดีหรือดีวีดีซะยังจะง่ายกว่า ของเก่ามันทนทานคุ้มค่า แต่เขาเลิกผลิตแล้ว ถึงมี เงินแค่นี้พอจะซื้อได้ซักซีกหรือเปล่าก็ไม่รู้..?

คิมหันต์ 30-09-2010 22:08

1 Attachment(s)
ท่านอาจารย์ใหญ่ธัมมะเสนะมาถึงเกือบเพล บ่นว่าอากาศร้อนมาก เมื่อทราบว่าอาตมามาทางเรือ ท่านบอกว่าไม่เคยไปเรือเลย คราวที่ไปหาอาตมาที่เกาะพระฤๅษีก็ไปทางรถยนต์ อาตมากราบเรียนท่านว่า ทางเรือนั่งสบายกว่า ไม่ต้องกินฝุ่นอีกด้วย เสียอย่างเดียวที่ต้องทนนั่งจนก้นระบมกว่าจะมาถึงได้...

ท่านสุโภคะมาล่า..เอ๊ย..ตรวจสอบรายชื่อ ว่าพระที่นิมนต์มีท่านใดมาบ้าง และท่านใดให้รูปอื่นมาแทน ของอาตมาท่านลงชื่อ “อูตุ๊ดัมมะ วัดนิคม” ง่ายดีเหมือนกัน พม่าใช้เสียง ต.เต่า แทน ส.เสือ และออกเสียง ธ.ธง เป็นเสียง ด.เด็ก ครึ่งหนึ่ง สุธัมมะจึงกลายเป็นตุ๊ดัมมะด้วยประการฉะนี้ ส่วนของท่านนาวิน ฉายาสัจจะญาโณของท่าน พม่าออกเสียงเป็นติสสะญาโณ ถ้าเรียกแค่ท่านติสสะ ก็กลายเป็นอีกคนไปเลย...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1286245700
ฉันเพลร่วมกัน ที่สองจากซ้ายคือท่านอาจารย์ใหญ่ธัมมะเสนะ

สรงน้ำและปลงผมกันก่อน ท่านอาจารย์ใหญ่ธัมมะเสนะ (ดัมมะเตนะ) ท่านศึกษาเรื่องของสมุนไพรใบยา และธาตุต่าง ๆ ที่มีอยู่ในตัวคนอย่างลึกซึ้ง ท่านแนะนำว่า หน้าหนาวแบบนี้ถ้าจะสรงน้ำต้องสิบโมงเช้าไปแล้ว ไม่เช่นนั้นอาจจะเจ็บไข้ได้ป่วยได้ง่าย ตัวท่านเองก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วย...

ตอนเพลนั่งฉันรวมกับท่านอาจารย์ใหญ่ ทุกท่านฉันด้วยมือทั้งนั้น มีอาตมารูปเดียวที่เล่นช้อนส้อมเต็มยศ เมื่อเสร็จจากของคาวแล้ว เขาย้ายไปฉันของหวานกันอีกที่หนึ่ง ถ้าเป็นเมืองไทยก็อดแน่ เพราะของเราถ้าลุกจากที่แล้วจะฉันอีกไม่ได้ เรื่องของความลักลั่นของพระวินัยนี้ยังมีอีกเยอะ...

คิมหันต์ 04-10-2010 18:30

1 Attachment(s)
อาตมาไล่วันเดือนปีขึ้นแรมเรียบร้อยแล้ว กำหนดการทอดกฐินของเกาะพระฤๅษีในวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๒ นี้ เป็นวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ แล้วขออนุญาตพระเถระที่อยู่กันพร้อมหน้า ขอให้งานกฐินวัดหนองบัวเป็นวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๑๑ เพื่อที่อาตมาจะได้มาร่วมงานได้โดยสะดวก...

อาตมาขอเองแบบนี้มีหรือจะไม่ได้ มันมีวิธีการที่หลวงพ่อท่านสอนมา เวลาเราขออะไรแล้วผู้อื่นมีแต่จะต้องคล้อยตามอย่างเดียว ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ แต่วิธีการนี้ผู้ที่นำไปใช้ต้องไม่เป็นผู้ที่โลภมาก และใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น ดังนั้นถ้าผู้ใดตัดความโลภได้ อาตมายินดีถ่ายทอดให้ทุกเวลา...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1286245818
แห่ปราสาทกฐินจากกลางหมู่บ้านไปให้พวกคุ้มมอญโมทนาและร่วมบุญด้วย

ทิ้งครูบาน้อยรับบรรดาพระเถระไปคนเดียว อาตมารีบไปดักตรงทางแยกหน้าหมู่บ้าน เพราะเสียงแห่องค์กฐินเริ่มดังใกล้เข้ามาแล้ว ครู่หนึ่งขบวนปราสาทผึ้ง ต้นสังฆทาน และต้นกฐินก็มาถึง อาตมาตามบันทึกภาพจนเขาแห่เข้าเขตบ้านมอญ จึงกลับมาที่วัด...

บ้านหนองบัวมีเขตที่เป็นกลุ่มชาวมอญล้วน ๆ อยู่กลุ่มหนึ่ง ทีแรกก็แค่เข้ามาขออาศัยทำกินด้วย ต่อมาได้แต่งงานแต่งการเกี่ยวดองเป็นญาติกันเข้า จึงกลายเป็นบ้านเดียวกันไปโดยปริยาย แต่ยังคงแยกบ้านเรือนเป็นสัดส่วนดังเดิม บางคนพูดไทยได้ แต่รุ่นเก่า ๆ จะพูดได้แต่มอญเท่านั้น...

คิมหันต์ 06-10-2010 17:32

1 Attachment(s)
มีพระเถระทยอยกันมาอีกหลายรูป ล้วนแต่น่ารักเหมือนปู่เหมือนตา คุยกันไม่รู้เรื่องตีใบ้ก็ยังเอา สนุกสนานเฮฮากันอยู่รอบวงสะตุมาดุ๊ (จตุมธุ) ซึ่งเป็นของที่ฉันหลังเที่ยงไปแล้วได้โดยไม่ผิดพระวินัย ทำมาจากน้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำมันงาและเนย เคี่ยวเข้าด้วยกัน รสหวานเลี่ยน ๆ พิลึก...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1286446066
พระไปนั่งล้อมวงจตุมธุ ญาติโยมก็ล้อมวงพาข้าวแลงกันบ้าง

ความจริงทางพม่าเขานิยมของฉันหลังเที่ยงไปแล้วชนิดหนึ่งเรียกว่า “ละแพ็ด” ทำด้วยใบชาหมัก (เมี่ยง) ผสมกับ ถั่ว งา กุ้งแห้ง กระเทียม และมะเขือเทศ ถือเป็นของที่เป็นหน้าตาของแต่ละวัด ถ้าวัดใดถึงเครื่องถึงรสให้ฉันได้ไม่อั้น เขาก็จะกล่าวขวัญกันไปนานแสนนาน อาตมาทราบดีว่ามันผิดพระวินัยเต็มประตู เพราะถั่ว งา กุ้งแห้ง มะเขือเทศ เป็นอาหารชัด ๆ ท่านนาวินก็ทราบดีเช่นกัน ดังนั้นงานของวัดหนองบัว ครูบาน้อยจึงห้ามญาติโยมทำละแพ็ดเลี้ยงพระเป็นอันขาด เพราะเขาปรับอาบัติเท่าฉันอาหารเย็นเลยทีเดียว มีหลายท่านบ่นที่วัดนี้ไม่มีละแพ็ดให้ฉัน ท่านว่าสะตุมาดุ๊มันไม่อิ่มท้อง...

คิมหันต์ 08-10-2010 22:37

1 Attachment(s)
ท่านนาวินนั้นบวชมาจากเมืองไทย จึงถือพระวินัยตามแบบไทย ท่านว่าเมื่อมาเป็นเจ้าอาวาสที่นี่ใหม่ ๆ มีพระรูปหนึ่งรังเกียจไม่ยอมคบหาด้วย เพราะท่านนั้นได้ทราบข่าวมาว่า พระไทยนั้นพระวินัยหย่อนยานมาก เมื่อมาพบการปฏิบัติที่เคร่งกว่าของท่านนาวินเข้า ก็ให้สงสัยเป็นกำลัง...

จนกระทั่งท่านได้มีโอกาสไปจำพรรษาที่เมืองไทย กลับมาคราวนี้มาขอคืนดีด้วย ท่านว่าสิ่งที่ท่านไปพบเห็นมากับคำเล่าลือมันตรงกันข้าม อาตมาจึงว่าเรื่องของพระวินัยนั้น ทั้งไทย มอญ พม่า ต่างก็มีที่รักพระวินัย และก็มีที่เลวจนไม่สนใจว่าพระวินัยเป็นอย่างไร..!

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1286566018
ห้ามไม่ทันแล้วครับ..พระเณรไปร่วมฉลองปราสาทกฐินกันหมดแล้ว..!

การจะเป็นพระหรือไม่เป็นพระนั้นอยู่ที่ศีล คือพระปาฏิโมกข์ ๒๒๗ ข้อ และอภิสมาจารเท่านั้น จะโกนหัว ห่มเหลือง ห่มกรัก ถ้าไม่รักพระวินัยก็ไม่ใช่พระ กลายเป็นปรทัตตูปชีวีเปรต คือต้องอาศัยใบบุญของญาติโยมเพื่อเลี้ยงตัวเอง พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่าเป็นมหาโจรประเภทหนึ่ง...

ปรึกษาหารือกับบรรดาพระเถระทั้งหลาย เรื่องที่ทำอย่างไรให้พระเณรทุกรูปรักศีลของตน ตกลงกันว่าจะเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ คือห้ามไม่ให้พระเณรเข้าไปเพ่นพ่านในหมู่บ้าน แต่ดูจะไม่ทันการณ์แล้ว เนื่องจากพระเล็กเณรน้อย พากันหายไปทางเสียงฉลองปราสาทกฐินทางบ้านมอญ จนแทบจะไม่มีเหลือ...

คิมหันต์ 09-10-2010 14:42

2 Attachment(s)
ท่านอาจารย์อุตตะมะแห่งวัดสามพระยายังไม่มา ลุงทองแดงทายกวัดหนองบัว จึงนำดอกไม้ธูปเทียนมานิมนต์ท่านอาจารย์ใหญ่ธัมมะเสนะขึ้นเทศน์ฉลองกฐินแทน ญาติโยมฟังกันแน่นทั้งศาลา เนื่องจากท่านอาจารย์เป็นนักเทศน์ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่งของแถวนี้เลยทีเดียว...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1286611858
ท่านอาจารย์ใหญ่ธัมมะเสนะเทศน์ฉลององค์กฐิน

กว่าท่านอาจารย์ใหญ่จะเทศน์เสร็จก็มืดสนิท ถึงคราวเทศน์ของหลวงตาปัณฑิตะ วัดบ้านใหม่ หลอดไฟมันดันเสีย ญาติโยมปล้ำเท่าไรก็ไม่ยอมติด เดือดร้อนถึงอาตมาต้องปีนหลังคาเอง กว่าจะแก้ได้เล่นเอาเหงื่อตก ขนาดนั้นหลวงตาปัณฑิตะยังต้องจุดเทียนช่วยจึงอ่านใบลานได้...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1286611858
หลวงตาปัณฑิตะ วัดบ้านใหม่เทศน์ ต้องจุดเทียนช่วยถึงอ่านคัมภีร์ได้

หลังเทศน์แล้วมีวีดีโอฉายที่ลานวัด อาตมาไม่สนใจของพรรค์นี้อยู่แล้ว จึงเข้าจำวัดตามปกติ จับลมหายใจภาวนา ครู่เดียวประสาทหูก็ตัดขาดจากเสียงภายนอก จิตดิ่งลึกเข้าสู่องค์ภาวนาตามลำดับ สงบเยือกเย็นปราศจากการปรุงแต่งทั้งปวง ปล่อยเขาเร่าร้อนกันไปตามวิถีของตน...

คลิกเพื่ออ่านตอนต่อไป


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:35


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว