กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   สนุกสนานวุ่นวายในเนปาล (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=62)
-   -   สนุกสนานวุ่นวายในเนปาล ตอนที่ ๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4604)

สุธรรม 01-10-2015 14:05

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443683042
บินขึ้นมาแล้วจึงเห็นว่าที่จอดอยู่นั้นแทบจะสายการบินเดียว

โอ้โฮเว้ย..อาตมาเองก็เพิ่งเคยพบ "เจ้าแม่หลักเมือง" เป็นครั้งแรกเช่นกัน ปกติแล้วผู้หญิงที่หลุดเข้าไปในชั้นจตุมหาราชิกาได้ ต้องเป็นสุดยอดฝีมือจริง ๆ แล้วนี่แม่นางยังเป็นอินทกะ มีสิทธิ์ขึ้นเป็นท้าวจตุมหาราชได้อีกด้วย แสดงว่าเป็นที่สุดของที่สุดทีเดียวเชียว...

อาตมาบอกกับเทวีคนสวยว่า สิ่งแรกที่ขอรบกวนก็คือ อยากเห็นยอดเขาเอเวอเรสต์จากบนเครื่องบิน นภิสราเทวียิ้มหวาน "ได้เจ้าค่ะ ดิฉันจะจัดให้" เออ..เทวดานางฟ้าแถวนี้พูดไทยชัดดีเว้ย ถ้า "หลงโถวแหย" แนะนำว่า "นะพิกซารา" จนกลายเป็น เพราะอาตมาอาจจะฟังเป็น "น้ำพริกสละ" ไปก็ได้ เมื่อขอบคุณทุกท่านแล้วภาพนิมิตก็เลือนหายไปตามเคย...

กัปตันซารูดินนำเครื่องเคลื่อนออกจากงวงตรงเวลา แต่ต้องมา "รอหลีก" เครื่องอื่น ๆ ที่ทั้งขึ้นและลงอยู่นาน จนเที่ยงสิบห้านาทีถึงได้ฤกษ์ทะยานขึ้นฟ้า "หลงโถวแหย" และบริวารน้อมคารวะตามหลังมา ส่วนนภิสราเทวีหายไปไม่ได้เห็นหน้า ขืนให้เห็นนาน ๆ อาตมาอาจจะยึดปฏิปทาของท่านพระนันทเถระ ที่ปฏิบัติธรรมเพื่อแลกกับนางฟ้าก็เป็นได้..!

สุธรรม 02-10-2015 04:17

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443734197
ขายเท่านั้น..อย่าหวังเลยว่าจะได้กินฟรี..!

อาตมาบอกกับน้องเก๋ว่า กัปตันน่าจะเป็นคนในพื้นที่ เพราะเนปาลอยู่ในหุบเขาก้นกระทะ ถ้าไม่คุ้นเคยกับแรงลมและภูมิประเทศแล้ว มีสิทธิ์บินชนภูเขาตายกันยกลำเหมือนกับที่การบินไทยของเราเคยเจอมาแล้ว เช่นเดียวกับการไปลาดักของอินเดีย ถ้าไม่ใช่กัปตันสุริยาแล้ว ไม่มีใครกล้าเอาเครื่องลงสนามบินลาดัก เพราะทั้งลมทั้งหมอกทั้งหุบเขา สนามบินก็สั้นมาก ๆ สิ้นกัปตันสุริยาแล้ว คงต้องไปลาดักด้วยการนั่งรถจนตูดระบม ยายน้องตัวแสบยิ้มแบบไม่น่าไว้ใจ พร้อมกับถามว่า “แปลว่าเราต้องรีบไปลาดักกันใช่ไหมคะ ?”

เมื่อสัญญาณรัดเข็มขัดดับลง พนักงานก็เข็นรถขายอาหารออกมาบริการ ฮ่า..ที่คิดจะกินฟรีนั้นฝันไปเถอะ สายการบินต้นทุนต่ำแบบนี้ เขาต้องหาทางโกยกำไรให้มากที่สุด ลดรายจ่ายให้น้อยที่สุด เมื่อพนักงานถามว่า “Do you want some food or drink ?” อาตมาจึงปฏิเสธไป น้องเก๋ถามว่า “เอาน้ำดื่มสักขวดไหมคะ ? หนูจะถวาย” อาตมาเห็นว่ากว่าจะไปถึงเนปาลอีกตั้งสามชั่วโมงเศษ จึงตอบว่า “ได้สักขวดก็ดี”...

น้องเก๋สั่งน้ำมาให้ ขวดขนาด ๖๐๐ มิลลิลิตร ถ้าจ่ายเป็นเงินริงกิตตก ๓๓.๓๓ บาท แต่จ่ายเป็นเงินไทยจึงถูกปัดเศษเป็น ๓๕ บาท เมื่อส่งน้ำให้กับอาตมาแล้ว ก็หันไปไปสั่งข้าวพะแนงไก่มาลองชิมรสชาติ เจอเข้าไปกล่องละ ๒๐๐ บาทถ้วน คงอิ่มเพราะจุกไปอีกนาน..!

สุธรรม 02-10-2015 16:19

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443777459
ดูลักษณะพื้นที่แล้วน่าจะผ่านพม่าบางส่วน อินเดีย แล้วเข้าเนปาล

ดื่มน้ำแล้วอาตมาย่องไปเข้าห้องน้ำทางท้ายเครื่อง จึงได้เห็นแม่ป๋อมกินข้าวกล่องละ ๒๐๐ บาทเหมือนกัน ส่วนป้ามอย น้องเล็กกับลูกปุ๊ก กินบะหมี่ถ้วยรสต้มยำกุ้ง ราคาถ้วยละ ๑๗ หยวน ก็ตกเก้าสิบบาท ของลูกปุ๊กเป็นรสผัก ราคาถ้วยละ ๑๓ หยวน ประมาณเจ็ดสิบบาท อาตมาได้ยินแล้วต้องรีบเข้าห้องน้ำโดยด่วน เพราะตกใจของแพงจนเกือบจะฉี่ราด..!

กลับมานั่งอ่าน “อาปา” ยังที่นั่งของตัวเอง โชคดีที่ไม่มีใครนั่งด้วย ส่วนน้องเก๋มีหนุ่มนั่งอยู่ข้าง ๆ แต่ไม่สนใจ “สาวสวย” จากเมืองไทยเลย เอาแต่คุยกับเพื่อนตัวเอง อ่านหนังสือไปได้สักพัก น้องเก๋ก็ถามว่า “เรากำลังมุ่งหน้าไปทางไหนคะ ?” อาตมาดูแดดบ่ายที่ส่องเฉียงเข้ามาทางขวามือแล้วตอบด้วยความมั่นใจว่า...

“ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ น่าจะผ่านพม่าบางส่วน อินเดีย แล้วเข้าเนปาล” อีกฝ่ายไม่หายสงสัย “ทำไมเขาไม่บินขึ้นเหนือตรง ๆ เลยละคะ ?” เอ..? นี่เห็นตูเป็นกัปตันไปซะแล้ว ก็เพราะเขาต้องหาทางไปที่สั้นที่สุด สะดวกและปลอดภัยที่สุดนะซีเว้ย..!

สุธรรม 03-10-2015 02:55

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443815634
กำลังผ่านเขตอากาศแปรปรวน..โปรดรัดเข็มขัดนิรภัยด้วยครับ

อ่านหนังสือไปได้อีกพัก เสียงน้องเก๋ก็ดังข้ามแถวมาอีกว่า “ดูจากแผนที่เส้นทางการบินในหนังสือแล้ว เป็นทิศตะวันตกเฉียงเหนือจริง ๆ ค่ะ ผ่านช่องแคบมะละกาด้วย” เออ..ตูผิดเองที่ลืมบอกไปว่า ตอนเรียนวิชาทหาร ตูสอบวิชาแผนที่และเข็มทิศได้คะแนนเต็มร้อยอยู่คนเดียว..!

อ่านหนังสือต่อจนรู้สึกว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเงียบไป พอมองไปถึงได้เห็นว่า เมื่อหมดความสงสัยแล้วคุณน้องเธอก็หลับ ไม่สนใจหนุ่มข้าง ๆ เหมือนกัน เข้าตำรา “เงียบเป็นหลับ” จริง ๆ อาตมาจึงอ่าน “อาปา” ต่อด้วยความเพลิดเพลิน ลุ้นว่าอนาคตของไอ้หนุ่มซินตึ๊งอย่าง “ก๊กเจี่ยง” “เม้งจู” และ “ตี๋เล็ก” จะเป็นอย่างไร แต่ “เจ๊ซกลั้ง” เธอเขียนภาษาจีนกลาง แต้จิ๋ว จีนแคะ ปนกันมั่วไปหมด ดันเอาชื่อ “เม้งจู” ของผู้หญิงมาตั้งให้ผู้ชายอีกด้วย ถ้าไม่รู้ภาษาจีนเลยคงจะสนุกกว่านี้อีกมาก...

บ่ายโมงกว่าของไทย ถ้าเป็นเวลาเนปาลก็คงเที่ยงพอดี กัปตันขอให้ผู้โดยสารทุกคนรัดเข็มขัด เพราะผ่านพื้นที่อากาศแปรปรวน อาตมาจึงปิดหนังสือ “ขยัก” ไว้อ่านวันอื่น เพิ่งจะรัดเข็มขัดเสร็จเครื่องก็สั่นสะเทือนอย่างแรงเป็นระยะ แต่อย่าหวังเลยว่าน้องเก๋จะตื่น ฮ่า...

สุธรรม 03-10-2015 17:33

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443868322
แผ่นดินแห้งแล้งกรอบเกรียมไปหมด

มองดูทิวทัศน์ข้างนอกหน้าต่าง เห็นแม่น้ำสายน้อยสายใหญ่ไหลลงทะเลเป็นตับ น่าจะเป็นปากน้ำอิระวดี (Ayawadee) ของพม่า แต่กระนั้นผืนดินก็ยังดูแห้งแล้งไม่มีสีเขียวเลย คงยังเป็นหน้าแล้งอยู่ จึงไม่มีการไถหว่านอะไร...

เมื่อไม่มีอะไรน่าดู อาตมาก็จับลมหายใจภาวนาแทน จนได้ยินเสียงน้องเก๋ถามว่า “ถึงเป็นเทวดามิจฉาทิฏฐิ แต่ก็ยังมีหิริโอตตัปปะใช่ไหมคะ ?” ตื่นขึ้นมาก็สงสัยเชียว ถูกต้องแล้วครับ คำว่ามิจฉาทิฏฐิหมายถึงเห็นผิดไปจากทำนองคลองธรรม ไม่ได้แปลว่า “ชั่ว” นะจ๊ะ...

ดูนาฬิกาเห็นเป็นเวลาบ่ายสามโมงของเมืองไทย ตกบ่ายโมงสี่สิบห้านาทีของเนปาล นอกหน้าต่างเป็นแผ่นดินแห้งแล้งกรอบเกรียมที่กว้างใหญ่ไพศาล มีแม่น้ำขนาดใหญ่ที่เป็นสันดอนทรายเกือบตลอดสาย เหลือให้น้ำไหลผ่านได้แค่ช่วงที่ลึกเท่านั้น นี่คงเป็นแม่น้ำคงคา (Ganga) ของอินเดียแล้ว แผ่นดินช่างร้อนแล้งน่าหดหู่เหลือเกิน...

สุธรรม 04-10-2015 03:01

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443902396
เห็นแต่แนวเมฆ แล้ว "ยอดเขาไกรลาส" อยู่ที่ไหนหนอ ?

ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าเข้ม นาน ๆ จะมีเมฆขาวสักก้อน คล้ายกับวลาหกเทพบุตรไม่คิดจะเยี่ยมกรายมาสู่แผ่นดินนี้เลย ชมพูทวีปอันยิ่งใหญ่ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน เหตุใดจึงเหมือนกับแผ่นดินต้องสาป ที่สั่งสมความทุกข์ยากนานัปการจนปานฉะนี้หนอ ?

ครึ่งชั่วโมงต่อมาแนวเมฆก็เริ่มมากขึ้น จับเป็นทางยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา อาตมาหยิบกล้องมาถ่ายรูปเอาไว้ ครู่ต่อมาเสียงฮือฮาของผู้โดยสารก็ดังขึ้น ทุกคนหันไปมองนอกหน้าต่างเป็นตาเดียว ผู้โดยสารที่มีเพื่อนนั่งทางด้านซ้าย ก็พลอยเฮละโลมาดูด้วย...

“เอเวอเรสต์หรือคะ ?” น้องเก๋ที่เห็นปฏิกิริยาของผู้โดยสารก็เดาออก ถามมาเบา ๆ อาตมาเพ่งจนตาเหล่ก็เห็นแต่แนวเมฆยาวเหยียด ไม่รู้ว่ายอดเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงไหน “เจ้าที่รักษาแผ่นดินเนปาลเป็นผู้หญิง ชื่อนภิสราเทวี รับปากว่าจะให้ดูยอดเขาเอเวอเรสต์ รอเธอหน่อยก็แล้วกัน”...

สุธรรม 04-10-2015 16:59

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443952689
ข้างนอกแห้งแล้งกรอบเกรียม ข้างในเขียวขจีเหมือนหนังคนละม้วน

แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีอะไรโผล่มาให้เห็น “ยัยนภิสรา” มัวแต่ไปทำอะไรอยู่วะ ? คนสวยนี่หลอกยิ่งกว่าผีซะแล้ว แนวเขาแห้งแล้งกรอบเกรียมเริ่มปรากฏต่อสายตา สงสัยว่าจะอยู่ในเขต “เงาฝน (Rain Shadow)” จึงไม่ได้รับน้ำเลย แต่ไม่ใช่ “สักการะมาตา” ที่ชาวเนปาลีเรียกยอดเขาเอเวอเรสต์แน่นอน เพราะไม่มีหิมะสักนิดเดียว...

ทิวเขาแห้งแล้งแน่นขนัด มีร่องรอยของทางน้ำไหลแทรกอยู่ทั่วไปในร่องเขา แต่หาน้ำไม่ได้เลยสักหยดเดียว ผ่านไปอีก ๕ – ๖ นาทีจึงเริ่มมีต้นไม้เขียว ๆ ขึ้นมาบ้าง มีทางลูกรังลัดเลาะไปตามไหล่เขา แสดงว่าเริ่มเป็นเขตที่มีผู้คนอาศัยอยู่แล้ว...

สองนาทีต่อมาขุนเขาเขียวขจีเหมือนกับหนังคนละม้วนก็ปรากฏต่อสายตา แสดงว่าเป็นภายในหุบเขากาฏมาณฑุแล้ว บริเวณในหุบเขาที่ไม่ได้เป็นที่ราบเรียบนัก มีบ้านเรือนตั้งอยู่เป็นระยะ หมู่ใหญ่บ้าง หมู่เล็กบ้างตามแต่พื้นที่จะอำนวย บางหลังก็โดดเดี่ยวเดียวดายอยู่บนยอดเขา เหมือนกับไม่ได้คิดถึงตอนขึ้นลงเอาเสียเลย...

สุธรรม 05-10-2015 01:09

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443982107
ถนนสี่เลนสายเดียวของเนปาล

สัญญาณรัดเข็มขัดดังขึ้นพร้อมกับเครื่องบินลดระดับลงไปเรื่อย ๆ ผ่านบ้านเรือนและไร่นามากมาย ช่วงไหนเป็นเนินเขาก็มีต้นไม้ขึ้นอยู่เขียวครึ้ม บางช่วงมีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้วย ใครตั้งบ้านอยู่ใกล้สระน้ำก็นับว่าเป็นโชคดีของคนนั้นไป...

ตึกรามบ้านช่องเริ่มดูสวยงามทันสมัยขึ้น แต่ก็สูงมากที่สุดเพียง ๕ – ๖ ชั้นเท่านั้น ถนนส่วนใหญ่เป็นถนนดินบดอัด มีแค่บางสายที่ลาดยาง มองจากที่สูงแบบนี้จึงเห็นชัดว่า กรุงกาฐมาณฑุมีภูเขาล้อมรอบเป็นแอ่งกระทะ มีแม่น้ำสายไม่ใหญ่นักไหลลัดเลาะไปตามชุมชน ยิ่งเข้าใกล้ใจกลางหุบเขา ตึกรามบ้านช่องก็ยิ่งหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ...

เครื่องบินต่ำจนเห็นถนนสี่เลนสายเดียวของเนปาล แล้วกัปตันซารูดินก็พาเครื่องลงสัมผัสพื้นสนามบินตรีภูวัน (Tribhuvan International Airport) อย่างนุ่มนวลน่าปรบมือให้ ตอนเวลาบ่ายสามโมงสามสิบห้านาทีของเมืองไทย ตรงกับบ่ายสองโมงยี่สิบนาทีของเนปาล เกินเวลาไปยี่สิบนาที...

สุธรรม 05-10-2015 16:37

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444037780
ลงทางท้ายเครื่องแล้วไปขึ้นรถ

เครื่องจอดอยู่กลางสนามบิน พวกเราปลดเข็มขัดนิรภัย ดึงกระเป๋าออกจากช่องเก็บ ท่ามกลางเสียงของกัปตันซึ่งขอบคุณพวกเราที่ใช้บริการ อาตมาคิดว่างานนี้กว่าจะเดินถึงหัวเครื่อง ก็คงจะอ่วมเหมือนกัน ดีที่เขาเปิดท้ายเครื่องให้อีกประตู จึงเฮโลตามกันมาลงทางท้ายเครื่องแทน...

ทางสนามบินจัดรถมารับอยู่สองคัน สำหรับผู้โดยสารที่ลงทางประตูหน้า ๑ คัน และที่ลงทางประตูหลัง ๑ คัน อาตมาเดินขึ้นไปรถก็แน่นแล้ว แต่น้องเล็กเอากระเป๋าเดินทางวางกันที่ข้างประตูไว้ให้ จึงได้ที่นั่งแม้จะขึ้นทีหลังคนอื่นเขา...

รถเต็มก่อนที่คนจะหมดลำ พลขับพารถวนกลับมุ่งตรงไปยังอาคารสนามบิน ไม่ถึงครึ่งนาทีก็จอดให้ลงเดิน ฮ่วย..อุตส่าห์เอารถมารับ ตูก็นึกว่าไปไกล ที่แท้พามาส่งแค่นี้เอง พวกเราลากกระเป๋าไปตามทางเดินที่ขนานกับอาคารสนามบิน เนื่องจากคนแน่นมาก จึงต้องตามกันไปช้า ๆ...

สุธรรม 06-10-2015 03:18

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444076841
ห้องน้ำอยู่ด้านหลังทางขวามือของรูปนี้

เดินไปอาตมาก็มองหาป้ายห้องน้ำไปด้วย เมื่อโผล่มาตรงรูปวาดขนาดใหญ่ที่เป็นภาพประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานในพุทธประวัติ ก็เห็นป้ายห้องน้ำชี้ไปทางด้านหลังขวามือของรูปภาพ อาตมาเดินตามป้ายไปเจอหญิงเนปาลีสามคน ซึ่งน่าจะเป็นพนักงานทำความสะอาด นั่งพักกันอยู่บริเวณทางเข้าห้องน้ำ จึงต้องเล็งจนแน่ใจว่าเป็นห้องของผู้ชายก่อนที่จะเดินเข้าไป...

ห้องน้ำมีสภาพไม่นับว่าเลวร้าย ถึงแม้จะเก่าและกลิ่นฉุนไปหน่อย ปัสสาวะแล้วเดินออกมา เห็นน้องเล็กคว้าเอาใบผ่านแดนของเนปาลมาเป็นปึก กำลังแจกให้พวกเราอยู่ ปกติเขาแจกกันบนเครื่องบิน อาศัยเวลานั่งเครื่องนาน ๆ เขียนกันจนเสร็จ นี่เล่นให้มาหยิบเอาข้างในสนามบิน ต้องเสียเวลากรอกข้อมูลกันอีก แทนที่จะไปประทับตราหนังสือเดินทางได้เลย...

ใช้ม้านั่งเป็นโต๊ะรองเขียนหนังสือไปตาม ๆ กัน เสร็จแล้วอาตมาเดินไปยังช่องของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ถึงแม้จะมีหลายช่องแต่ก็แถวยาวทีเดียว ล้วงเอาหลักฐานสารพัดที่ใส่ซองเตรียมมาพร้อมกับเงิน ๒๐ ดอลลาร์ เพื่อจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ตามระเบียบ เสียง “ท่านพ่อ” บอกว่า “เก็บไว้ตามเดิม กลับบ้านตัวเองไม่ต้องใช้..!”

สุธรรม 06-10-2015 17:02

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444125679
พระทิเบตผ่านช่องทางทั่วไป ส่วนพระไทยเส้นใหญ่ผ่านช่องทางพิเศษ

“Official ช่องโน้นค่ะหลวงพ่อ” แม่ป๋อมชี้บอก อาตมาบินเดี่ยวเข้าไปเพราะช่องนี้ไม่มีใครเลยสักคน ส่งหนังสือเดินทางให้กับเจ้าหน้าที่ “Official, Sir” เจ้าหน้าที่รับไปเปิดดู แล้วลอกสติ๊กเกอร์ Arrival ที่มีหมายเลขการเข้าเมืองแปะลงไป เขียนวันเดือนปีแล้วลงลายเซ็น จากนั้นประทับตราแล้วส่งคืนให้โดยไม่พูดอะไรสักคำเดียว..!

“Thank you, Sir” ภาษิตกะเหรี่ยงว่า “ยกมือวันทาหมายังไม่กัด” การยกย่องคนด้วยคำพูดจัดเป็นบุญในอปจายนมัยอีกด้วย อาตมาเดินออกไปรอคณะที่ด้านนอก เห็นพระทิเบตสองรูปที่ตามมา ต้องไปลงประทับตราที่ช่องทั่วไป สักครู่ก็เดินตามกันออกมา...

น้องเก๋กับน้องเล็กออกมาก่อน เราสามคนจึงเดินไปทางที่พระทิเบตท่านไป จึงเห็นว่าเป็นบันไดเลื่อนเดินลงไปชั้นล่าง อ้าว..ที่แท้เราอยู่ชั้นบนหรอกหรือ ? เพิ่งเข็นกระเป๋าผ่านสายพานกั้นช่องทางเดินออกไปที่ประตูแคบ ๆ ยายจี๋ ป้ามอย แม่ป๋อม และลูกปุ๊กก็ลงบันไดเลื่อนตามมา...

สุธรรม 07-10-2015 02:50

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444160959
ตรงทางออกมีพระพุทธรูปแบบเนปาลที่งดงามมาก

พวกเราเดินไปรอรับกระเป๋าที่สายพานหมายเลข ๓ ตามประกาศ อาตมาเข้าไปรอเป็นเพื่อนด้วยทั้งที่ไม่มีกระเป๋าให้รับ เจ้าหน้าที่มาต้อนให้ไปยังสายพานหมายเลข ๕ ลูกปุ๊กบอกว่าต้องหมายเลข ๓ แต่เมื่อเห็นทุกคนเฮโลไปทางหมายเลข ๕ ก็ต้องแบกเป้ตามไปแต่โดยดี เล่นบอกว่าต้องย้ายสายพานด้วยวิธีนี้ก็ดีเหมือนกัน...

รับกระเป๋ามาแล้วก็เดินไปตามทางออกช่วงสั้น ๆ ที่นี่จะออกจากสนามบินก็ต้องเอากระเป๋าเข้าเครื่อง X-Ray ด้วย อาตมาส่งกระเป๋าเข้าเครื่องแล้วเดินไปรอทางด้านท้าย ไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่คอยดูเครื่องสักคน แล้วตรวจไปทำไมวะ ? เมื่อน้องเล็กตามมาชี้ให้ดู อาตมาจึงเห็นว่าเจ้าหน้าที่ซุกตัวอยู่หลังเครื่อง กำลังเพ่งจออย่างขะมักเขม้น...

รับกระเป๋าแล้วเข็นตามผู้โดยสารอื่น ๆ ออกไปทางขวามือที่เป็นประตูกระจก เห็นมีคนมารอรับญาติกันแน่นขนัด ทางซ้ายมือมีซุ้มประชาสัมพันธ์ ที่มีพระพุทธรูปงาม ๆ แบบเนปาล ขนาดหน้าตักประมาณ ๒๐ นิ้ว มีป้ายติดไว้ว่า “Birthplace of Lord Buddha, Nepal”...

สุธรรม 07-10-2015 15:27

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444206406
ร้านแลกเงินที่รับรองโดยรัฐบาลเนปาล

ซุ้มถัดไปที่อยู่ใกล้กัน เป็นร้านรับแลกเงินชื่อ “Yeti Money Exchange” มีตัวหนังสือเล็ก ๆ ในวงเล็บว่า “Authorised by Government of Nepal” แสดงว่ามีรัฐบาลเนปาลเป็นประกัน อาตมาหยุดรอทุกคน แล้วปรึกษากันว่าควรที่จะแลกเงินรูปีไว้สักเท่าไรดี ?

น้องเก๋บอกว่าค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ คิดเป็นเงินไทยประมาณคนละ ๓๕๐ บาท ให้แลกกันแค่นี้ก็พอ แต่ทุกคนตั้งใจแลกกันคนละ ๕๐๐ บาท มีอาตมากับยายจี๋ที่ใจป้ำ ขอแลกคนละ ๑,๐๐๐ บาทไปเลย ทุกคนรวบรวมเงินส่งมาให้อาตมาเป็นคนเข้าไปแลก...

น้องเก๋เดินออกไปดูว่ารถที่ทาง NAVO Tour ติดต่อไว้มาหรือยัง ? อาตมาเดินตามสาวแหม่มและหนุ่มสาวชาวจีนเข้าไปแลกเงิน เห็นที่ป้ายเขียนว่าเงินไทย ๑ บาท แลกได้ ๒.๗๐ รูปี เมื่อเห็นหน้าผู้รับแลกเงินที่ไม่ยักใช่มนุษย์หิมะ (Yeti) ก็ส่งเงิน ๔,๕๐๐ บาทให้ รับเอา ๑๒,๑๕๐ รูปีกลับมา แล้วเดินออกไปทางประตูกระจกสู่ด้านนอกของสนามบิน...

สุธรรม 08-10-2015 03:38

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444250213
รถตู้ที่ใหม่เอี่ยมน่าประทับใจ

“ไกด์ของเราอยู่ทางนี้ค่ะ” น้องเก๋ตะโกนบอกมา พลางชี้ไปที่หนุ่มเสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงขายาวสีดำที่มีพุงพองาม ซึ่งยกป้าย “KAMALA SUWANTHAMA” ต้อนรับอยู่ พร้อมกับเดินมารับกระเป๋าเดินทางจากอาตมา “What’s your name ?” อีกฝ่ายตอบว่า “Saman (สามัญ)” แล้วยกกระเป๋าไปไว้ท้ายรถตู้ Toyota Commuter ใหม่เอี่ยมน่าประทับใจ ส่วนพวกเรามีคนช่วยยกกระเป๋าตามมาอีกสองคน...

แต่ตอนขึ้นรถแล้วนี่สิ นายสามานย์บอกว่า ให้จ่ายทิปแก่คนยกกระเป๋าด้วย เฮ้ย..แค่ไม่ถึง ๒๐ เมตรนี่ต้องจ่ายด้วยหรือวะ ? อาตมาก็คิดว่าเป็นเด็กรถของคุณ ว่าแล้วก็ล้วงกระเป๋าแบบไม่ยินยอมพร้อมใจ เงินที่แลกมาก็มีเศษแค่ ๑๕๐ รูปี นอกนั้นเป็นใบละพันล้วน ๆ...

สุดท้ายจ่ายค่าโง่ด้วยการทิปคนแรกไป ๑๐๐ รูปี คนหลังรับเงินไทยไป ๕๐ บาท แม่ป๋อมประท้วงว่ามากกว่า ๑๐๐ รูปีตั้งเยอะ ช่างมันเถอะ..ไม่มีใบเล็กกว่านี้ นึกว่าซื้อความรู้ก็แล้วกัน ซ้ำนายสามานย์ยังเปิดเครื่องปรับอากาศที่มีแต่ลมร้อนฉ่าให้อีก เล่นเอาทุกคนเครียดไปตาม ๆ กัน...

สุธรรม 08-10-2015 13:52

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444287103
ที่เดินพูดโทรศัพท์เหมือนคนปวดหูนั่นแหละ..มัคคุเทศก์ราเมศวร์

เมื่อรถจะออกตัว หนุ่มแน่นสามพันตึงที่ใส่เสื้อเชิร์ตลายน้ำเงินฟ้า นุ่งกางเกงยีนส์ที่ขึ้นมานั่งคู่กับคนขับ ก็แนะนำตัวว่าเป็นมัคคุเทศก์ อ้าว..อาตมานึกว่านายสามานย์เป็นมัคคุเทศก์เสียอีก คุณกมลาเองก็มึนไปเหมือนกัน จึงต้องถามชื่อเสียงเรียงนามกันใหม่...

“Ramesh” อ้อ..ลูกหลานของพระรามนี่เอง นายราเมศวร์พูดภาษาอังกฤษสำเนียงแขกเร็วปรื๋อว่า เนื่องจากเครื่องบินเสียเวลาไปมาก วันนี้คงไม่สามารถที่จะพาคณะของพวกเราไปพระสถูปโพธานารถ (Boudhanath) และพระสถูปสวยัมภูวนารถ (Swayambhunath) ได้ครบทั้งสองที่ ให้ไปทำวีซ่าเข้าทิเบตที่สำนักงานท่องเที่ยวของเขาก่อน แล้วค่อยไปที่พระสถูปโพธานารถแห่งเดียว จะได้ไม่เดินทางเข้าที่พักซึ่งอยู่ถึงเมืองปาทาน (Patan) ค่ำเกินไปนัก...

อยู่กับแป๊ะก็ต้องเชื่อแป๊ะ เมื่ออยู่กับแขกก็ต้องเชื่อแขก พวกเราจึงต้อง “OK” เท่านั้น อาตมาเป็นห่วงเรื่องน้ำกินของที่นี่ ซึ่งค่อนข้างจะหาน้ำสะอาดยาก น้องเก๋จึงถามว่า จะหาซื้อน้ำดื่มกับผลไม้ได้ที่ไหน ? ยังไม่ทันพูดจบรถก็วิ่งผ่านร้านขายผลไม้พอดี...

สุธรรม 09-10-2015 02:27

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444332386
กลางถนนแท้ ๆ ยังสร้างเทวาลัยไว้ให้สักการะ

นายราเมศวร์บอกว่าผลไม้มีขายทั่วไป ส่วนน้ำดื่มถ้าซื้อยกโหลจากซูเปอร์มาร์เก็ตจะราคาถูกหน่อย พวกเราจึงตกลงใจว่าไปซื้อน้ำดื่มกันก่อน นายสามานย์พารถฝ่าการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่นเพราะถนนแคบ วิ่งผ่านตึกรามบ้านช่องที่มีแต่เตี้ย ๆ ชั้นเดียวบ้าง สองชั้นบ้าง ขึ้นเนินลงเนินไปตามภูมิประเทศ แสดงว่าเนปาลอยู่บนพื้นที่ภูเขาจริง ๆ...

บางแห่งมีเทวาลัยตั้งอยู่กลางถนนเลย รถยนต์วิ่งผ่านไปผ่านมาแน่นขนัด ยังอุตส่าห์มีคนไปถวายเครื่องสักการะกันอีก เห็นป้ายชื่อธนาคารพระพุทธ (Buddaha Bank) ร้านสิทธารถะรับแลกเงิน (Sittharatha Exchange) แล้ว ทำให้อาตมามั่นใจว่า ถึงเนปาลจะเป็นประเทศเดียวในโลกที่ประกาศให้ศาสนาฮินดูเป็นศาสนาประจำชาติ แต่อย่างไรเสียพระพุทธศาสนาต้องอยู่ในหัวใจชาวเนปาลส่วนหนึ่งซึ่งค่อนข้างมากแน่ ๆ...

คนเนปาลขับรถชิดซ้ายเหมือนกับบ้านเรา จึงไม่ต้องคอยเตือนสติตัวเองเหมือนกับไปประเทศที่เขาขับรถชิดขวา อากาศในรถเริ่มเย็นลงจนเบาใจว่า ที่ร้อนในตอนแรกเป็นเพราะจอดรถตากแดดรอพวกเรานานไปหน่อย เมื่อถามว่าช่วงนี้อากาศยังหนาวไหม ? นายราเมศวร์บอกว่าเป็นปลายฤดูใบไม้ผลิ (Spring) แล้ว อากาศเริ่มร้อนขึ้น คงจะใกล้เคียงกับภูเก็ตของไทย...

สุธรรม 09-10-2015 15:32

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444379440
เหลือง ๆ กลม ๆ ทางขวาสุดนั่นแหละครับ..ลาดู

ถามว่าเคยไปภูเก็ตด้วยหรือ ? นายราเมศวร์บอกว่าไปมาหลายครั้ง ตอนนี้การเมืองของไทยเป็นอย่างไรบ้าง ? เล่นเอาทั้งอาตมาและน้องเก๋ถึงกับใบ้รับประทาน ..อึ้งครับอึ้ง.. ไม่คิดว่าจะมาเจอคำถามแบบนี้ ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ บอกว่า พวกเราเที่ยวอย่างเดียว ไม่สนใจการเมืองหรอก..!

นายสามานย์ช่วยชีวิตเอาไว้พอดี เพราะเลี้ยวซ้ายเข้าไปในลานจอดรถค่อนข้างกว้าง บอกว่ามาถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว พวกเราลงจากรถเดินไปที่ ”ห้องแถว” ซึ่งมีป้ายบอกทางเข้าออกเป็นภาษาอังกฤษ ทางเข้าเป็นคำว่า “Entrance” สีเขียว ส่วนทางออกเป็นคำว่า “No Entry” สีแดง เพิ่งเดินเข้าไปก็เห็นน้ำดื่มขนาดลิตรครึ่ง ตั้งอยู่เป็นตับทางขวามือ...

พวกเราขอเดินเข้าไปดูข้างในก่อนว่ามีอะไรขายบ้าง อาตมาเดินตามเข้าไปด้วย เห็นแต่ของกินของใช้เต็มไปหมด เพียงแต่หน้าตาแปลกกว่าบ้านเราอยู่บ้าง น้องเก๋สนใจขนมแห้งต่าง ๆ ถามนายราเมศวร์ด้วยความสนใจว่า ขนมข้าวปั้นสีเหลือง ๆ กลม ๆ ในกล่องสวย ๆ นั่นคืออะไร ? อาตมาตอบแทนว่า “ลาดู” นายราเมศวร์ก็ตอบว่า “Ladoo” เช่นกัน...

สุธรรม 10-10-2015 02:39

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444419469
บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าตึกแถว

ที่อาตมาตอบได้จนนายราเมศวร์แปลกใจนั้นไม่ใช่อะไรหรอก ก็เพราะตอนเรียนวิชาฟังและพูดภาษาอังกฤษ ท่านอาจารย์ ดร.นิรุธ อำนวยศิลป์ เปิดแต่หนังแขกพากษ์ภาษาอังกฤษให้ดูและฟังเกือบทั้งเทอม จึงพอที่จะรู้จักวัฒนธรรมการกินการอยู่ของชาวอินเดียมาไม่น้อย เมื่อมาเห็นข้าวของบ้านพี่เมืองน้องอย่างเนปาล ก็ต้องตอบได้อยู่แล้ว...

เมื่อไม่เห็นว่ามีอะไรน่าสนใจ อาตมาจึงย้อนไปคว้าน้ำดื่มมาทีเดียวสองแพ็ก (๑๒ ขวด) ป้ามอยรีบมาช่วยหิ้วให้ ๑ แพ็ก ตรงไปยังที่จ่ายเงิน พนักงานเอาเครื่องอ่านบาร์โค้ดยิงแล้ว ตัวเลขขึ้นมาที่ ๕๕๒ รูปี ตกขวดละ ๑๗ บาท ซึ่งไม่นับว่าแพง อาตมาส่งใบละ ๑,๐๐๐ รูปีไปให้ รับเงินทอน ๔๔๘ รูปีมาแล้ว จัดการหิ้วน้ำออกมาที่ลานจอดรถ...

ทั้งลานมีแต่รถเก๋งและรถกระบะ หารถตู้ของเราไม่เจอ สงสัยว่ารถคันใหญ่เกินไป จนนายสามานย์ต้องเอาไปจอดด้านนอก นายราเมศวร์โทรศัพท์หาก็ไม่รับสายซะอีก ถ้าโดนเชิดกระเป๋าไปละก็เวรแน่ เพราะนอกจากผ้าผ่อนท่อนสไบแล้ว อาตมายังใส่เงินหยวนทั้งหมดเอาไว้ในกระเป๋าเดินทางเสียด้วย อะไรจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้..!

สุธรรม 10-10-2015 20:25

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444483492
นอกจากไม่ช่วยเดินหารถแล้ว ยังมาซื้อไอศกรีมอีกต่างหาก..!

“หลวงพ่อคะ..ขอเงินรูปีหน่อยได้ไหมคะ ? มีคนอยากกินไอศกรีมเนปาล แต่เงินอยู่กับหลวงพ่อหมด” แม่ป๋อมตามมาถาม เออ..ขนาดนี้ยังมีอารมณ์อีกแน่ะ อาตมาควักส่งไปให้ทีเดียวทั้งหมด เหลือเศษเหรียญไว้แค่ ๓ รูปีเท่านั้น แล้วมาเดินงมหารถตู้ต่อ คงต้องออกไปดูข้างถนนใหญ่ด้านนอกเสียแล้ว...

“อยู่ทางโน้นค่ะ” เจ้าแม่หลักเมืองโผล่หน้ามาชี้ให้แวบหนึ่ง แล้วรีบเผ่นไปอย่างด่วนจี๋ เพราะอาตมายังไม่ได้คิดบัญชีที่เธอ “แหกตา” เรื่องจะให้ดูยอดเขาเอเวอเรสต์ เมื่อมองตามไปจึงเห็นว่า ด้านในอีกช่วงหนึ่งซึ่งมีรั้วตาข่ายกั้นไว้ ไม่น่าจะเป็นพื้นที่ของซูเปอร์มาร์เก็ต นายสามานย์ดันเอารถตู้ไปจอดไว้ที่นั่น จึงหิ้วน้ำตรงไปที่รถ...

นายราเมศวร์เดินแทรกรถเก๋งที่จอดกันแน่นตามมา ดันตัวใหญ่ไปหน่อย จึงเบียดเอากระจกรถเก๋งพับกลับหลังไปเลย สาวเจ้าของรถยืนมองตาเขียวปั๊ด มัคคุเทศก์ของเรารีบดันกระจกกลับเข้าที่ให้ ขอโทษขอโพยในความผิดของตนเอง จนสาวเจ้ายิ้มให้อาตมาถึงได้โล่งใจ...

สุธรรม 11-10-2015 02:58

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444507102
เห็นแบบนี้เข้าก็ตาลุกวาวไปตาม ๆ กัน

ฟังนายราเมศวร์ต่อว่านายสามานย์เป็นภาษาพื้นเมืองเร็วปรื๋อ อาตมาเดาว่าเป็นเรื่องที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ อีกฝ่ายก็เถียงว่ามองเห็นหน้ากันอยู่แค่นี้ จะรับให้เปลือง "ตังค์" ไปทำไม ? พอดีพวกเราเดินมาขึ้นรถกันครบ อาตมาจึงเห็นว่า ผู้ที่เรียกร้องกินไอศกรีมเนปาลคือลูกปุ๊ก ซึ่งเป็นคนที่ท้องเสียง่ายที่สุด เห็นแล้วจะบ้าตาย..!

นายสามานย์นำรถออก วิ่งฝ่าการจราจรที่หนาแน่นยิ่งขึ้น ลงเนินไปยังที่ราบซึ่งเป็นร้านรวงแน่นขนัด แถวนี้มีร้านขายข้าวของต่าง ๆ เต็มไปหมด ทุกคนเห็นเข้าก็ตาลุกวาว วิญญาณนักช็อปปิ้งเริ่มเข้าสิงร่าง จนอาตมาต้องปรามด้วยคาถาว่า “ถ้าซื้อตั้งแต่วันแรกก็แบกตายห่..เลยนะ..!” จึงค่อยสงบลงไปได้หน่อยหนึ่ง...

เมื่อถามถึงภาษาที่ “ลุย” กับนายสามานย์ มัคคุเทศก์ของเรายิ้มแบบถูกใจ พลางอธิบายด้วยความภูมิใจว่าเป็นภาษา “เนวารี” จัดอยู่ในกลุ่มภาษาพม่า-ทิเบต เนปาลมีประชาชนถึง ๑๒๕ ชนเผ่า มีเนปาลี โภชปุริ ตามัง เนวารี เป็นต้น ในกรุงกาฐมาณฑุพูดภาษาเนวารีกันมากที่สุด...


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:19


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว