กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกันยายน ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5794)

เถรี 15-09-2017 19:46

"บ้านเราเป็นเรื่องแปลก เป็นเมืองพระพุทธศาสนา ซึ่งต้องเอาพระรัตนตรัยเป็นใหญ่ ตามมาด้วยพรหม เทวดา แล้วค่อยเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ

แต่บ้านเรากลับไปเชื่อที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ก่อนที่จะเป็นพรหม เทวดา ก่อนที่จะเป็นพระรัตนตรัยซึ่งที่เป็นที่พึ่งสูงสุด ก็เลยกลายเป็นสังคมย้อนแย้ง กลับตาลปัตรอย่างที่เห็นกันปัจจุบันนี้"

เถรี 16-09-2017 20:43

ถาม : เคยบอกบุญกับเพื่อน ๆ ญาติ ๆ ว่าจะซื้อของถวายสงฆ์ แล้วออกเงินซื้อของไปก่อน เพื่อนกับญาติค่อยมาจ่ายทีหลัง ส่วนที่จ่ายทีหลังจะเป็นสงฆ์หรือของหนูคะ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าไม่เกินราคาของที่ซื้อ ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเงินที่เราจ่ายไปแล้ว ไม่นับเป็นของสงฆ์ แต่ถ้าสมมติว่าเราซื้อของไป ๕๐๐ บาท แต่ญาติ ๆ เขาทำบุญมา ๑,๐๐๐ บาท อีก ๕๐๐ บาทนั่นจึงเป็นของสงฆ์

เถรี 16-09-2017 22:47

ถาม : เปรียบเทียบคนไม่ชอบทุเรียนทนกลิ่นทุเรียนที่ใส่มาในรถไม่ได้ แต่คนที่ชอบกลับไม่ได้กลิ่นเลยแม้พยายามสูดดม กับการที่เจริญอสุภกรรมฐานได้แล้ว จะเป็นว่าไม่ได้กลิ่นส้วมแบบที่ไปทิเบตหรือไม่ ?
ตอบ : ได้กลิ่นเป็นปกติ ดีไม่ดีก็ได้กลิ่นชัดกว่าปกติ เพียงแต่ว่าสภาพร่างกายของเรานั้นเป็นเรื่องแปลก เพราะว่าสามารถปรับให้คุ้นชินกับสภาพรอบข้างได้เร็วมาก พอเริ่มคุ้นชินแล้วก็ไม่ได้นึกถึง พอไม่ได้นึกถึงก็เท่ากับไม่ได้กลิ่นไปโดยปริยาย

ถาม : แปลว่า ที่คนที่ชอบทุเรียนไม่ได้กลิ่นทุเรียน คือผลจากกิเลสหรือไม่ใช่ ?
ตอบ : จริง ๆ ก็คือยังมีกลิ่นเป็นปกตินั่นแหละ เพียงแต่ว่าพอเราชินแล้วก็ไม่ได้ไปใส่ใจ ลักษณะแบบเดียวกับพวกโรงฆ่าสัตว์ พวกเราเข้าไปใหม่ ๆ เจอกลิ่นนี่หงายท้องตึงเลย แต่คนที่อยู่ที่นั่นเขาไม่รู้สึกอะไร เพราะว่าจมูกของเขาชินแล้ว

ถาม : คนที่ฝึกอสุภกรรมฐานได้ถึงที่สุด เวลาได้กลิ่นจะเป็นอย่างไรคะ ?
ตอบ : ก็ชัดเจนกว่าปกติมาก แต่ว่าสามารถวางอุเบกขาได้ เพราะว่าทรงฌานในอสุภกรรมฐานแล้ว ในเมื่อสภาพจิตทรงฌาน จึงไม่หวั่นไหวกับสิ่งภายนอก

มีประวัติอยู่ส่วนหนึ่งของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ที่ไม่ค่อยมีใครรู้หรือไม่ค่อยมีใครเล่ากัน ก็คือท่านไปธุดงค์ คราวนี้เมื่อออกจากป่ามา ก็มาขอพักที่วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากชายป่ามากนัก วัดนั้นมีสระน้ำอยู่ด้วย เมื่อเตรียมที่พักเสร็จแล้ว หลวงปู่ปานท่านก็สรงน้ำที่สระ ปรากฏว่าพระที่ไปด้วยไม่กล้าสรงน้ำนั้น เพราะเห็นชัด ๆ ว่าส้วมหลุมไหลลงไปในสระ แสดงว่าปล่อยไม่ได้ วางไม่ลง ทั้ง ๆ ที่น้ำทั้งสระมากพอที่กลิ่นจะไม่ปรากฏ แต่ด้วยความที่ตาเห็นเลยทำให้รังเกียจ ส่วนหลวงปู่ปานท่านปล่อยวางได้แล้ว จึงสรงน้ำหน้าตาเฉย


ถาม : คนที่ทรงฌานลักษณะนี้ ของรอบตัวจะเหมือนกันหมดที่เรียกว่าธรรมดาหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ต้องพิจารณาเห็นอย่างนั้นด้วย ไม่ใช่ว่าทรงฌานแล้วจะเป็นเลย ต้องมีปัญญาประกอบด้วย

เถรี 17-09-2017 19:10

ถาม : ไปอ่านในหนังสือ เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า คำว่าโสฬส หมายถึงอะไร ?
ตอบ : สมัยก่อนเขาหมายถึงญาณ ๑๖ ของพระพุทธศาสนา เขาเรียกโสฬสญาณ หรือเรียกว่าญาณโสฬส แค่อย่างหนึ่งก็หากินได้ทั่วโลกแล้ว นี่ปาเข้าไปตั้ง ๑๖ อย่าง

ถาม : คนที่เขียน เขาเขียนทำนองว่าเอามารวมกัน ?
ตอบ : บางคนก็ตีความว่าเป็นวิชชา ๘ บวกกับสมาบัติ ๘ ลองไปหาคำว่าวิชชา ๘ ดูว่ามีอะไรบ้าง ก็แค่เอาอภิญญา ๖ มาบวกเพิ่มไปเท่านั้นเอง

เถรี 17-09-2017 19:30

ถาม : โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเคมีในสมองจริง ๆ หรือคะ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าเกิดจากสภาพจิตใจ ในเมื่อสภาพจิตใจเกิดขึ้น ก็ทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติไปเท่านั้นเอง

ถาม : หนูเคยเจอคนที่เขาเป็น สภาพจิตแย่มาก อีกนิดเดียวถึงขั้นวิปลาศแล้ว แต่บังเอิญเขาเคยฝึกมโนมยิทธิมาก่อน หนูก็เลยจับเขาฝึกมโนมยิทธิขึ้นไปหาหลวงพ่อ แต่เขามีแต่ความหมองหม่น ไม่สามารถจะทำให้เขามีความสุขขึ้นมาได้ หนูก็เลยต้องจับเขานึกถึงบุญที่เขาทำ ทีแรกลองดูให้นึกถึงกรรมฐาน สังฆทาน แต่ก็ไม่รอดค่ะ อยู่ ๆ ก็นึกอย่างไรไม่รู้ ให้เขานึกถึงบุญที่เขาไปช่วยงานวัดท่าซุง บุญที่เขาช่วยแมวจรที่โดนหมากัด เขาเอาไปรักษาอย่างดี จนมันหาย บุญสองอย่างนี้ทำให้อกุศลกรรมของเขามันออกไปได้ และเขาก็กลับมามีสภาพจิตดีขึ้น ?
ตอบ : เขาเรียกว่าจ่ายยาตรงโรค ถ้าไม่ตรงโรคก็แก้ไม่ได้

ถาม : เขาบอกว่า เขากินยาพวกรักษาสารเคมีในสมองค่ะ ?
ตอบ : ยาพวกนี้ยิ่งกินยิ่งเพี้ยนหนัก เพราะจะไปกดความคิด กินเข้าไปแล้วมึน นั่งบื้ออยู่ทั้งวัน

ถาม : คนรอบข้างก็บอกว่า เขาต้องกินยา เพราะว่าเขาป่วย ?
ตอบ : จับไปปีนเขาสัก ๗-๘ ลูกก็หายแล้ว

ถาม : หนูเจอคนเป็นโรคซึมเศร้า หลัง ๆ จะเจอบ่อยค่ะ หนูรู้สึกว่าแค่มองลูกตาเขา พบว่าคนเป็นโรคซึมเศร้าจะมีลูกตาบางอย่างที่เหมือนกันมาก ๆ ?
ตอบ : โบราณเขาบอกว่า ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ...(หัวเราะ)... ถ้าดวงใจคิดอะไรก็ออกทางตา

ถาม : หนูว่าคนเป็นโรคนี้ไม่กินยาไม่ได้นะคะ ?
ตอบ : จับไปวิ่งสัก ๗-๘ รอบสนามฟุตบอลให้หายบ้า พอหลับได้เดี๋ยวก็ดีขึ้น วิธีมักง่ายที่สุดก็คือกินยา เพราะว่ากินยาแล้วไปกดประสาทความรู้สึกของเขา ทำให้เขาคิดอะไรไม่ออก ก็เลยไม่ไปทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อตัวเองและผู้อื่น เป็นวิธีการรักษาที่มักง่ายที่สุด

คนที่เป็นโรคซึมเศร้าส่วนใหญ่เขารู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ไม่มีใครต้องการ ให้เขาแสดงศักยภาพออกมา ได้รับคำชมบ้าง คนรอบข้างสรรเสริญบ้างอะไรบ้าง ก็จะกระตือรือร้นขึ้นมาเอง

เถรี 17-09-2017 19:42

ถาม : เป็นไปได้ไหมคะ ถ้าเราจะชะลอการรับรู้ด้วยทิพจักขุญาณ ให้เหมือนกับการใช้สายตา ?
ตอบ : ยังไม่เคยเป็นไปได้มาก่อน การรับรู้ในความเป็นทิพย์จะรับรู้ทีเดียวทั้งหมด แล้วเราต้องมาย่อยสลายทีหลังด้วย เพราะฉะนั้น...เกิดเร็วเกินกว่าที่เราจะชะลอได้

เถรี 17-09-2017 19:52

ถาม : เป็นไปได้ไหมคะ คนเป็นโรคซึมเศร้าเกิดจากเจ้ากรรมนายเวร ?
ตอบ : เป็นเศษกรรมของการดื่มสุราเมรัย

ถาม : เขาบอกว่าอาการของเขาจะเกิดเป็นเวลา มีเวลาประจำของเขา ?
ตอบ : เวลาที่เขาเมาก็จะเป็น เวลาที่เขาไม่เมาก็จะไม่เป็น เป็นเศษกรรมของการละเมิดศีลข้อที่ ๕

ถาม : ทำไมถึงเวลาที่เป็น จะมาหนักมาก เหมือนกับอกุศลกรรมครอบเอาไว้หมดเลย ?
ตอบ : ก็เขาทำตัวเขาเองนี่

ถาม : เป็นเศษกรรม ?
ตอบ : ถ้าหากว่าไม่เคยสร้างความดีอะไรไว้กับคนอื่นมาก่อน ก็ไม่มีคนยื่นมือไปช่วย ก็อยู่ในวงจรกรรมนั้นไป

ไปทำวิจัยกับคนที่เป็นจริง ๆ ดีกว่า อย่ามาถามคนที่ไม่เคยเป็นสิวะ..! ถึงอดีตตูจะเคยเมาบ่อยก็จริงแต่ไม่โง่แบบนั้น ถึงเวลาก็เข้าฌานหนี ก็ในเมื่อเขาเข้าฌานหนีไม่เป็นก็รับไปเต็ม ๆ..!

เถรี 17-09-2017 20:16

ถาม : มีสถานที่แห่งหนึ่งที่มหาสารคาม เขาอัญเชิญลูกแก้ว ให้ตก ๆ ลงมาจากฟ้า เขาทำได้จริงหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : จะอัญเชิญได้เฉพาะกลางคืนแล้วก็ต้องเป็นสถานที่รก ๆ เพราะว่าให้คนเอาหนังสติ๊กยิงไปตก พอ...อย่าไปบ้ากับเขา

ถาม : เพื่อนไป เขาบอกว่าอธิษฐานจิตให้ตกข้างหน้าก็ตกข้างหน้า ให้ตกข้าง ๆ ก็ตกค่ะ ?
ตอบ : เขายิงมั่วไปหมด คราวนี้พอลงได้ตรงที่ก็คิดว่าใช่ จำไว้ว่าเรื่องของพระเสด็จ ท่านจะไปในสถานที่อันเหมาะสมเท่านั้น ไม่ใช่ไปลงตรงไหนก็ได้

ถาม : เขานับถือพระศรีอาริยเมตไตรย หนูก็ไม่กล้าไป เขาบอกว่ายังไม่ถึงวาระ เดี๋ยวปีหน้าถึงต้องไป หนูไม่อยากไปค่ะ ?
ตอบ : ตามสบายเขา อย่าไปยุ่งกับเขา เรารู้แล้วก็จบแค่นั้น อย่าไปว่าอะไรเขา เพราะถ้าคนไม่เชื่อ เราพูดให้ตายก็เท่านั้น

เถรี 17-09-2017 20:22

ถาม : บางที่มีร่างทรง ร่างทรงหลวงปู่โต หลวงปู่ทวด เป็นไปได้หรือคะ ?
ตอบ : ร่างทรงก็ต้องอ้างของสูงเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ สำคัญที่สุดก็คือเรื่องที่เขาบอกเราเป็นไปตามนั้นไหม ? ถ้าเป็นแล้วค่อยเชื่อ แต่เรื่องที่หนึ่งเป็นไปตามนั้น เรื่องที่สองก็อย่าเพิ่งเชื่อ เรื่องที่หนึ่งที่สองเป็นไปตามนั้น เรื่องที่สามก็อย่าเพิ่งเชื่อ

ถาม : ให้พิจารณาไปเรื่อย ๆ หรือคะ ?
ตอบ : ใช่...ไม่อย่างนั้นแล้วเดี๋ยวก็ต้องไปรื้อบ้านขุดหาตอตะเคียนกันอีก น่าสงสารแค่ไหน? ตอนนี้ต้องนั่งร้องไห้ บ้านก็ไม่มีจะอยู่แล้ว

ถาม : การที่พวกเทพต่าง ๆ มาประทับทรง เช่น พญานาค ?
ตอบ : เรื่องของเทวดาเขาไม่อยากยุ่งกับมนุษย์หรอก เพราะมนุษย์เราเหมือนกับหนอนที่อยู่ในส้วม มีใครอยากลงส้วมกันบ้างเล่า ? ต้องจำเป็นจริง ๆ ท่านถึงจะมา การที่ท่านมาก็มาเป็นเวลา ไม่ใช่มาได้ทุกเวลา ขณะเดียวกันสิ่งที่ท่านช่วยเราก็จะเกิดผลตามนั้น ส่วนใหญ่ท่านจะไม่เรียกร้องผลประโยชน์ นอกจากต้องการความเคารพ สังเกตง่าย ๆ แค่นี้แหละ เทวดาแต่ละท่านงานท่วมหัว ไม่ใช่ว่ามาทุกเวลาได้ที่เราต้องการ

เถรี 17-09-2017 20:24

ถาม : ทำไมเทวดางานท่วมหัวคะ ?
ตอบ : เจ้านายใช้

ถาม : เคยได้ยินว่าเทวดาอยู่สบาย ไม่ต้องทำงาน ?
ตอบ : คนพูดไม่เคยเป็นนี่ แบบเดียวกับที่บอกว่าบวชพระแล้วสบาย ถ้าสบายแล้วทำไมไม่มาบวชกัน ?

ถาม : เพิ่งรู้ว่าเทวดามีงานทำ ?
ตอบ : เทวดาไม่เคยตกงาน มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่ตกงาน

เถรี 17-09-2017 20:31

ถาม : เทวดามีประเทศไหมคะ ?
ตอบ : ไม่มี...มีแต่เขต ไม่ใช่เล่นลิ้น เป็นเรื่องจริง เขามีเขตการดูแลของตัวเอง พอเวลาขึ้นไปเป็นเทวดาเป็นนางฟ้า ก็เป็นอยู่ประเภทเดียวกัน ไม่ใช่เป็นคนละภาษา ไม่ใช่เป็นคนละประเทศ ในเมื่อขึ้นไปแล้วก็เป็นเหมือนกันหมด ถึงเวลาเจ้านายให้รับผิดชอบเขตไหนก็ไปดูแลเขตนั้น แล้วเขตรับผิดชอบก็ประหลาด ไม่เหมือนกับประเทศในสมัยปัจจุบัน อาจจะเป็นเขตในลักษณะเคยเป็นประเทศดึกดำบรรพ์มาก่อนก็มี เขตที่เพิ่งจะแบ่งใหม่ก็มี...ยุ่งไปหมด

เถรี 17-09-2017 20:53

ถาม : รุกขเทวดาอยู่เฉพาะต้นไม้ต้นนั้นหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : อยู่เฉพาะต้นนั้น แต่ถ้าวิมานโดนทำลายก็เร่ร่อนไปเรื่อย จนกว่าจะหาต้นใหม่ได้

ถาม : ที่อยู่ก็จำกัดกว่า ?
ตอบ : จำกัดและมีน้อยลงไปเรื่อย ๆ ช่วงนี้เขากำลังขยายทางขึ้นไปทองผาภูมิ สองข้างทางต้นไม้โดนตัดไปนับไม่ถ้วน อาตมาก็เลยต้องชวนรุกขเทวดาไปอยู่ที่เสาวัดแทน วัดท่าขนุนสร้างอาคารใหม่อยู่เรื่อย ๆ ถ้าเราไม่อนุญาตเขาก็อยู่ไม่ได้ พอเราอนุญาตเขาก็อยู่ได้ ก็สบายกว่า เพราะว่าต้นไม้จริงมีอายุ ถึงเวลาก็ตาย แต่ว่าอาคารคอนกรีตตายช้าหน่อย ทนกว่า ตอนนี้รุกขเทวดาที่วัดเป็นที่อิจฉามาก เพราะว่าอยู่ตึกกันเลย

เถรี 17-09-2017 20:59

ถาม : ถ้าเราทำสังฆทานถวายรุกขเทวดา แต่ว่าบุญของท่านใหญ่กว่า ?
ตอบ : ไม่ใช่ว่าใหญ่กว่าเรา ในเรื่องของมนุษย์เรานี่ เป็นเทวดาได้ เป็นนางฟ้าได้ เป็นพรหมได้ เป็นพระอริยเจ้าได้ เราอยู่ในเขตที่เหมาะสมที่สุด เพราะฉะนั้น..ถ้าเราสร้างกำลังบุญเอาไว้มาก ๆ บุญเรามากกว่าท่านนะ ในเมื่อกำลังบุญบารมีมากกว่าท่านนี่ ประเภทเรียกใช้ท่านก็ยังได้เลย เพียงแต่ว่าอย่าให้เป็นสิ่งที่ไปละเมิดกฎของกรรม

ถาม : กายทิพย์คือเทวดา ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเป็นมนุษย์ทั่วไปก็คือมนุษย์นี่แหละ แต่ว่าออกไปในลักษณะเต็มบุญบารมีของตัวเอง อย่างเช่นว่าถ้าสร้างบุญมาเท่ากับพรหม กายในก็เป็นพรหม ถ้าสร้างบุญเท่ากับเทวดานางฟ้า กายในก็เป็นเทวดานางฟ้า

ถาม : หมายถึงตอนมีชีวิตอยู่ ?
ตอบ : ขณะมีชีวิตอยู่ ถ้าเสียชีวิตแล้วก็ไปเป็นตามกำลังของตัวเอง อาจจะเป็นข้างล่างก็ได้ เป็นข้างบนก็ได้ แล้วแต่ว่าใจสุดท้ายเราเกาะดีหรือเกาะชั่ว

กำลังจะขาดใจตายอยู่ แหม...ทำขัดใจเรา ทำไม่ได้อย่างใจเรา แบบนี้ก็ลงข้างล่างเลย เพราะฉะนั้น...ต้องรักษาใจตัวเองดี ๆ อย่าเป็นคนขี้โมโห

เถรี 17-09-2017 21:01

ถาม : พวกตุ๊กตาลูกเทพ มีวิญญาณหรือเทวดาไหมคะ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วเป็นแค่ตุ๊กตา ยกเว้นว่าหลวงปู่หลวงพ่อท่านมีความสามารถ ถึงเวลาไปให้ปลุกเสก ท่านเชิญเทวดาหรือว่าพวกสัมภเวสีเข้ามา ก็พออาศัยได้หน่อยหนึ่ง แต่อย่าลืมว่าเขาเองก็ลำบากเหมือนกับเรา ต้องอาศัยเราสร้างบุญสร้างบารมีเผื่อให้

เถรี 17-09-2017 21:04

ถาม : รุกขเทวดาที่อยู่ตามต้นไม้ เราไปตัดกิ่งมา แล้วเราก็ไปเชิญเขามาอยู่ที่เสาบ้านเรา ?
ตอบ : เราต้องรู้ด้วยว่าเสาบ้านเราว่างหรือไม่ ? ถ้าเสาบ้านเรามีเจ้าของแล้วเขาก็อยู่ไม่ได้ อย่างเช่นว่าเสาบ้านที่เป็นไม้ ตอนที่ยืนต้นอยู่เป็นสิทธิ์ของรุกขเทวดาท่านนี้ พอถึงเวลาโดนโค่นลง วิมานท่านแปะไม่ได้ ท่านก็ตามไปเรื่อย พอคนยกตั้งขึ้นมาค่อยไปแปะใหม่ เท่ากับว่าท่านเป็นเจ้าของเดิม

คราวนี้ท่านเป็นเจ้าของโดยสิทธิ์ดั้งเดิม เราจะไปอนุญาตให้ท่านอื่นอยู่แทนไม่ได้ เพราะฉะนั้น...ต้องรู้ด้วยว่าเสาบ้านเราว่างหรือไม่ ?

เถรี 17-09-2017 21:07

ถาม : อย่างนี้ถ้าเราไปหยิบผลไม้ในป่ากิน ถือว่าลักขโมยไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าในป่าถือว่าเป็นของส่วนกลาง แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ควรที่จะขอก่อน โบราณเขาก็เลยทำพิธีที่เรียกว่า พลี ก็คือทำการขอ อย่างเช่นว่า ใช้หมาก พลู เหล้า บุหรี่ อะไรประมาณนี้ ลักษณะเหมือนกับว่าทำพิธีขอมีการแลกด้วยของ เพื่อที่จะไม่ให้มีความผิดติดตัว หรือถ้าเป็นสิ่งที่มีเจ้าของ เจ้าของจะได้ไม่โกรธเคืองเรา

แบบเดียวกับพระโพธิสัตว์ตอนเป็นชายตัดฟืน เดินทางเข้าป่าลึกกว่าปกติ ไปเจอสระโบกขรณี เห็นมีดอกบัวสวย ๆ อยู่มากมาย ก็ตั้งใจจะเก็บไปบูชาพระ ปรากฏว่าผีเสื้อน้ำโผล่ขึ้นมาตะโกนว่า “ขโมย” ท่านก็ว่า "อ้าว...สระอยู่กลางป่า ไม่มีเจ้าของ แล้วมาบอกว่าขโมยได้อย่างไร ?"

ผีเสื้อน้ำบอกว่า "ถ้าคนอื่นเอาไม่ถือว่าเป็นขโมย แต่ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ ท่านปฏิบัติตัวเพื่อเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ท่านจะต้องเป็นครูสอนเขา ถ้าในส่วนละเอียดเล็กน้อยแค่นี้ ท่านยังไม่สามารถที่จะเรียนรู้ได้ แล้วท่านจะไปเป็นครูเขาได้อย่างไร ? เพราะฉะนั้น...คนอื่นเอาไม่ถือว่าขโมย แต่ท่านจะไปเป็นครูเขา ท่านเอาถือว่าขโมย" โบราณเขาเก่ง เขาทำอะไรจึงมีการพลีก่อน อย่างเช่นการไปขุดว่าน การไปขุดสมุนไพร ก็จะทำพิธีพลีก่อนทุกครั้ง


ถาม : อย่างนี้เข้าป่าก็ต้องเอาของไปพลี ?
ตอบ : ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ หมดท่าขึ้นมาก็สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิอุทิศให้เขาไป ดีกว่ากันเยอะเลย

เถรี 17-09-2017 21:11

ถาม : เราต้องตั้งใจอธิษฐานอย่างไรจึงจะเป็นคนฉลาด ?
ตอบ : การอธิษฐานก็แค่ขอ ถ้าต้องการความฉลาดจริง ๆ ส่วนที่ยั่งยืนกว่าก็คือกำลังสมาธิ คนที่ทำสมาธิเป็นปกติ เกิดใหม่จะฉลาดทุกคน เพราะจิตเขาจะสงบนิ่ง บุคคลที่มีจิตสงบจะจำอะไรก็ง่าย เรียนรู้อะไรก็ง่าย

ถาม : ต้องขอให้เรามีสมาธิหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ไม่ต้อง...ทำ...ขออย่างเดียวถ้ายังไม่ลงมือทำก็ยาก

ถาม : ทำยากค่ะ ?
ตอบ : เริ่มทำไปทีละนิดทีละหน่อย เอาแค่นึกถึงลมหายใจได้คู่หนึ่งโดยไม่ฟุ้งซ่านก็พอแล้ว ถึงเวลาเราก็ขยับเป็น ๒ คู่ ๓ คู่ ๔ คู่ จะได้มากขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่าไปท้อใจเสียก่อนว่าเราทำไม่ได้ แล้วไม่คิดจะทำอีก อย่างน้อย ๆ เราก็ได้นั่ง คนอื่นเขายังไม่ได้นั่งเลย

เถรี 17-09-2017 21:16

ถาม : บางคนฉลาด แต่ความจำไม่ได้เรื่อง ?
ตอบ : ความฉลาดมีหลายอย่าง กุสโล...ฉลาดในการสร้างบุญกุศล โกวิโท...ฉลาดในการนำความสามารถของตนเองไปช่วยเหลือคนอื่น เฉโก...ฉลาดในการโกงชาวบ้านเขา ไม่ใช่ไม่ฉลาด มีปัญญาทั้งนั้นแหละ แต่ใช้ปัญญาผิด กลายเป็นมิจฉาปัญญา ไม่ใช่สัมมาปัญญา

ถาม : บางคนก็เก่งเลข แต่วิชาประวัติศาสตร์ไม่ได้ ?
ตอบ : อันนั้นเป็นความสามารถเฉพาะด้านที่เขาชอบ แบบเดียวกับเด็กบางคนที่หมอเขาบอกว่าเป็นออทิสติก แต่ว่าเด็กคนนั้นมองหนังสือทีเดียวจำได้ทั้งเล่มเลย เด็กบางคนเป็นออทิสติก แต่กลับเล่นดนตรีเก่งชนิดที่อัจฉริยะต้องทึ่ง เพราะว่าความสามารถของเขาเด่นไปในด้านเดียว

แบบเดียวกับนายรามานุจัน รามานุจันเป็นอัจฉริยะทางตัวเลข เก่งที่สุดในโลกเท่าที่เคยปรากฏมา เป็นชาวอินเดีย แต่รามานุจันใช้ตู้เย็นไม่เป็น เวลาส่งนมกล่องให้ก็ไม่รู้ว่าจะกินอย่างไร เอามีดแทงข้าง ๆ กล่อง แล้วเอาหลอดปักดูดเอา


กำลังใจของเขามุ่งมั่นไปเรื่องเดียว ในเมื่อมุ่งมั่นไปเรื่องเดียว ไม่ยอมรับรู้เรื่องอื่น ก็เลยเหมือนกับคนโง่ในเรื่องอื่น แต่ความจริงไม่ใช่หรอก ถ้าเขาสนใจเขาจะเก่งกว่าเรามาก

เถรี 17-09-2017 21:21

ถาม : เจ้าหน้าที่ที่รถไฟฟ้า เขารู้หมดนะคะว่าเราจะมาบ้านเติมบุญ งงมากเลย ?
ตอบ : พวกเราเป็นผู้โดยสารส่วนใหญ่ของสายนี้

ถาม : ไปเติมเงินเขาถามว่ามาบ้านเติมบุญหรือครับ ? อ้าว...เขารู้ได้อย่างไร ? เขาบอกว่าวันนี้ผู้โดยสารเยอะ ?
ตอบ : ก็แสดงว่าลักษณะเดียวกันกับเจ้าของปั๊มแก๊สที่ทองผาภูมิ เขาบอกว่าถ้าวันไหนเห็นรถวิ่งพรืด ๆ ไปทางสามแยก แปลว่าไปวัดท่าขนุนแน่ ๆ ถามว่าทำไม ? เขาบอกว่าถ้าวัดท่าขนุนมีงานมักจะตรงเวลา รถทุกคันจะต้องเร่งไปให้ถึงวัดก่อนก็เลยไม่เติมแก๊ส จะมาเติมตอนขากลับ

ถาม : เขาไม่มีส่วนลดนะคะ ถ้าเป็นรถใต้ดินมีส่วนลด ?
ตอบ : เอาอย่างนี้สิ ลองคุยกับเขาว่ามีผู้โดยสารมาบ้านเติมบุญจำนวนเท่าไรแล้วจะลดให้ อย่างเช่นว่า ถ้าเดินทางวันละ ๒๐๐ คนขึ้นไป ให้มีส่วนลดให้พวกเราบ้าง จะได้สนับสนุนกิจการรถไฟฟ้า

เถรี 17-09-2017 21:24

ถาม : อย่างเวลาเข้าป่า เราต้องฟันกิ่งไม้เป็นสัญลักษณ์ อย่างนี้ก่อนเข้าไปเราควร...?
ตอบ : โบราณเขาใช้วิธีเปิดป่า ก็คือขออนุญาตก่อนเข้าป่าล่วงหน้าไว้แล้ว ให้จำเป็นหลัก ๆ ว่า ต้นไม้มีแก่นสูงศอกหนึ่งขึ้นไป รุกขเทวดาจะอาศัยอยู่ได้ แล้วเราจะไปทำอะไรล่ะ ?

ต้นไม้ใบหญ้าอื่น ๆ มีตั้งเยอะตั้งแยะ จะทำเครื่องหมายอะไรก็ทำไป อย่างอาตมาเวลาเดินป่า ก็แค่จับยอดหญ้าพับ ๆ เป็นทางไปเพื่อให้คนที่ตามมาทีหลังรู้ว่าไปทางไหนเท่านั้น

เถรี 18-09-2017 09:27

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยนี้มีอาชีพบางอย่างที่เราก็นึกไม่ถึง ก็คือการไปเที่ยวแล้วมาทำรีวิวสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะที่กิน ที่เที่ยว ที่พัก เอาไปลงอินเตอร์เน็ตแล้วก็รับเงิน เท่ากับว่าได้เที่ยวไปเรื่อย ๆ มีคนจ้างให้เที่ยว...ว่าอย่างนั้น

คราวนี้ในส่วนที่จะพูดก็คือเรื่องการกิน ส่วนใหญ่แล้วจะไปอยู่ในลักษณะที่ว่า เลือกสถานที่มีอาหารอร่อย ราคาไม่แพงได้ยิ่งดี ซึ่งในส่วนนี้แต่เดิมเรามีแต่รายการแนะนำอาหารอย่างเดียว ก็คือรายการเชลล์ชวนชิม ของหม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ วัตน์ ตัวนี้ วัตนะ ที่แปลว่า หมุนวน ไม่ใช่ วัฒนะ ที่แปลว่าเจริญ

หลังจากนั้นก็มีคนเลียนแบบ ก็คือ แม่ช้อยนางรำ ก็เลยทำให้มีหลายคนที่ไปเลือกกินตามที่เขาแนะนำ ถ้าร้านอาหาร ร้านขนม ไม่ได้โด่งดังจนเป็นที่ได้รับการแนะนำจากคนจำนวนมาก หลายคนก็ไม่เข้าเลย ไม่เลือกไม่กินอาหารของร้านนั้น

ก็เลยไปนึกถึงที่อรรถกถาท่านขยายความ ในส่วนที่พระพุทธเจ้าตรัสถึงบุคคลที่ประกอบด้วยอวิชชาแล้วหลุดพ้นไม่ได้ อรรถกถาขยายความว่า
“มีบุคคลจำพวกหนึ่ง เมื่อถึงเวลาไปเกิดเป็นสัตว์ มีหญ้าเป็นอาหาร มีคูถเป็นอาหาร” คูถก็คือขี้นั่นแหละ “เพราะเขาทั้งหลายเหล่านั้น ติดในรสอาหารในขณะที่เป็นมนุษย์” ฟังแล้วสยองเหมือนกันนะ คนติดในรสอาหาร บางคนทำไม่ถูกใจก็โกรธ

แต่สมัยนี้คนยึดติดในรสอาหารก็น้อยแล้ว เหตุที่น้อยเพราะเห็นว่าแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวนุ่งน้อยห่มน้อยมาขายแทน...! หนุ่มขายทุเรียนก็ต้องถอดเสื้อโชว์กล้ามล่ำบึ้ก แสดงว่าไม่ได้ติดในรสอาหาร ค่อนข้างจะปลอดภัย ไม่รู้ว่าไปติดอะไรแทน...! ถึงเวลาแม่ค้าส้มตำก็มีรายการตำไปเด้งไป มีคนแนะนำแล้วหนุ่ม ๆ ก็แห่กันไปเพียบ"

เถรี 18-09-2017 09:29

"อาตมาโชคดีที่เกิดมาไม่เคยกินอะไรแล้วติดใจจนต้องไปกินซ้ำ แต่เวลาเจออาหารที่ไหนคิดว่าอร่อย อร่อยในที่นี้ก็คือไม่ใช่หวานเป็นขนม ยังคงเป็นรสดั้งเดิมแบบโบราณ ก็แนะนำให้คนแวะกินเหมือนกัน

สมัยนี้น่าเบื่อมาก ตอนที่เรียนปริญญาโทอยู่ ได้ต้อนรับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเว้ ถามเขาว่าอาหารไทยเป็นอย่างไรบ้าง ? “กินไม่ได้เลย หวานมาก” แสดงว่าอาหารไทยของเรามีชื่อมาก...ใช่ไหม ? กินไม่ได้เลย ก็ถามว่าแล้วกินอะไรบ้าง ? “กินได้แต่ส้มตำ เพราะว่ามีหลายรสหน่อย ไม่ใช่หวานอย่างเดียว”

ไม่รู้ใครที่ไปพูดว่าอาหารรสหวานเป็นอาหารชาววัง เล่นเอาชาววังเสียหายหลายล้าน อาหารในวังของเขาสารพัดรสชาติ โดยเฉพาะอาหารไทยเรามีของหวานหลังอาหารอยู่แล้ว ดังนั้น...มีอาหารไทยไม่กี่ประเภทเท่านั้นที่ติดไปทางรสหวาน อย่างพวกแกงบอน แกงหมูชะมวงพวกนั้น ถ้าอย่างอื่นนี่รับรองว่าห่างไกลรสหวานหลายกิโลเมตรเลย

ปัจจุบันพวกเราก็ติดรสหวานเสียจนชิน ไม่มีการต่อว่าแม่ค้าเลย แม่ชีที่วัดท่าขนุนก็เคยทำอาหารรสหวาน จนอาตมาต้องสั่งให้เอาน้ำตาลออกจากครัวไปเลย ปัจจุบันนี้ค่อยยังชั่วขึ้นมาหน่อย ที่อนาถที่สุดก็คือแกงส้มแล้วหวาน มาได้อย่างไร ? แกงส้มต้องเปรี้ยวนำ เผ็ดตาม แล้วถึงจะเค็ม อันนี้เอาหวานนำ ส้มแปลว่าเปรี้ยว ไม่ได้แปลว่าหวาน"

เถรี 18-09-2017 09:30

"บ้านใครที่ทำอาหารติดรสหวาน จงโวยแม่ครัวหรือแม่บ้านได้แล้ว บอกว่าจะเป็นเบาหวานกันทั้งประเทศแล้ว ประเทศอื่น ๆ เขาบริโภคน้ำตาลกันเฉลี่ยวันละ ๔-๖ ช้อนชา ไทยเราเจ๋งมาก ๘-๑๒ ช้อนชา มากกว่าเขา ๒-๓ เท่าเลย

เรื่องของการบริโภคของหวานมาก อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนสมัยนี้ใจร้อนใจเร็ว ทะเลาะเบาะแว้งกันมาก เพราะอย่างสมัยอาตมาเด็ก ๆ ถ้าจะให้หมาดุเขาจะให้กินข้าวเหนียวคลุกน้ำตาล เพราะว่าเวลาความหวานเข้าไป ทำให้เลือดลมพลุ่งพล่าน แล้วหมาก็จะหงุดหงิดไล่กัดกระจาย คราวนี้คนเราบริโภคหวานมากไป ก็เลยทะเลาะกันง่าย ขับรถปาดหน้ากันหน่อยหนึ่ง ก็ลงไปไล่ยิงไล่ฟันกันกลางถนน"

เถรี 18-09-2017 09:58

ถาม : กินยาคูลท์บาปหรือเปล่า ?
ตอบ : จะไปบาปตรงไหน ?

ถาม : มีเชื้อจุลินทรีย์ ?
ตอบ : พวกนั้นเป็นจุลินทรีย์ที่ลงไปโตในท้องของเรา ไม่ได้ตาย กินลงไปเยอะ ๆ เลย แต่ขออภัยนะ...กินนมเปรี้ยวก็เท่ากับกินน้ำตาลดี ๆ นี่เอง

บ้านเราเครื่องดื่มที่เข้าน้ำตาลมากที่สุดก็คือนมเปรี้ยว เพราะต้องการจะไปกลบรสเปรี้ยวของนม บางคนบอกว่ากินแต่นมเปรี้ยวเพื่อลดน้ำหนัก...ฝันไปเถอะ อิ่มก็ไม่อิ่ม แถมยังอ้วนอีกต่างหาก ยี่ห้ออะไรที่ขวดสูงประมาณเท่านี้ เป็นยี่ห้อหลัง ๆ ไม่ใช่ยี่ห้อแรก ๆ ใส่น้ำตาล ๘ ช้อน เอาไว้เลี้ยงจุลินทรีย์ด้วย แล้วก็เอาไว้กลบรสเปรี้ยวด้วย กินนมเปรี้ยวขวดแค่นี้เจอน้ำตาลไป ๘ ช้อน

ใครเคยกินก็ช่วยอุดหนุนของเขาต่อไปนะ ไม่ใช่เดี๋ยวบริษัทเขาเจ๊งจะมาโทษอาตมาอีก

เถรี 18-09-2017 09:59

ถ้าจะกินนมเปรี้ยวต้องกินแบบคนอินเดีย...ที่เรากินไม่ได้ เขาหมักนมเปรี้ยวไว้ในหม้อดิน เปรี้ยวยิ่งว่ามะนาวอีก ถ้าบอกว่ากินเพื่อให้ระบาย เราไปกินนมเปรี้ยวอินเดียนี่ไม่ใช่ยาระบาย เป็นยาถ่ายขนาดหนักเลย แต่พวกแขกเขาก็สุขภาพดีกันทุกคน ทั้ง ๆ ที่อาหารก็มีแต่ถั่วกับแป้ง ก็เพราะว่าเขากินนมเปรี้ยวเป็นหลัก

ตอนนี้ลูกสาวคนหนึ่งลดน้ำหนักไป ๒๐ กว่ากิโลกรัมแล้ว ปกติจะกินนมวันละ ๒ ลิตร ก็แค่เลิกกินนมเท่านั้นเอง ส่วนใหญ่สมัยนี้เขากินแต่นมหวาน นมจืดขายไม่ค่อยออก นมจืดของอาตมาเอาไว้เลี้ยงลูกหมา ตอนนี้ไอ้ซูโม่ตัวแค่อ้วนบึ้กเลย แม่หมาตัวเล็กนิดเดียวออกลูกมา ๙ ตัว ลูกสัตว์ถ้ากินถึง ๆ จะตัวใหญ่มาก ครอกนี้ ๙ ตัวเหลืออยู่ ๔-๕ ตัว ตัวไหนสวยมากก็หายก่อน เล่นเอาแม่ชีนั่งร้องไห้ร้องห่มที่ลูกหมาหาย

อาตมาเองดูแล้วก็ แหม...เลี้ยงหมาก็ติดหมา เลี้ยงคนก็ติดคน ไปไหนไม่รอดหรอก เดี๋ยวก็ได้เกิดเป็นเห็บหมาสักวัน เลี้ยงไอ้ปั๊กก็ติดไอ้ปั๊ก...ใช่ไหม ? โชคดีที่ตายไปแล้ว

เถรี 18-09-2017 10:01

พระอาจารย์กล่าวว่า "ได้ยินว่ารัฐบาลจะออกบัตร เรียกว่าบัตรคนจนก็แล้วกัน สามารถใช้ซื้อของได้ ขึ้นรถเมล์ได้ แต่ไม่มีการสะสมยอด ถ้าใช้ไม่หมดก็ตัดทิ้ง ก็ต้องใช้งบประมาณเป็นหมื่น ๆ ล้าน ซึ่งก็คือนโยบายประชานิยมอย่างหนึ่งนั่นแหละ แต่เขาเปลี่ยนใหม่เป็นประชารัฐ ก็แค่วาทกรรมหรู ๆ ว่าทำไม่เหมือนรัฐบาลเก่าที่กล่าวหาว่าเขาทำไม่ดี

ในเมื่อคำพูดไม่เหมือนกัน แม้ว่าผลการกระทำจะเป็นอย่างเดียวกันก็ไม่เป็นไร อาตมาไม่ได้ว่าอะไรหรอก เป็นห่วงแค่ว่าคนอยากจนมีมาก พวกที่ไปลงทะเบียนคนจนแต่ไม่จนจริงเยอะมาก เป็นภาระของรัฐบาลที่ต้องแก้ไข เราปฏิบัติธรรมของเราไปก็แล้วกัน"

เถรี 18-09-2017 20:22

พระอาจารย์ให้โอวาทกับโยมว่า "มีวิธีหนีสาวอยู่อย่างหนึ่งคือบวชนาน ๆ ผู้หญิงสมัยนี้ใจร้อน บวชสักปี ๒ ปี เขาก็ไม่รอแล้ว แต่อย่าไปเจอสาวแบบอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ท่านอาจารย์สมเด็จบวชหนีอยู่ ๑๑ พรรษา เขาก็รออยู่ ๑๑ ปี สึกมาก็เสร็จเขาอยู่ดี ถ้าเจอประเภทนั้นก็ยอมรับชะตากรรมเถอะ..!

จะได้รู้ไว้ว่าคราวหน้าอย่าใจร้อนใจเร็ว หลวงพ่อเองสมัยฆราวาสมีสาวล้อมรอบเป็นฝูง แต่ต้องทำตัวเป็นแมวไม่กินปลาย่าง เพราะรู้ตัวว่าต้องบวช ส่วนใหญ่แล้วพวกเราสู้กิเลสไม่ได้ ในเมื่อสู้ไม่ได้ก็ไหลตามกิเลสไป ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ที่เหลือก็ต้องแก้ไขไปตามหน้างาน"

เถรี 18-09-2017 20:31

พระอาจารย์กล่าวว่า "บ้านต่างจังหวัดของใครโดนน้ำท่วมแล้วบ้าง ? ปีนี้น้ำท่วมหลายระลอก ฉะนั้น...ใครยังไม่โดนก็อย่านิ่งนอนใจ เพียงแต่ว่าตอนนี้คลังวัดท่าขนุนเกือบหมดแล้ว ก่อนตักบาตรเทโวต้องล้างคลังอีกรอบ ไม่เป็นไรหรอก...ชาวบ้านเดือดร้อน พระจะไปตุนอะไร ก็ต้องเทให้เขาหมด ถึงเวลาชาวบ้านลวกบะหมี่ เราก็ไปบิณฑบาต...แบ่งกันกิน"

เถรี 18-09-2017 20:57

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนหน้างานออกพรรษา ตักบาตรเทโว อาตมาจะเข้ากรรมฐานก่อน ๓ วัน โผล่หน้ามาก็วันตักบาตรเทโวเลย ความจริงปีนี้คิดว่าไม่มีโอกาสเข้ากรรมฐานแล้ว เพราะว่าติดสอนที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย แต่ปรากฏว่าเขาให้นิสิตหยุดเพราะว่าสอบนักธรรม ในเมื่ออยู่ ๆ ประกาศให้หยุด ก็เลยมีเวลา

สรุปว่าอะไรที่เป็นงานของพระท่าน อย่าไปเลี่ยงเสียให้ยาก ท่านหาวันให้จนได้แหละ ฉะนั้น...ใครจะไปทำบุญกฐิน ตักบาตรเทโว หรือทำบุญพระออกกรรมฐาน วันที่ ๖ ตุลาคมก็ไปพร้อมกันที่วัดท่าขนุน แล้วหลังจากนั้นก็ไปกฐินปลดหนี้กันอีกทีหนึ่งที่สกลนคร

ซึ่งก่อนหน้านั้นจะเป็นการอุปสมบทหมู่ ๙๙ รูป ถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ เนื่องในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพ ตอนนี้สมัครมาน่าจะเหลือ ๑๗-๑๘ รูปเท่านั้น สุภาพบุรุษท่านใดจะบวชถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ ต้องบอกว่าเป็นงานครั้งสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่เคยบวชกับวัดท่าขนุนมาก่อน ต้องเข้าวัดตั้งแต่วันที่ ๑๔ ตุลาคม แล้วไปบวชวันที่ ๒๑ ตุลาคม สึกวันที่ ๒๖ ตุลาคม

ความจริงอยากจะให้อยู่เลยวันถวายพระเพลิงพระบรมศพ แต่ว่าฤกษ์ดีที่สุดดันเป็นวันที่ ๒๖ ตุลาคม ฉะนั้น...หลังถวายพระเพลิงแล้ว เราสึกหลังทำวัตรค่ำ ก็คงจะประมาณ ๒ ทุ่ม"

เถรี 19-09-2017 19:39

พระอาจารย์กล่าวว่า "ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่เหมือนกับบ้านเรา ประการแรก ความเคยชินไม่เหมือนกัน ประการที่ ๒ ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมไม่เหมือนกัน ประการที่ ๓ อาหารการกินไม่เหมือนกัน

ฝรั่งเวลาทะเลาะเบาะแว้งจะเคลียร์กันตรงนั้น แต่คนไทยเราทำแบบนั้นไม่ได้ ถ้าเคลียร์กันตรงนั้นก็ได้ฆ่ากันตาย ต้องรอให้ใจเย็นลงก่อน อย่างเดียวกับแขกอินเดีย ทะเลาะกันไป ผลักกันไป ดันกันมา ครึ่งค่อนวันไม่มีตีกัน ถ้าเป็นบ้านเราก็ทิ้งร่วงไปตั้งแต่ผลักครั้งแรกแล้ว..!

เป็นธรรมเนียมของเขาในลักษณะที่ว่า การทำร้ายร่างกายเขาถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงมาก แม้กระทั่งทางด้านตะวันออกกลางก็เหมือนกัน ผลักกันไป ดันกันมา กอดกันไป ปล้ำกันมา ท้ายสุดถอดรองเท้าฟาดหลังกัน ก็ไม่เห็นจะตีตรงอื่น ก็ตีแต่หลัง ไปเจอคนไทย หมัดเท้าเข่าศอกชุดเดียวกองกับพื้น แล้วก็โดนเขาเฆี่ยนเกือบตาย เพราะว่าไปทำร้ายคนของเขา

ฝรั่งเขารักษาสิทธิส่วนตัวมาก ใครไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัวมีโกรธ ไปด้อม ๆ มอง ๆ ในเขตบ้านเขา เราอาจจะไปหาเจ้าของบ้าน ไปชะโงกดูว่าเขาอยู่หรือเปล่า ? เขาโทรศัพท์แจ้งตำรวจเลย ที่ฝรั่งเขาทำอย่างนั้นแสดงออกให้เห็นชัดอย่างหนึ่งว่า เขามั่นใจในตัวบทกฎหมายและมั่นใจในผู้รักษากฎหมาย ว่าคุ้มครองเขาได้จริง

ฉะนั้น..มีเรื่องอะไรขึ้นมา ถึงตำรวจไว้ก่อน คุณโดนจับแล้ว คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่พูด เพราะสิ่งที่คุณพูดอาจถูกนำไปใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาล"

เถรี 19-09-2017 19:59

ถาม : สมัยนี้มีผ้าห่มกันยุงด้วยค่ะ ?
ตอบ : น่าจะเคลือบสารกันยุงสักอย่าง แต่สำหรับพระ ถ้าทำสมาธิดี ๆ ก็ไม่ต้องไปใช้จีวรกันยุง พอสมาธิทรงตัว อวัยวะภายในเกือบจะไม่ทำงาน ร่างกายเหมือนกับท่อนไม้ท่อนหนึ่ง ยุงจะตามความร้อนไม่เจอ ก็เลยไม่สนใจที่จะกิน

เวลาอาตมานั่งรวมกับเพื่อน ๆ แล้วก็ขำ เพื่อนโดนกัดไปเถอะ ส่วนอาตมานั่งสบาย ยกเว้นบางช่วงโดนบังคับให้กินพวกยาโด๊ป ยาบำรุงเยอะ ๆ ถ้าอย่างนั้นร่างกายจะร้อน ในเมื่อร้อน ยุงก็หาเจอ ช่วงนั้นจะโดนกัดบ้าง

เถรี 19-09-2017 20:21

พระอาจารย์กล่าวว่า "โยมแต่ละคนที่หายามาให้มักจะมั่นใจว่ายาที่ตัวเองนำมาดีเลิศประเสริฐศรี กินลงไปต้องหายแน่ อาตมาฉันให้มา ๓๐ กว่าปีแล้ว ไม่เคยหายสักโรค ถามว่าฉันทำไม ? ฉันเพราะไม่ให้เขาพูดว่าที่ไม่หายเพราะไม่กินยาของเขา

เราต้องเข้าใจว่าเรื่องของโรคว่าเกิดจากกฎของกรรม โรคบางอย่างรักษาหรือไม่รักษาก็หาย เพราะพ้นวาระกรรม โรคบางอย่างต้องรักษาจึงจะหาย ไม่รักษาก็ตาย ส่วนโรคบางอย่างกรรมหนักมาก รักษาหรือไม่รักษาก็ตาย"

เถรี 19-09-2017 20:36

ถาม : กระเพาะปัสสาวะเป็นแผลครับ ?
ตอบ : ลองไปทำยาขมิ้นชันกับหญ้าแพรกของหลวงพ่อฤๅษีกิน ช่วยได้เยอะ ไปเปิดหาดูตำราหลวงพ่อวัดท่าซุง

เถรี 19-09-2017 20:58

ถาม : กรณีปฏิบัติ เราไม่รู้หรอกว่าเราขั้นไหน เราทำไปเรื่อย กับรู้ว่าเราขั้นไหนแล้ว ควรจะหาทางปฏิบัติอย่างไร ?
ตอบ : วิ่งเข้าหาอารมณ์พระโสดาบัน รักษากรรมบถ ๑๐ ให้ได้...แค่นั้นก็พอ พวกเราเรียกว่าประเภทตีอวนจะเอาปลาทั้งทะเล เล็งหาปลาดี ๆ ตัวเดียวก็พอแล้ว

เถรี 19-09-2017 21:03

พระอาจารย์กล่าวว่า "น้ำผึ้งฝรั่งกับน้ำผึ้งไทย อย่างไหนคุณภาพดีกว่ากัน ? ถ้าถือตามหลักแพทย์แผนจีนก็ต้องว่าของไทยดีกว่า เพราะว่าตำราแพทย์จีนให้เสาะหาอาหารและสมุนไพรใน ๓๐ ลี้รอบภูมิลำเนา ธาตุคนจะเหมาะกับสารอาหารในบริเวณนั้น ๑๕ กิโลเมตร อาตมาแปลงแล้วนะ แปลงมาจาก ๓๐ ลี้ของจีน"

เถรี 19-09-2017 21:07

ถาม : ให้วิ่งเข้าหาพระโสดาบัน ถ้าหนูปฏิบัติได้ หนูมีโอกาสที่จะ...?
ตอบ : เรามีหน้าที่ทำ ส่วนจะทำได้แค่ไหนอยู่ที่ความสามารถตัวเอง ไม่ใช่ไปถามคนอื่นว่าจะทำได้แค่ไหน ตัวเองกินข้าวแล้วไปถามคนอื่นจะกินได้แค่ไหน แค่คิดก็บ้าแล้ว..!

เถรี 21-09-2017 17:44

ถาม : ครั้งก่อนที่ผมมาถามว่าฝึกสมาธิได้ฌานแล้ว จะมาฝึกมโนมยิทธิ แล้วหลวงพ่อบอกว่าเลยไปแล้ว หมายความว่าอย่างไรครับ ?
ตอบ : สมาธิของเราสูงเกินไป มโนมยิทธิเป็นกำลังแค่อุปจารสมาธิ คราวนี้ตัวสมาธิของเราที่จะใช้เป็นทิพจักขุญาณ ถ้าไม่ขึ้นสูงสุดเลยก็ต้องต่ำสุด ไม่อย่างนั้นจะไม่เห็นอะไร ของเราเหมือนกับอยู่กลางบันได ห้องบนก็ยังไม่ถึง ห้องล่างก็เลยมาแล้ว

เถรี 21-09-2017 17:47

ถาม : ไม่ทราบว่าฌาน ๔ ฌาน ๕ และอรูปฌาน ต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : ในส่วนของฌาน ๔ กับฌาน ๕ จริง ๆ เป็นอย่างเดียวกัน เพียงแต่ว่าบุคคลที่มีจิตละเอียดมากในลักษณะที่ต้องไปเป็นพระโพธิสัตว์สอนคนอื่นเขา จะเอาเอกัคตารมณ์คืออารมณ์ใจที่ตั้งมั่น แยกออกจากอุเบกขาได้ ก็เลยเป็น ๔ กับ ๕ แต่จริง ๆ เป็นอย่างเดียวกัน

ถาม : ฌาน ๕ ก็คือเหลืออุเบกขาอย่างเดียว ?
ตอบ : ใช่...เหลืออุเบกขาอย่างเดียว ส่วนอากาสานัญจายตนะคือเข้าไปจับความว่างของอากาศแทน

ถาม : ถ้าจะฝึกอรูปฌานล่ะครับ ?
ตอบ : จะฝึกอรูปฌานต้องได้กสิณกองใดกองหนึ่ง ที่ไม่ใช่อากาสกสิณและอาโลกกสิณ เพราะว่า ๒ ข้อนี้ใกล้เคียงกับอรูปฌาน บางทีเราจะแยกไม่ออก

ถาม : แต่ถ้าเราได้อานาปานสติแล้วสามารถทำอรูปเลยได้ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ได้...ต้องมีรูปกสิณเป็นเครื่องกำหนด หลังจากที่กำหนดรูปจนกระทั่งคล่องตัวแล้ว เราค่อยตัดรูปทิ้งฝึกจนเป็นอรูปฌาน

เถรี 21-09-2017 17:48

ถาม : การพิจารณาในฌานคืออะไรครับ ?
ตอบ : จริง ๆ ก็คือการที่เราซ้อมเข้าออกจนกระทั่งชิน พอซ้อมจนกระทั่งชินแล้ว ก็สามารถที่จะคิดได้ทั้ง ๆ ที่เราทรงฌานอยู่ ถ้าหากว่าคนปกติจะคิดไม่ได้ จะนิ่งไปเฉย ๆ อย่างเดียว

ถาม : แล้วผมเข้าไปนิ่งอย่างเดียวนี่เกิดจากอะไรครับ ?
ตอบ : ก็เพราะว่าสภาพจิตของเราแน่นจนเกินไป ต้องซ้อมเข้าออกจนกระทั่งชินแล้ว ถึงจะสามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไปคิดอย่างอื่นได้

เถรี 21-09-2017 18:42

ถาม : อยากจะขอวิชากุมารทองของหลวงพ่อกวยครับ ?
ตอบ : ต้องไปขอหลวงพ่อกวย มาขออะไรตรงนี้ ?

ถาม : ขอวิชาครับ ?
ตอบ : มีแต่ของ ไม่ได้มีวิชา

ถาม : วิชาจะทำแล้วได้ผลต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : จะวิชาอะไรก็แล้วแต่ อย่างน้อยต้องฌาน ๔ คล่องตัวขึ้นไป ไม่อย่างนั้นก็ใช้ไม่ได้ผล ไปทำฌานสมาบัติให้ได้เสียก่อน


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:04


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว