กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=39)
-   -   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5768)

เถรี 22-08-2017 19:26

เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๐
 
ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตัวเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

การกำหนดภาวนานั้นเราจะจับลมหายใจจุดเดียว ๓ จุด ๗ จุด หรือรู้ตลอดกองลมก็ได้ ถ้าเผลอสติไปคิดเรื่องอื่น เมื่อรู้ตัวก็ให้ดึงความรู้สึกกลับมาที่ลมหายใจเข้าออกเสียใหม่ แรก ๆ ก็จะต่อสู้กันในลักษณะอย่างนี้ พอนานไปสภาพจิตเริ่มมีกำลัง ก็จะสามารถเข้าถึงสมาธิได้ง่ายขึ้น

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ สำหรับวันนี้อยากจะเตือนทุกคนว่า การที่พวกเราปฏิบัติธรรมกัน มักจะทำเหมือนกับคนมีเวลามาก ก็คือไปเรื่อย ๆ เหนื่อยก็หยุด ซึ่งความจริงการปฏิบัติธรรมนั้น เราต้องระลึกรู้อยู่เสมอว่า ตัวเราอาจจะตายลงไปได้ทุกลมหายใจเข้าออก หายใจเข้าถ้าไม่หายใจออกเราก็ตายแล้ว หายใจออกถ้าไม่หายใจเข้า ก็ตายอีกเช่นกัน

ตัวเราอยู่ใกล้ชิดกับความตายจนขนาดนี้ ให้ทุกคนสำรวจตัวเองดูว่าถ้าเราตายลงไปเดี๋ยวนี้ เรามีความดีเพียงพอที่จะรอดจากอบายภูมิหรือไม่ ? เรามั่นใจได้หรือไม่ว่าตายแล้วจะไม่ตกนรก ไม่เกิดในแดนเปรต ไม่เกิดเป็นอสุรกาย ไม่เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ?

ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเรายังขาดความมั่นใจ ไม่สามารถที่จะปิดอบายภูมิได้อย่างแท้จริง แล้วเรายังทำตัวเป็นผู้ประมาท ไปเรื่อย ๆ เหนื่อยก็หยุด แวะชมดอกไม้ริมทางบ้าง แวะร้านอาหารบ้าง แล้วเมื่อไรเราจะไปถึงจุดหมายปลายทางที่เราต้องการเสียที

เถรี 23-08-2017 17:11

ควรระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตรัสเอาไว้ว่า เราเหมือนบุคคลที่อยู่ในบ้านซึ่งกำลังไฟไหม้ แทนที่จะเร่งขวนขวายเพื่อหนีไปให้พ้น เรากลับนอนพักสบายใจ ไม่รับรู้ว่าไฟไหม้มารอบตัวแล้ว หรืออย่างที่หลวงตามหาบัวท่านเปรียบเอาไว้ว่า เหมือนกับหมูนอนพาดเขียง เห็นเขียงเขาวางอยู่ก็นอนเอาศีรษะพาด เออ...สบายดีจริง ๆ เลย โดยที่ไม่รู้ว่าจะโดนเชือดไปเป็นอาหารเมื่อไร

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราควรที่จะเร่งรัดการปฏิบัติให้มากขึ้น ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น เพื่อที่ว่าถ้าหากตายลงไป อย่างน้อย ๆ ตัวเราถึงแม้จะไม่สามารถเข้าถึงที่สุดของทุกข์ ก็ให้ไปเกิดเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า หรือเป็นพรหม รอระยะเวลาในการสร้างบุญสร้างบารมีต่อไปได้

แต่ถ้าหากเราตกสู่อบายภูมิ เกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน นอกจากความทุกข์ที่ทับถมมากขึ้นจนประมาณไม่ได้แล้ว โอกาสที่จะใกล้ความดี โอกาสที่จะได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ก็เป็นเรื่องที่ยากยิ่งนัก

สมมติว่าเราตกนรกไป กว่าจะกลับขึ้นมาได้ พระพุทธเจ้าก็น่าจะตรัสรู้ผ่านไปหลายพระองค์แล้ว โดยเฉพาะถ้าขึ้นมาอยู่ในสุญญกัป อันตรายกัป ซึ่งไม่มีพระพุทธเจ้า ผู้คนไม่มีศีลไม่มีธรรม เราก็จะลำบากเดือดร้อนสาหัส

เถรี 24-08-2017 19:05

เราจึงควรที่จะเร่งขวนขวายให้มาก โดยเฉพาะทบทวนศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีที่เห็นผู้อื่นละเมิดศีล มีความรู้สึกอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย ตายจากชาตินี้เราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว

อย่าทิ้งลมหายใจเข้าออก อย่าทิ้งภาพพระหรือพุทธานุสติของเรา เพื่อเป็นการประกันความเสี่ยงว่า แม้จะตายลงไป อย่างน้อย ๆ เราเกาะภาพพระหรือเกาะลมหายใจเข้าออกได้ เราก็มีสุคติเบื้องต้นเป็นที่ไป

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๐

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้า)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:51


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว