กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6517)

เถรี 13-03-2019 20:09

พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้โทรศัพท์ที่โทรมา ร้อยละ ๙๙ คือถามเรื่องหล่อหลวงพ่อทองคำ เสร็จแล้วก็มีหลายคนถามว่าใช่สมเด็จองค์ปฐมไหม ? บอกว่าใช่ทั้ง ๓ องค์นั่นแหละ จะทอง จะนาก จะเงิน แสดงว่าหล่อสมเด็จองค์ปฐมมา ๓-๔ องค์แล้วยังไม่รู้ตัวเลย

แล้วก็ไม่แน่ใจว่าระยะนี้ที่เร่งโทรเข้ามาเป็นเพราะใกล้จะหมดเวลาหรือเปล่า ? ก็คืออาตมาเตรียมการมา ๖ ปี โยมไม่คิดที่จะมาทำบุญ จะมาทำเอาวินาทีสุดท้าย ตื่นเต้นกับชีวิตดีใช่ไหมที่วิ่งไล่รถเที่ยวสุดท้าย ? ถ้าเป็นอาตมานี่เที่ยวแรกมาก็ขึ้นนั่งแล้ว มัวแต่มารอเที่ยวสุดท้ายอยู่เดี๋ยวขึ้นไม่ทัน บางคนมีวิสัยอย่างนั้น ทำอะไรช้าเป็นปกติ

ไม่ใช่ช้าแล้วดีนะ ช้าแล้วพาเสียอีกด้วย อาตมาสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มีอยู่ปีหนึ่งเจอนิสิตที่สุดยอดมาก ทำข้อสอบเสร็จตั้งแต่ชั่วโมงแรก แต่รอวินาทีสุดท้ายแล้วค่อยส่ง ทุกวิชาจะเป็นอย่างนี้ แล้วเป็นอยู่คนเดียว ที่อาตมาเบื่อที่สุดก็คือกูจะรีบ ๆ ไป แต่เขาไม่ใช่ ต้องใช้เวลาให้ครบทุกวินาทีถึงจะพอใจ แล้วก็นั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ทบทวน ไม่ได้แก้ไขอะไรหรอก นั่งรอเวลาหมดแล้วค่อยส่ง

ประเภทนี้น่าจะเป็นลูกหลานของหลวงพ่อสุภัททะ แต่หลวงพ่อสุภัททะท่านเป็นพระอรหันต์นะ ในเมื่อเป็นลักษณะอย่างนั้น ตัวของเราเองถ้าไม่ได้สร้างบารมีมาอย่างท่าน เราก็มีสิทธิ์ที่จะเดี้ยง"


เถรี 13-03-2019 20:11

"อดีตพระเอกหนังที่เพิ่งจะตายไปไม่นาน มีฉายาว่าเจ้าชายสายเสมอ รู้จักไหม ? ไม่ว่าจะนัดเวลาไหน เขาก็ไปช้าเป็นปกติ

ยิ่งทำอะไรช้ามากเท่าไร กำลังใจก็ยิ่งห่างมรรคผลมากเท่านั้น เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า บุคคลที่ตั้งความปรารถนาจะเอามรรคผล จะมุ่งตรงไปข้างหน้าโดยที่ไม่ได้พะวงถึงสิ่งฉุดรั้งต่าง ๆ ก็เลยเป็นคนทำอะไรเร็ว ตรงเวลา มีแต่ก่อนไม่มีหลัง เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าใครรู้ว่าตนเองอยู่ในประเภทเจ้าชายหรือเจ้าหญิงสายเสมอ ก็ให้พยายามปรับปรุงตัว เพื่อหนทางที่เราเดินในวัฏสงสาร ซึ่งยาวไกลไม่เห็นต้นเห็นปลาย จะได้สั้นลงบ้าง ไม่ใช่ยิ่งเดินก็ยิ่งยาวไปเรื่อย เพราะว่าเราทำอะไรช้าอยู่เสมอ

ถ้าหากว่าอยู่ในส่วนของมนุษยภูมิขึ้นไปก็ยังถือว่าท่านโชคดี แต่ถ้าช้าแล้วลงอบายภูมินี่จะยิ่งช้าหนักเข้าไปอีก เพราะว่าข้างล่างโดยเฉพาะส่วนของนรก เปรต อสุรกาย ระยะเวลาต่างกับโลกมนุษย์มาก อย่างเบา ๆ ๑ วันของเขาก็เท่ากับ ๕๐ ปีของเรา แล้วอายุก็ยาวนานเหลือเกิน เล่นกันเป็นกัป

กัปหนึ่งไม่มีใครรู้ว่าเวลายาวนานเท่าไร แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ทรงให้ประมาณการไว้เท่านั้น ประมาณการว่ามีถังเหล็กใบหนึ่ง กว้าง ๑ โยชน์ ยาว ๑ โยชน์ สูง ๑ โยชน์ ก็คือกว้างยาวสูงด้านละ ๑๖ กิโลเมตร ๑๐๐ ปีเอาเมล็ดพันธุ์ผักกาดหย่อนลงไปหนึ่งเมล็ด เมล็ดพันธุ์ผักกาดเต็มเสมอขอบถังเมื่อไร ประมาณเวลาได้กัปหนึ่ง เป็นกัปหนึ่งโดยประมาณไม่ใช่ตรงเป๊ะ เราจะได้หยอดสักเมล็ดไหม ? ๑๐๐ ปีหยอดเมล็ดหนึ่ง เมื่อไม่นานที่ผ่านมาก็หลวงปู่บุญฤทธิ์ อายุ ๑๐๒ ปีเพิ่งมรณภาพ นั่นท่านหย่อนได้เมล็ดหนึ่ง พวกเรายังไม่มีสิทธิ์ได้หย่อนเลย"

เถรี 13-03-2019 20:20

"ที่ภาษาบาลีที่บอกว่าอสังไขย หรืออสงไขย ก็มาจากคำว่าอสังขยา หรืออสังขะยะ ที่แปลว่านับไม่ได้ ก็คือบุคคลทั่วไปนับไม่ได้ เพราะฉะนั้น..ได้โปรดทำอะไรให้เร็วขึ้นนิดหนึ่ง แล้วชีวิตจะง่ายขึ้นเยอะ ยิ่งเป็นนักปฏิบัติธรรม มีแต่ทำแล้วต้องเร็วขึ้นไปเรื่อย ๆ เพียงแต่ว่าเป็นสภาพจิตที่เร็วโดยไม่ผิดพลาด แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วพวกเราก็มักจะช้ากันเป็นปกติ บางคนภูมิใจในความช้าของตัวเองอีกต่างหาก

หลวงพ่ออดีตเจ้าคณะอำเภอ.......... วัด........... เท่าที่รู้จักท่านมาตั้งแต่ต้นจนท่านมรณภาพ ไม่ว่าจะงานเจริญพระพุทธมนต์ สวดพุทธมนต์ที่ไหนก็ตาม เขาต้องว่ากันไปครึ่งค่อนแล้วท่านถึงจะมา คือท่านคงรู้สึกว่า การปรากฏตัวระยะนั้น สายตาทุกคนจะต้องจับมาที่ท่าน เป็นการเท่ดีหรืออย่างไรก็ไม่รู้ ? แต่ถ้าอาตมาเป็นพระผู้ใหญ่หัวแถว จะไม่ชอบใจเลยที่ท้ายแถวมาช้าขนาดนี้ แล้วทุกครั้งก็จะเป็นแบบนั้น"

เถรี 13-03-2019 20:24

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปลายเดือนนี้เป็นช่วงบวชสามเณรภาคฤดูร้อน ปีที่แล้วมี ๓๐ กว่ารูป ไม่รู้ว่าพวกที่โดนตีไปบอกกล่าวต่อ ๆ กันไป แล้วปีนี้จะน้อยลงหรือเปล่า ? เพราะที่วัดประกาศไว้ชัดเจนที่สุด ใครส่งลูกมาบวชทำใจไว้เลย...โดนไม้แน่นอน พอ ๓ วันผ่านไปนี่เรียบเป็นผ้าพับไว้ เพราะรู้ว่าโดนตีแน่ ๆ อยู่บ้านดื้อได้ซนได้ เพราะรู้ว่าพ่อแม่ไม่กล้าตี แต่ไปวัดนี่พระพี่เลี้ยงแต่ละรูปพกไม้ ๓ อัน ๔ อัน

ตอนแรกอาตมาก็สงสัย ถามว่าทำไมต้องพกไม้เยอะขนาดนั้นด้วย ? พระพี่เลี้ยงบอกว่า ถ้าตีไม้หักจะได้ไม่ต้องหาใหม่ อาตมาก็เลยไม่ใช้ไม้ เพราะว่าตีแล้วไม้หัก อาตมาใช้สายไฟขนาด ๒.๕ สแควร์มิล...! ถ้าตีแล้วสายไฟขาดถึงจะยอมยกให้ แต่ถ้าหากว่าใครอยู่ครบกำหนด ก็คือบวชวันที่ ๓๑ มีนาคม สึกอย่างเร็วที่สุดวันที่ ๑๐ เมษายน ถ้าอยู่ได้ถึงอาตมาจะให้ทุนการศึกษารูปละ ๒,๐๐๐ บาท ปีที่แล้วก็มีส่วนหนึ่งบอกว่า "อย่าไปบวชนะโว้ย..หลวงพ่อตีจริง ๆ" อีกส่วนหนึ่งก็บอกว่า "มึงก็ทำดีไว้สิ ทนแค่ ๑๐ วันได้เงินไปเล่นเกมตั้ง ๒,๐๐๐ บาท" อ้าว...ตูให้ทุนการศึกษา ดันเอาไปเล่นเกม...!"

เถรี 13-03-2019 20:26

"แต่มีสามเณรบางรูป ต้องบอกว่าบวชเณรเป็นอาชีพ เขาชอบของเขาอย่างนั้น อย่างสามเณรเตวัตร สามเณรณัฐภูมิ เมื่อไร ๆ ก็ต้องบวช บวชแล้วสึกออกไปก็นำพ่อแม่ใส่บาตรทุกวัน นับเป็นอภิชาตบุตรจริง ๆ แต่พอใส่ไปใส่มาหลังจากสึกไปแล้วสักเดือนหนึ่ง...สามเณรก็หายไป เหลือแต่พ่อแม่ที่ไม่เคยใส่บาตรยังคงใส่ต่อไป..!

เสียดายอยู่อย่างเดียวว่าทางบ้านต่อยอดจากวัดไม่ได้ อยู่วัดต้องซักผ้าเอง ถูศาลาเอง จัดที่นอนเอง ล้างจานเอง พูดง่าย ๆ ก็คือบิณฑบาตกินเองด้วย พอกลับบ้านไปเดี๋ยวพ่อแม่ก็บริการให้อีกแล้ว สามเณรก็จะจำแค่วันแรก ๆ สึกไปแล้วยังทำตัวเหมือนอยู่วัด พอสัก ๓ วัน ๕ วันไปก็เริ่มเลือน ๆ แล้ว พ่อแม่ต้องทำให้เหมือนเดิม คือถ้าทางบ้านหรือทางโรงเรียน สามารถรักษาความมีระเบียบวินัยของสามเณรเอาไว้หลังจากสึกไปแล้ว จะเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ว่ารักษาไม่ได้ ต่อยอดไม่เป็น เสียดาย...บวชเมื่อไรก็ต้องเริ่มต้นกันใหม่ทุกครั้ง

ฝากลูกไปบวชเณรที่วัดสักเดือนหนึ่งก็ได้นะ กลับมานี่เปลี่ยนจากลิงเป็นคนเลย โดยเฉพาะถ้าหลวงพ่อตีเองนี่ ทีหนึ่งก็ได้ ๒ แผล เพราะว่าหวดน่อง..!"

เถรี 13-03-2019 20:52

ถาม : ลูกชายเป็นคนสมาธิค่อนข้างสั้น มีวิธีฝึกสมาธิง่าย ๆ อย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ต้องให้เล่นกีฬาสมาธิ เล่นกีฬาพร้อมกับสมาธิ ก็คือไม่ว่าจะทำอะไร บอกเขาว่าอย่าลืมลมหายใจ พอได้เคลื่อนไหวแล้ว เหมือนกำลังจะเริ่มหมด คราวนี้ก็จะนิ่งได้ง่ายขึ้น

เถรี 14-03-2019 22:43

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระพรหมที่สี่แยกราชประสงค์ ซึ่งเรียกว่าพระพรหมเอราวัณ เหตุที่สร้างท่านเกิดจากการสร้างโรงแรมเอราวัณ ที่ถือว่าเป็นโรงแรมสำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองในสมัยโน้น มีแต่อุปสรรค เขาก็เชิญพลเรือตรีหลวงสุวิชานแพทย์ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือในยุคนั้น ที่ใคร ๆ เขาเรียกว่าเจ้ากรมแพทย์ตาทิพย์มาดูให้

ท่านบอกว่าที่โรงแรมติดขัดเพราะว่าไปใช้ชื่อเอราวัณที่เป็นช้างทรงของพระอินทร์ แล้วจะแก้ไขอย่างไร ? ท่านบอกให้สร้างรูปพระพรหมที่ใหญ่กว่าเอาไว้ แล้วท่านก็ช่วยทำพิธีอัญเชิญให้ ประหลาดตรงที่ว่า ตรงจุดนั้นแต่ก่อนเป็นแหล่งความเจริญมาก

อยู่ใกล้ ๆ สนามม้าราชกรีฑา แล้วก็กรมตำรวจ ห้างไดมารูเก่า แล้วต่อมาก็มีห้างซัสโก้ ตอนหลังห้างไดมารูก็เลิกกิจการไป มีการสร้างห้างเวิลด์เทรดขึ้นมาแทน เท่ากับอยู่ตรงศูนย์กลาง แต่ว่าศรัทธาของพระพรหมเอราวัณนี่ยิ่งมายิ่งมาก ตอนหลังเขามีการสร้างพระตรีมูรติ มีการสร้างพระพิฆเณศวร์ ก็ไม่สามารถที่จะแย่งศรัทธาไปจากพระพรหมได้ เพราะว่าคนที่มากราบไหว้บูชาแล้วอธิษฐานขออะไรมักจะสำเร็จ"


เถรี 14-03-2019 22:45

"อาตมาไปสิงคโปร์ครั้งล่าสุด คนขับรถแท็กซี่มีรูปพระพรหมเอราวัณติดอยู่หน้ารถ เขาเรียกท่านว่า "อากง" ถึงเวลาต้องไปไหว้ "อากง" ปีละครั้ง ไปถวายละครชาตรี คือจ้างนางรำไปรำ เขาบอกว่า "Make my life smooth and easy." ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นแล้วก็ราบรื่น ก็แสดงว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมีผลจริง

เรามาดูว่าตอนนี้ตรงนั้นกลายเป็นย่านการค้าที่ทันสมัยสุด ๆ ของกรุงเทพฯ แต่ปรากฏว่าศรัทธาพระพรหมเอราวัณยิ่งมายิ่งมาก ตรงจุดนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ความเจริญยิ่งมากเท่าไร คนก็ยิ่งต้องการที่พึ่งทางใจมากเท่านั้น"

เถรี 14-03-2019 22:48

"ที่พึ่งพระพุทธศาสนาของเรา บางทีหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเปรียบว่าเหมือนกับเพชร จะให้คนเข้าร้านขายเพชรทุกวันก็เข้าไม่ไหวหรอก ซื้อเพชรไม่ไหว แต่ถ้าหากให้เข้าร้านโชว์ห่วยขายของชำนี่เข้าได้ทุกวัน เข้าเช้าเข้าเย็นก็ได้ เขาก็เลยแวะไปหาพระพรหมเอราวัณกันมาก ก็ต้องบอกว่าท่านเบาแรงพระไปเยอะ แต่ถ้านับในเรื่องของมรรคของผลอะไรแล้ว ก็มีผลน้อยกว่า

แต่เราก็ต้องยอมรับว่าศาสนาทุกศาสนา ในเรื่องของพิธีกรรมความเชื่อเป็นฐานใหญ่สุด แล้วช่วงกลางถึงจะมาเป็นเรื่องของศีล เรื่องของหลักการปฏิบัติ ช่วงปลายถึงจะเป็นการเอามรรคเอาผล เอาความหลุดพ้นกัน ลักษณะเหมือนกับปีรามิด ฐานล่างใหญ่มาก ตรงกลางก็เล็กลงมา เหลือปลายอยู่หน่อยเดียว เพราะฉะนั้น...ญาติโยมทั้งหลายที่มาปฏิบัติธรรมตั้งใจเพื่อความหลุดพ้น ถือว่าแปลกแยกจากสังคม เป็นส่วนยอดของปีรามิดที่มีอยู่หน่อยเดียวเท่านั้น ใครจะกลับใจลงไปฐานล่างก็เอานะ"

เถรี 14-03-2019 23:40

ถาม : ถ้าผมตั้งใจใช้ทองคำที่หล่อพระมาบูชาพระบรมธาตุจะได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าจะนำทองคำมาหล่อพระ ให้ตั้งใจว่าหล่อพระก่อนแล้วเราค่อยไปบูชา หลังจากนั้นค่อยลามาหล่อพระ ถ้าหากว่าคุณไปตั้งใจบูชาพระบรมธาตุก่อนแล้วลามา ประเภทนี้ผิดงานแล้ว

เถรี 15-03-2019 21:28

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้อาตมาใช้สมบัติคนตายเยอะมาก โดยเฉพาะกระเป๋าเดินทางใบนี้ ใช้มา ๒๐ กว่าปีแล้ว เจ้าของเป็นเอดส์ตาย ญาติเขาบอกว่าอยากให้ได้กุศล ก็เลยเอากระเป๋าของเขามาถวาย เพราะว่าไม่มีใครกล้าใช้

ไปนึกถึงสมัยหลวงพ่อวัดท่าซุงกับเพื่อนยังอยู่ที่วัดบางนมโค ท่านไปเจริญกรรมฐานในป่าช้า มีญาติโยมขี้สงสัย เห็นพระอยู่ในป่าช้าก็เข้าไปชวนคุยด้วย แกชี้ไปที่เตียงถามพระท่านว่า "นี่อะไร ?" "ฝาโลง" ใช้ฝาโลงผี ๒ แผ่นมาตอกเป็นเตียง
"แล้วโต๊ะล่ะ ?" "ฝาโลง" "เก้าอี้ล่ะ ?" "ฝาโลง" พอฝาโลง ๓ ครั้ง โยมวิ่งเลย เพราะคิดว่าที่นั่งคุยอยู่ต้องเป็นผี..!"

เถรี 15-03-2019 21:33

ถาม : เครื่องทรงพระทองคำ ใครเป็นเจ้าภาพครับ ?
ตอบ : อาตมาเป็นเจ้าภาพ เพราะว่าหล่อติดกับองค์พระไปเลย

ถาม : มีการติดพลอยเพิ่มไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มีติดพลอยติดเพชรเพิ่ม ทำแบบนั้นอาตมาถือว่าไร้รสนิยม..!

เถรี 15-03-2019 21:35

ถาม : ถ้าเราไม่มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เลย การที่จะขึ้นสวรรค์ดาวดึงส์ยากขนาดไหนครับ ?
ตอบ : ก็ยากพอ ๆ กับเดินตีนเปล่าขึ้นยอดเขาเอเวอเรสต์..!

เถรี 15-03-2019 21:41

พระอาจารย์กล่าวว่า "การไปต่างประเทศ โดยเฉพาะการไปดูงาน มีคนจำนวนหนึ่งที่มองโลกในแง่ร้าย เห็นว่าไปเที่ยวกัน แต่อาตมายืนยันว่า อาตมาไปดูงานก็คือไปดูจริง ๆ อะไรของเขาที่ดีก็จะเอามาปรับปรุงของเรา อะไรที่เป็นแรงบันดาลใจ ให้เราคิดได้ว่าจะทำความเจริญให้กับศาสนาในแบบไหนก็จะทำ

อย่างเวลาไปต่างประเทศ โดยเฉพาะทางยุโรป อเมริกา เราเข้าไปในโบสถ์ของศาสนาคริสต์ อลังการมากแทบทุกโบสถ์เลย พอเข้าไปเราจะรู้สึกว่าตัวเราเล็กนิดเดียว พระเจ้าเท่านั้นที่ยิ่งใหญ่ บางที่เข้าไปนี่ร้องโอ้โฮเลย ทำไมเขาสร้างได้ยิ่งใหญ่อลังการขนาดนี้ แล้ววัดในประเทศไทยมีกี่วัดที่เราเข้าไปแล้วโอ้โฮบ้าง ? ของเขานี่แทบทุกแห่ง แต่ของเรานี่ ๒ มือนับน่าจะไม่ครบนิ้ว"


เถรี 15-03-2019 21:43

"ฉะนั้น...ในส่วนนี้เวลาเราไป ถ้าเก็บเป็นจะได้อะไรเยอะมาก อาตมาไปดูงานตอนเรียนปริญญาเอก สรุปการดูงานให้อาจารย์ ๕ บรรทัด อาจารย์ท่านถามว่า "เอาแค่นี้จริง ๆ หรือครับ ?" บอกว่า "เนื้อหาครบไหมละครับ ?" ท่านมอง ๆ แล้วบอกว่า "ครบ" "ถ้าครบผมก็เอาแค่นี้แหละ"

อาตมาสรุปงานให้ว่า ถ้าเรารักษาของเก่าจนขายได้แบบอิตาลี รักษาธรรมชาติจนขายได้แบบสวิตเซอร์แลนด์ สร้างแบรนด์จนขายได้แบบฝรั่งเศสก็พอแล้ว แต่ทั้งหมดที่ว่ามายังไม่ต้องทำหรอก ควรสร้างจิตสำนึกของคนเราให้ได้อย่างเขาก่อน ไปดูงานมา ๑๒ วัน สรุปได้แค่ ๕ บรรทัด"

เถรี 15-03-2019 21:44

ถาม : จิตสำนึกที่ต้องสร้างนี่คืออะไรคะ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าจิตสาธารณะ เห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว ปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมืองอย่างเคร่งครัด เป็นต้น

เถรี 15-03-2019 22:02

พระอาจารย์กล่าวว่า "เงินส่วนองค์อาตมาไม่ค่อยได้ใช้หรอก ส่วนใหญ่พอเผลอ ๆ ก็กลายเป็นทุนการศึกษาบ้าง เลี้ยงเด็กบ้าง อะไรบ้างไปเรื่อยเปื่อย ทุนการศึกษาในส่วนที่ใช้เงินสงฆ์ก็ใช้เงินสงฆ์ บางส่วนที่อาตมาให้เป็นการส่วนตัวก็ใช้เงินส่วนตัว

ทุนการศึกษาของวัดท่าขนุน ปีหน้าโรงเรียนที่จะได้มากที่สุด ก็คือโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศ เพราะว่ามีตั้งแต่อนุบาลยันมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ก็แปลว่าจะได้ทุนระดับประถม ๒๐ ทุน ทุนระดับมัธยม ๒๐ ทุน แล้วเขาจะเปิด ปวช.ด้วย ถ้ามี ปวช.นี่ก็ต้องแบ่งกับทุนระดับมัธยม อาจจะคนละครึ่ง"

เถรี 15-03-2019 22:15

พระอาจารย์อ่านและแปลบาลีให้ฟัง "แปลทันไหม ? ผมบาลีเถื่อนนะ แปลได้หมด แปลกใจตัวเองเหมือนกัน ตอนที่เรียนไวยากรณ์ท่องไปท่องมา เหมือนกับมีอะไรแตกโป๊ะอยู่ในหัว แล้วเข้าใจหมดเลย ตั้งแต่นั้นมา เรียนหรือไม่เรียนก็ราคาเดียวกัน"

เถรี 15-03-2019 22:16

พระอาจารย์กล่าวกับพระที่มากราบว่า "จำไว้อย่างหนึ่งว่า เป็นผู้นำเขา อารมณ์ต้องมั่นคง จะไปขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่ได้"

เถรี 17-03-2019 09:30

สนทนากับพระ "ระยะนี้ผมไปไหนก็เดือดร้อนไปหมด ถึงเวลาเขาก็ต้องขยับที่ให้ วันก่อนเจ้าคณะจังหวัดไม่อยู่ในงาน เขาบอกว่าพระอาจารย์ช่วยเป็นประธานให้หน่อย

มเหสักโข แปลว่าผู้ประกอบไปด้วยศักดิ์อันยิ่งใหญ่ ในเมื่อท่านที่ใหญ่กว่ามาถึง ท่านที่เล็กกว่าก็ต้องหลบไป แบบเดียวกับอังกุรเทพบุตร กับ อินทกเทพบุตร ถึงเวลานั่งอยู่ซ้ายขวาของพระพุทธเจ้า พอเทวดาที่เป็นมเหสักข์มาถึง ท่านอังกุรเทพบุตรก็ถอยไปเรื่อย อินทกเทพบุตรยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ไม่ต้องหลบให้ใคร ปัจจุบันนี้ดูท่าอาตมาจะเริ่มเป็นอินทกเทพบุตรแล้ว นั่งลงไปนี่แทบจะไม่ต้องถอยให้ใครแล้ว

ตอนที่ชัดที่สุดก็คือ ปีนั้นน่าจะพรรษาที่ ๕ ไปงานพระราชทานสัญญาบัตรพัศยศของคณะสงฆ์หนเหนือ ที่วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ เข้าไปนั่งอยู่ในโบสถ์ ปรากฏว่าบรรดาเจ้าหน้าที่ของสำนักพุทธฯ เชียงใหม่ ไล่พระอื่นออกหมด เหลืออาตมานั่งอยู่รูปเดียว ไม่กล้าไล่ เพราะว่าอาตมาเอาหลวงพ่อวัดท่าซุงนั่งบนหัวไปด้วย คิดอยู่อย่างเดียวว่า "ถ้ามึงแน่จริงก็ไล่หลวงพ่อสิวะ..!"

ปรากฏว่าเขาไม่กล้าไล่ ปล่อยให้อยู่จนกระทั่งสมเด็จพระสังฆราชท่านเสด็จมา ท่านเลยประทานย่ามให้ใบหนึ่ง ทุกวันนี้ก็ยังเก็บย่ามนั้นไว้เป็นที่ระลึก มีย่ามของท่านใบหนึ่ง มีผ้ารับประเคนของท่านตอน ๙๐ พรรษาผืนหนึ่ง"



เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:58


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว