กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6517)

เถรี 17-03-2019 09:36

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยสร้างเกาะพระฤาษี สั่งปูน ๓๐๐ ลูก เท่าไร ๑๕,๐๐๐ กิโลกรัม รถเทรลเลอร์วิ่งไปส่งช่วงหน้าฝน เขาบอกว่า "พระอาจารย์ครับ...อย่างไรก็ต้องคลุมผ้า" อาตมาบอกว่า "ไม่ต้องคลุมหรอก..ไปเถอะ ถ้าหากว่าเทวดาปล่อยให้ปูนเปียก ถือว่าทำลายของสงฆ์..!"

ปรากฏว่าฝนตกตลอดทาง แต่ตกนำหน้ารถไปเรื่อย จนกระทั่งขนปูนเข้าที่ร่มหมด ฝนถึงได้เทลงมา อาตมาใช้วิธีนี้แหละ หน้าด้านหน่อย อันนี้ก็เหมือนกัน พระทองคำเป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา เทวดาไม่ช่วยรักษาแล้วใครจะช่วย"


เถรี 17-03-2019 09:38

พระอาจารย์กล่าวว่า "ภาระทุกวันนี้ที่รับทำ กราบเรียนหลวงพ่อวัดท่าซุงตั้งแต่แรกว่า ถ้าต้องขอเขาแม้แต่บาทเดียวนี่จะเลิกทำเลย อาตมาเป็นคนไม่ชอบขอใคร เกรงว่าจะเป็นหนี้บุญคุณ

ญาติโยมปวารณาไว้เยอะมาก ตอนสร้างเกาะพระฤาษีใหม่ ๆ ถึงขนาดบอกว่าอนุญาตให้สร้างหนี้ได้ตามใจชอบ เขาจะเคลียร์หนี้ให้ทุกสิ้นเดือน ขนาดนั้นยังไม่ไปรบกวนเขาเลย

บางทีโยมก็ทนไม่ไหว มาถึงก็ "หลวงพี่..เมื่อไรจะขอสักที ?" บอกว่า "เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ในกระเป๋ามีเท่าไรเอามาเท่านั้น" ปรากฏว่าเจ้านั่นดวงเฮง เปิดกระเป๋าเทมามีสี่แสนกว่า..เสร็จเรา..!"


เถรี 17-03-2019 09:41

พระอาจารย์กล่าวว่า "ฝากบอกท่านอาจารย์สุชาติว่าขอพระพุทธลีลาประทานพรก่อนนะ เพราะดูว่าจะง่ายกว่า ปางปราบพระยาชมพูบดีหรือปางมหาจักรพรรดินี่เครื่องทรงละเอียดมาก ต้องให้เวลาท่านค่อย ๆ ปั้น ค่อย ๆ แต่ง

วันที่ ๙ มีนาคมนี้ หล่อพระทองคำ ๑ องค์หน้าตัก ๑๙ นิ้ว ใช้ทองคำ ๙๗.๕ กิโลกรัม เมื่อหล่อแล้วจะมีชนวน
เพื่อที่จะให้น้ำทองแล่นถึงกันเป็นส่วนเกินหลายกิโลกรัมอยู่ อาตมาจะเอาทองคำส่วนนั้นมารวมกับทองคำที่เหลือ เพื่อหล่อองค์พระพุทธลีลาประทานพรต่อไป"

เถรี 17-03-2019 09:48

ถาม : มีคนที่อยากไปงานหล่อพระ แต่เป็นรูมาตอยด์ ?
ตอบ : บอกเขาว่าเริ่มตั้งแต่วันนี้เลย ให้กินน้ำอุ่นเยอะ ๆ กินน้ำอุ่นวันหนึ่งให้ได้ ๓ ลิตร แล้วจะถ่ายออกมาหมด เพราะว่ารูมาตอยด์เกิดจากกรดยูริกของโปรตีนไปตกผลึกอยู่ตามข้อ ละลายได้ด้วยน้ำ ถึงเวลาร่างกายดึงออกมา จะได้ไม่กำเริบ หลังจากนั้นก็พยายามดื่มน้ำให้เยอะหน่อย ที่ให้ใช้น้ำอุ่น เพราะว่าถ้าเป็นน้ำเย็นเดี๋ยวร่างกายจะเย็นเกิน แล้วเกิดสภาวะช็อกขึ้นมาอีก ใช้น้ำอุ่นดีที่สุด ขยันเข้าห้องน้ำหน่อย ๓ - ๔ วันก็หายแล้ว

เถรี 17-03-2019 09:50

ถาม : มีคนเป็นความดันสูง ?
ตอบ : ไม่เป็นไร เพราะว่าเมรุที่วัดเผาฟรี...!

เป็นความดันสูง กินกระเทียมหรือน้ำมันกระเทียมก็ได้ กระเทียมสดก็สัก ๓ - ๔ กลีบ เคี้ยวแล้วกลืนลงไป แต่ขอโทษ...กลิ่นติดปากไปนานเลยนะ เอาน้ำมันกระเทียมดีกว่า ใช้กระเทียมอัดเม็ดก็ได้

เถรี 17-03-2019 21:05

ถาม : อานิสงส์ของการดูการหล่อพระผ่านยูทูบ กับการที่เราไปหล่อพระด้วยตนเองที่วัด อย่างไหนดีกว่าคะ ?
ตอบ : ดูผ่านยูทูบน่าจะดีกว่า เพราะว่าไม่เหนื่อย กำลังใจไม่เสีย ถ้าเดินทางไปต้องไปเวลากลางคืน เพื่อที่จะไปให้ทันงานที่นั่น เหนื่อยด้วย ง่วงด้วย เดี๋ยวอารมณ์เสีย ถ้ารักษาอารมณ์ไม่อยู่ บุญจะลดเสียด้วยซ้ำไป อะไรก็ได้ที่ทำให้กำลังใจเราทรงตัวอยู่ในด้านดี รัก โลภ โกรธ หลงเข้าไม่ได้ อานิสงส์จะมีมากกว่า

เถรี 17-03-2019 21:56

ถาม : ถวายถ้วยกาแฟสีชมพูค่ะ รุ่นใหม่ ?
ตอบ : ไม่เป็นไร สีอะไรอาตมาก็ไม่ได้ใช้ทั้งนั้น เพราะว่าไม่ฉันกาแฟ...ไม่ต้องเกรงใจ เกิดมาไม่ฉันกาแฟ ไม่ฉันน้ำหวาน เคยฉันน้ำอัดลมสนับสนุนกิจการของเขาอยู่พักหนึ่ง พอเขาเปลี่ยนรสก็เลิกฉัน

เถรี 17-03-2019 22:15

ถาม : ครั้งที่แล้วสอบถามเรื่องการดูลม กลับไปฝึก กำหนดภาพพระสบาย ๆ ปฏิบัติทุกวัน จะได้อะไรบ้างหรือเปล่าคะ เพราะว่ายังฟุ้ง ?
ตอบ : เขาเรียกว่าทำแบบโง่เกินไป ไปทำหวังผลนี่เป็นตัวฟุ้งซ่าน เรามีหน้าที่ทำ ผลจะเกิดอย่างไรก็ช่างหัวมัน ทำใจแค่นั้นแหละแล้วจะได้ ถ้าไปทำแล้วหวังจะได้ ชาตินี้ก็ไม่ได้หรอก

ถาม : ตอนนี้มัวแต่กังวลว่าทำถูกไหม ?
ตอบ : นั่นแหละ..จงกังวลต่อไป ฟุ้งซ่านได้ดีมาก

ถาม : ปล่อยไปเลยใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ปล่อยไปเลย เรามีหน้าที่ทำ จะได้อย่างไรจะเป็นอย่างไรเรื่องของมัน

ถาม : คือดูลมภาวนาตามปกติ ?
ตอบ : ตามปกติ เรามีหน้าที่ทำ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรช่างมัน

ถาม : ถ้าสมมติว่า...?
ตอบ : ไม่ต้องสมมติ ไปทำอย่างที่ว่ามานั้นแหละ

เถรี 18-03-2019 08:44

พระอาจารย์กล่าวว่า “หลังจากหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมทองคำแล้ว องค์ต่อไปคือสมเด็จพระพุทธกัสสปทองคำ ส่วนองค์ปัจจุบันในปางปราบพระยาชมพูบดี ต้องรอดูก่อนว่าจะได้เนื้ออะไร”

เถรี 18-03-2019 08:46

พระอาจารย์กล่าวว่า “รักษากำลังใจของเราเอาไว้ให้ได้ เหมือนกับตอนที่อยู่ในสถานที่ซึ่งเขาทำความดีกัน ตอนนี้อยู่ที่นี่เรารักษากำลังใจได้ เพราะว่ากำลังใจส่วนใหญ่เขาไปทางดี ก็เลยดึงเราไปด้วย ทำอย่างไรที่จะทำให้เรายืนเองได้แบบนี้ ถ้าหากว่ายืนหยัดอยู่ได้ อยู่ที่ไหนก็สบาย”

เถรี 18-03-2019 22:48

ถาม : พาน้องชายไปรักษากับพระ เขาไม่เชื่อแพทย์แผนไทยเลย ถ้าเขามีวิบากของเขาที่ต้องสูญเสียอวัยวะ การที่เราพยายามไปทำให้เขาไม่ต้องสูญเสียอวัยวะ จัดว่าล่วงกรรมเขาไหมคะ ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับว่าเราทำมากน้อยเท่าไร ทำมากก็เดือดร้อนมาก ทำน้อยก็เดือดร้อนน้อย

ถาม : ปกติการที่เรามีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย ก็เป็นการล่วงกรรมอยู่แล้ว ?
ตอบ : ถ้าจะทำก็ไม่ต้องกลัว ถ้ากลัวก็อย่าทำ..แค่นั้นแหละ

เถรี 18-03-2019 22:52

พระอาจารย์กล่าวว่า "มนุษย์เราสร้างขยะท่วมโลก ไม่ต้องดูอะไรมาก อาตมามารับสังฆทานที่นี่แต่ละวัน เฉพาะขยะจากการถวายทองคำนี่ประมาณหนึ่งตะกร้า

ทองคำที่ถวายมาไม่ว่าจะชิ้นใหญ่ชิ้นเล็ก จะมีสำลี ๑ ก้อน ตลับพลาสติก ๑ อัน กล่องพลาสติกหรือไม่ก็ซองกำมะหยี่ ๑ ซอง ถ้าหากว่าใครใส่มาภายในซองจดหมาย ก็จะมีซองจดหมายอีก ๑ ซอง เพราะฉะนั้น..แต่ละวันที่รับมานี่ขยะเป็นตะกร้าเลย เพราะว่าเมื่อถึงเวลาก็ลงบัญชีเสร็จแล้ว ที่เหลือก็ต้องทิ้งหมด เก็บไว้แต่ทองคำ

ตอนนี้สถิติสูงสุดอยู่ที่คนญี่ปุ่น สร้างขยะต่อคนต่อวันสูงที่สุดในโลก เพราะว่าสินค้าญี่ปุ่นทุกอย่างห่อซับห่อซ้อน เอาหีบห่อสวยไว้ก่อน"


เถรี 18-03-2019 22:57

"วัดท่าขนุนตอนนี้มีระบบแยกขยะ แต่ก็ไม่เต็มรูปแบบ เพราะว่าขยะบางส่วนอย่างพวกถุงพลาสติก ต้องเอาไปเข้าระบบการล้างน้ำ เสร็จเรียบร้อยแล้วถึงจะเอามาตากแล้วค่อยจัดเก็บ

ทางวัดยังไม่สามารถกำจัดขยะแบบเต็มรูปแบบได้ ส่วนหนึ่งจึงต้องเผาทำลายทิ้ง คราวนี้ในการเผา..ส่วนที่ยากที่สุดคือขยะเปียก เราต้องใช้ขยะแห้งเผานำไปก่อน เลือกเศษขยะที่เผาทำลายง่าย ๆ แล้วก็เสริมขยะเปียกเข้าไปเป็นระยะ เพื่อที่จะเอากำลังไฟไล่ความชื้นแล้วจึงเผาขยะเปียกได้"

เถรี 18-03-2019 23:01

พระอาจารย์กล่าวว่า "เห็นนามสกุลโยมแล้วไปนึกถึงขุนหลวงพระยาไกรสีห์ ขุนหลวงพระยาไกรสีห์นั้นอยู่ในสมัยรัชกาลที่ ๖ พระองค์ท่านตั้งตำแหน่งให้ ด้วยความที่ท่านแสดงว่าอยากได้ ในหลวงรัชกาลที่ ๖ จึงพระราชทานตั้งให้ทีเดียวเลย ก็คือทั้งขุน ทั้งหลวง ทั้งพระ ทั้งพระยา อยู่ในคนเดียว เป็นตำแหน่งขุนหลวงพระยาไกรสีห์ สมัยนี้ใครดิ้นรนวิ่งเต้นเพื่อตำแหน่งมาก ๆ ก็น่าจะตั้งให้แบบนั้นบ้าง"

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : เป็นพระราชทินนาม เพียงแต่ว่าถ้าจะให้นับก็เป็นท่านขุน เพราะว่าขึ้นด้วยขุน แต่ว่ามีทุกตำแหน่งเลยคือขุนหลวงพระยาไกรสีห์ ในเมื่ออยากได้มากก็ให้ทีเดียวครบ จะได้ไม่ต้องมาขอบ่อย ๆ

เถรี 18-03-2019 23:04

ถาม : ถ้าเราภาวนาพระคาถา ลืมคาถาบางตัว ?
ตอบ : สำคัญอยู่ที่ความเชื่อมั่น คาถาจะผิด จะถูก จะตก จะหล่น ไม่เกี่ยวกัน ใช้ได้ทั้งนั้น

เถรี 18-03-2019 23:14

ถาม : การที่เราภาวนาอธิษฐานเอาแบบทางโลก ?
ตอบ : อยู่ที่กำลังใจของเรา ถ้ากำลังใจทรงตัวเป็นฌาน อธิษฐานเอาอะไรก็ได้อย่างนั้น

เถรี 18-03-2019 23:21

ถาม : บางทีเราพิจารณาเห็นว่าร่างกายเป็นทุกข์ บางทีก็พิจารณาว่าพระนิพพานเป็นสิ่งที่ดีกว่า ไม่ทราบว่าการพิจารณาทั้งสองอย่างนี้มีความต่างอย่างไร ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเห็นทุกข์ จิตใจจะเบื่อหน่ายและปล่อยวางได้ การพิจารณาว่าพระนิพพานเป็นสิ่งที่ดีกว่า ถ้าทำผิดจะกลายเป็นยึดติดอยู่ใน รัก โลภ โกรธ หลง

เถรี 18-03-2019 23:22

ถาม : การแผ่เมตตากับอุทิศส่วนกุศล ต่างกันอย่างไร ?
ตอบ : ให้เขากินข้าวกับให้ร่มเงาต่างกันตรงไหนเล่า? ก็ถ้าคนหิวข้าวมา เราเอาร่มเงาให้เขาก็ยังไม่หายหิว แต่ถ้าคนเขาต้องการร่มเงา เราเอาข้าวไปให้เขากิน เขาก็ไม่หายร้อน

เถรี 18-03-2019 23:27

ถาม : ถ้าผู้บริหารหรือเจ้าของบริษัทตั้งเป้าการเจริญเติบโตของบริษัทที่เยอะมาก ๆ ตามใจตัวเอง เช่น ๕ ปีโตเท่าตัว การที่เขาทำแบบนี้เพิ่มแรงกดดันคนในบริษัท เป็นเรื่องดีหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าทางโลกก็ดี เป็นการบริหารที่ถูกต้อง เพราะว่าคนเราถ้าไม่เผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบาก ก็จะไม่ดึงศักยภาพของตัวเองออกมา

ถาม : แต่เป็นการบีบคั้นจนเกินไป ?
ตอบ : เขายังรู้สึกว่าเบาไปเสียด้วยซ้ำ คุณจะไปเอาศีลเอาธรรมอะไรกับเรื่องของการค้าขายหรือเรื่องของผลประโยชน์ ? คนละประเด็นกัน คุณทะลึ่งไปหลงประเด็นเอง

เถรี 18-03-2019 23:32

ถาม : นอกจากประเทศไทย ที่เกิดมาแล้วมีโอกาสไปพระนิพพานได้ คนประเทศอื่นมีไหมครับ ?
ตอบ : เยอะแยะไป ยุโรปก็มี อเมริกาก็มี เอเชียยิ่งเยอะ

เถรี 18-03-2019 23:33

ถาม : ของที่เราใช้ตอนบวช เช่น จีวร บาตร พอสึกถ้าเราเอากลับมาที่บ้าน ?
ตอบ : ก็ติดหนี้สงฆ์

ถาม : การที่พระคะยั้นคะยอให้เราเอากลับบ้าน ?
ตอบ : แล้วทำไมเราต้องไปฟังท่านด้วย ?

ถาม : ถ้าเราเอาไปถวายพระท่านอื่น ติดหนี้สงฆ์ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ได้เอามาก็ไม่เป็นไร

เถรี 20-03-2019 17:28

ถาม : ความหมั่นเขี้ยว เกิดจากอะไร ?
ตอบ : โทสะ

ถาม : แม้จะหมั่นเขี้ยวก็ไม่ควรทำหรือครับ ?
ตอบ : ก็ รัก โลภ โกรธ หลง นั่นแหละ เพียงแต่บางเบาจนกระทั่งเราไม่รู้จัก

เถรี 20-03-2019 17:31

ถาม : การที่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ เป็นอยู่ เป็นกิเลสหรือไม่ครับ ?
ตอบ : วางกำลังใจผิดก็เป็นกิเลส ถ้าวางกำลังใจถูกเป็นธรรมะ พอใจที่มีอยู่ ไม่โลภดิ้นรนจนเกินกำลัง จัดว่าเป็นส่วนของธรรมะ แต่ถ้าพอใจว่ากูมีมากกว่าคนอื่นเขา กูมีดีกว่าคนอื่นเขา ก็เป็นกิเลส วางกำลังใจถูกก็ได้ดี วางกำลังใจผิดก็ลงเหวไป

เถรี 20-03-2019 17:39

ถาม : ความมั่นใจที่ถูกต้องเกิดจากอะไรครับ ?
ตอบ : เกิดจากการกระทำ ความมั่นใจส่วนใหญ่เกิดจาก ศรัทธา คือความเชื่อ วิริยะ พากเพียรจนประสบกับความสำเร็จ สติ มีความรู้รอบว่าอะไรควร อะไรไม่ควร แล้วก็ ปัญญา ไตร่ตรองครบถ้วนแล้ว

เถรี 20-03-2019 17:46

ถาม : การที่คนอาหรับสวดมนต์ด้วยความศรัทธาเยอะมาก นั่งตลอดทั้งวัน ไม่ทราบปัจจัยที่ทำให้ประเทศเขาเจริญ และตัวเขาเองมีฐานะดีมาก ?
ตอบ : นั่นเป็นเรื่องสมาธิอย่างเดียว ส่วนเรื่องของปัจจัยที่ทำให้เกิดมาฐานะดีร่ำรวย ต้องมีพื้นฐานของทานมาในอดีต

เถรี 20-03-2019 17:56

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาสายตาเอียง แต่ทำไมมองอะไรตรงก็ไม่รู้ สมัยเด็ก ๆ เป็นมากจนตาเหล่เลย แล้วเขาก็ให้ฝึกจนกระทั่งกลับคืนมา ตอนอายุมากขึ้นกล้ามเนื้อก็ล้า เหมือนจะกลับไปเป็นอย่างเดิม

คราวนี้มีผู้รู้บางท่านเขาบอกว่า พระที่อยู่ ๆ ไปแล้วสายตาเอียงมากจนกระทั่งตาเหล่ มีความเป็นไปได้อยู่อย่างหนึ่งว่า เป็นเพราะอดกลั้นเรื่องของกามราคะ เขาบอกว่าเส้นในร่างกายของเราบางเส้นจะตึง พอตึงแล้วก็ไปรั้งกล้ามเนื้อสายตา ซึ่งถ้าหากว่าไม่มีเรื่องพวกนี้ก็แปลว่าเส้นสายยังคงตึงเป็นปกติ ก็จะรั้งจนกระทั่งตาเอียงไปข้างหนึ่ง ตลกดีเหมือนกัน เป็นทฤษฎีที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ อันนี้หมอนวดเขาบอก

แบบเดียวกับที่เขากดท้องอาตมา แล้วเขาโวยว่าทำไมแข็งเป็นกระดานเลย เสร็จแล้วเขาก็บอกว่าดีแล้วละที่เส้นแข็ง พวกเส้นอ่อน ๆ แอบมีเมียทั้งนั้น เขาว่านะ สรุปแล้วในสายตาของเขาพระหาดีไม่ได้เลย ความจริงถ้าไม่มีการนวด เส้นตึงก็เป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะทำงานหนัก ๆ นอนดึกนี่บางทีรั้งทั้งตัว ยิ่งนอนห้องปรับอากาศด้วย ยิ่งเย็นเส้นก็ยิ่งหดมาก"

เถรี 20-03-2019 17:58

"สมัยเด็ก ๆ ทางบ้านมีอาเจ็กคนหนึ่ง แกมองกลางคืนเหมือนกลางวัน แกฝึกวิทยายุทธ์มา อันนั้นต้องยอมยกให้ กลางคืนนี่เรามองอะไรไม่เห็น แกเห็นหมด บอกได้หมด ขนาดนกนอนอยู่บนต้นไม้...ชี้ให้ดู อาตมาส่องไฟยังไม่ค่อยจะเห็นเลย แกถามว่าอยากจะกินนกไหม ? ชี้ให้ดู"

เถรี 21-03-2019 00:24

พระอาจารย์กล่าวว่า “หมอเขาบอกว่าให้กินอาหารและน้ำเป็นยา ไม่เช่นนั้นแล้วท่านจะได้กินยาเป็นอาหาร พระพุทธเจ้าตรัสว่าต้องมีโภชเนมัตตัญญุตา รู้จักประมาณในการกิน ก็คือแค่พอสมควร รู้สึกอิ่มก็หยุด ไม่ใช่กินล้น กินเกิน จนกระทั่งเบรกไม่อยู่ คุมน้ำหนักไม่ได้ ห้ามปากตัวเองไม่ไหว”

เถรี 21-03-2019 00:25

พระอาจารย์กล่าวว่า “มีคนแก่อยู่ในบ้านเหมือนมีสมบัติล้ำค่า เป็นโอกาสที่ลูกหลานจะได้แสดงความกตัญญู สร้างบุญกุศลใส่ตัวด้วย”

เถรี 21-03-2019 00:46

ถาม : เป็นหนี้ผู้หญิงคนหนึ่ง แม่ผมอยากจะใช้หนี้มากเลยครับ ถ้าแม่ผมไม่เจอเขา จะทำอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : หาทายาทเขา อย่างเช่นว่าถ้าเขามีลูก ก็ดูลูกคนที่น่าให้ที่สุดแล้วก็ให้เขาไป

ถาม : ถ้าไม่เจอล่ะครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่เจอจริง ๆ ท้ายสุดก็ทำบุญให้เขาไป

เถรี 21-03-2019 00:48

ญาติโยมเล่นกับเด็กที่มาทำบุญ พระอาจารย์จึงกล่าวว่า “ในเทวตาสังยุตต์ เทวดาได้กล่าวโศลกถวายพระพุทธเจ้าว่า “บุคคลผู้มีบุตรย่อมรื่นเริงเพราะบุตร บุคคลผู้มีโคย่อมรื่นเริงเพราะโค” ก็คืออาการอย่างนี้แหละ พระพุทธเจ้าทรงแก้ให้ว่า “บุคคลผู้มีบุตรย่อมทุกข์เพราะบุตร บุคคลผู้มีโคย่อมทุกข์เพราะโค” เจอของจริงเข้าไป เทวดาเหี่ยวไปเลย เขาเรียกว่า “Dream crusher” ผู้บดขยี้ความฝัน ..(หัวเราะ)..”

เถรี 21-03-2019 19:28

พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่งว่า “ต้องแบ่งแยกให้ออกว่าเวลางานกับเวลาส่วนตัวเป็นอย่างไร เวลางานเราไปกับงาน เวลาส่วนตัวเราอยู่กับศีลกับธรรม อยู่กับการปฏิบัติของเรา ต้องแยกให้ออก

เรื่องของงานเป็นความจำเป็นในชีวิต ต้องบ้าตามเขาไป ถึงเวลาของเรา เราก็มาอยู่กับศีลกับธรรมของเรา แบ่งเวลาให้ถูก ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวก็มัวแต่ไปกำลังใจเศร้าหมองอยู่นั่นแหละ จะลำบากทีหลัง”


เถรี 21-03-2019 19:29

พระอาจารย์กล่าวว่า “ในหลวงรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านบอกว่า ท่านมีขุนพลแก้ว มีขุนคลังแก้ว มีนางแก้ว ขุนพลแก้วของท่านก็คือ เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ขุนคลังแก้วคือ พระยาศรีสหเทพ (ทองเพ็ง) ส่วนนางแก้วของท่านก็คือ ลูกสาวที่ช่วยงานพ่อหัวทิ่มหัวตำ ..(หัวเราะ)..”

เถรี 21-03-2019 19:31

พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อวานกลับขึ้นไป ลงบัญชีทองคำจน ๓ ทุ่มครึ่ง ตื่นมาตี ๑ ครึ่ง ลงบัญชีต่อจนตี ๕ ครึ่งก็ยังไม่เสร็จ เพราะว่าบางทีโยมก็ถวายเป็นแผ่นเล็ก ๆ ขนาด ๑ กรัม เฉพาะ ๑ กรัมนี่ประมาณ ๓ หน้ากระดาษได้ ขนาดลงชื่อให้เป็นคณะก็บรรทัดเดียว ก็แปลว่าเมื่อวานเฉพาะที่ถวาย ๑ กรัมนี่เกิน ๖๐ คน เพราะว่าหนึ่งหน้าจะได้ประมาณ ๒๒ บรรทัด แล้วลองคิดดูว่ารวม ๆ กันหมดแล้วเท่าไร ? สูงสุด ๑๖ บาท ต่ำสุดครึ่งกรัม หรือ ๐.๐๓๑๒๕ บาท”

เถรี 21-03-2019 19:36

พระอาจารย์กล่าวว่า “ประคำหยกพม่าขอเอาไปนั่งเสกนั่งจารก่อน เดือนหน้าค่อยเอามาลงตู้จำหน่าย แต่ว่าเดี๋ยวนี้เขาปิดห่อเก็บรักษาดีมาก

สมัยไปพม่า อาตมาบุกไปจนถึงตลาดค้าหยก เขาบอกว่า “พระอาจารย์..ที่เห็นกองพะเนินเทินทึกนั่นถวายเลยครับ หาสิบล้อมาขนเอาไปก็แล้วกัน” เป็นเศษหยกที่ติดส่วนเนื้อเขียว ๆ ไม่มาก เขาบอกว่าส่วนใหญ่แล้วเอาไปทำชิ้นเล็ก ๆ แบบโมเสกแล้วเอาไปประดับวัด อย่างที่พระมหาเจดีย์ชเวดากอง เขาทำอย่างนั้นทั้งศาลาเลย ก็เลยบอกกับเขาไปว่า “ตูใช้กระเบื้องดูจะง่ายที่สุด ไปนั่งหั่นหยกทีละชิ้น กว่าจะได้สักศาลาหนึ่งคงจะหลายปี ใครจะไปมีอารมณ์วะ..!”

เถรี 21-03-2019 19:39

"หยกที่โน่นอย่างไม่มี ๆ ชิ้นหนึ่งก็เป็นพัน ไปซื้อปลาหยกตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งประมาณข้อนิ้วก้อย เจอไป ๖๐๐ บาท นั่นขนาดอาตมาต่อราคาโหดร้ายที่สุดแล้วนะ มีพ่อออกสุจินต์ เป็นหัวหน้าคณะผู้ประสานงานระหว่างไทยพม่า ไปซื้อหยกมาก้อนหนึ่ง ๓ ล้านบาท คือการซื้อขายหยก เขาจะปาดเนื้อให้เห็นนิดเดียว ประมาณสัก ๒ นิ้วมือ ขัดจนเงาวับเลย แล้วเราก็ไปนั่งเล็งนั่งส่องคอยลุ้นเอา เพื่อประมูลแข่งกันกับเขา

พ่อออกสุจินต์เขาเล็งเสร็จแล้ว เขียวใสแบบนี้ ไม่มีแม้กระทั่งรอยตำหนิข้างใน หยกจักรพรรดิชัด ๆ แกสู้ราคาจน ๓ ล้านบาทไทย ซึ่งตอนนั้นก็คือ ๖๖ ล้านจ๊าตของพม่า ปรากฏว่าพอประมูลได้ มีคนมาให้ ๕ ล้านบาทไทย พ่อออกสุจินต์ไม่ขาย เขากะว่าผ่าออกมาแล้ว จะได้แพงกว่านั้น

พอผ่าออกมานี่แทบจะร้องไห้เลย เพราะเป็นหยกแบบเป็นกาบซ้อน ๆ กันอยู่ แต่คนปาดรู้ได้อย่างไร ? เขาปาดมุมที่มองไม่เห็นรอยซ้อนพอดี แทนที่จะได้ ๕ ล้านบาทไทยหรือมากกว่านั้น ก็กลายเป็นขายไม่ออก แต่คนปาดเขาเซียนสุด ๆ ปาดเข้ามุมที่มองแล้วทะลุหมดพอดี ไม่โดนอะไรเลย"

เถรี 21-03-2019 19:41

"ท่านครูบาน้อยเคยเอาเงินสร้างวัดของอาตมาไปเป็น “ร้อยแสน” ของทางพม่าเขานิยมแค่หลักแสน สิบแสนก็หนึ่งล้าน ร้อยแสนก็สิบล้าน ชาวบ้านเขามาฟ้องว่า เอาเงินของครูบาเล็กไปเป็นร้อยแสนไปเล่นหยก แล้วก็เจ๊งกลับมา ก็ลักษณะนี้แหละ ต้องขึ้นกับดวง เพราะว่าช่วงนั้นอาตมาส่งเงินไปให้ท่านสร้างวัด แล้วปีท้าย ๆ ๒ ปี ท่านไม่ส่งบัญชีรับจ่าย อ้างว่างานยุ่งมาก ไม่มีเวลาส่ง เสร็จแล้วก็มีแต่ขอเบิก ๆ อาตมาก็ไม่ได้ดูว่า สิ่งที่เบิกกับสิ่งที่ทำนั้นไปกันได้ไหม เพราะว่าไว้ใจทั้งที่เขาไม่ได้ส่งบัญชีให้

ท้ายสุดก็กลายเป็นว่า ที่แท้พ่อเจ้าประคุณเตรียมจะสึก ตุนเงินเอาไว้เพื่อที่จะไปค้าขาย แถมยังยืมทองคำของญาติโยมไปอีก ๑๗ บาท เอาไปขายทำทุน โดยที่อ้างว่าพระอาจารย์เล็กยืม จนกระทั่งพ่อเจ้าประคุณสึกไป บรรดาคณะกรรมการวัดที่เคยเข้าใจผิดอาตมาว่าไปโกงเงินเขา ก็แห่กันมาที่ด่านเจดีย์สามองค์ มาขอร้องให้อาตมาหาเจ้าอาวาสใหม่ไปให้

อาตมาบอกว่า “ก็ตอนแรกพวกโยมบอกว่าอาตมาขี้โกง แล้วจะเอาเจ้าอาวาสจากอาตมาไปอีกทำไม ?” เขาบอกว่า “ไม่นึกว่าคนเราจะเปลี่ยนได้ขนาดนั้น” อาตมาก็เลยกางบัญชีให้ดู “นี่ ๑,๖๐๐ กว่าล้านพม่า ที่
อาตมาให้ไปสร้างวัด แล้วจะเอาทองคำ ๑๗ บาทของคุณมาทำอะไร ?”

เถรี 21-03-2019 19:43

พระอาจารย์กล่าวว่า “ไปพม่ามีอยู่เที่ยวหนึ่ง เข้าไปที่ตลาดโบชกอองซาน ที่เป็นแหล่งช็อปปิ้ง โดยเฉพาะบรรดาสินค้าหยก สินค้าพลอย ไปเจอพระพุทธรูปถูกตามาก ๆ หนึ่งองค์ เป็นเนื้อหยกสีม่วงอ่อน ใสปิ๊งทั้งองค์ ไม่มีตำหนิเลย ถามเขาว่า “ราคาเท่าไร ?” “๔๐,๐๐๐ ดอลลาร์” ก็เลยบอกว่า “ขออภัย..ตอนนี้สร้างวัดอยู่ ยังไม่มีอารมณ์จะซื้อ..!”

แต่ว่าของพม่า เนื่องจากว่าเป็นรัฐบาลทหารแล้วเขาไม่ห้ามพวกงาช้าง หนังสัตว์ เขี้ยวสัตว์ หัวสัตว์ เขาสัตว์ สารพัด..เต็มตลาดไปหมด พวกหายาก ๆ อย่างของบ้านเรา อย่างเสือไฟ แมวลายหินอ่อนอะไรนี่ เขาถลกหนังวางขายเลย โดยเฉพาะเขากวาง หัววางอยู่ที่พื้น แต่เขาสูงเลยไหล่อาตมาอีก..! ตัวใหญ่ขนาดนั้น พวกนี้คนไทยเราเรียกว่า “กวางม้า” ก็คือ Sambar deer แล้วมีอีกอย่างคือกวางเล็ก บางคนเรียกว่า “กวางเขาเทียน” แต่ว่าทางด้านประเทศลาวเรียกว่า “กวางซี”


เถรี 21-03-2019 19:59

"เพราะฉะนั้น..ที่เราเห็นชื่อน้ำตกตาดกวางซีนั่นคือกวางชนิดนี้ จะเป็นกวางที่ตัวเล็กกว่า แล้วสีจะออกแดง ๆ หน่อย เป็นคนละสายพันธุ์กัน บ้านเรานี่เรียกเป็นกวางม้าเหมือนกันหมด ก็พอ ๆ กับที่บอกว่าช้างค่อมแล้วไม่เชื่อ จนกระทั่งเชือกสุดท้ายตายไปแล้วถึงได้รู้ว่าเป็นคนละสายพันธุ์กัน เพราะว่าช้างค่อมตัวใหญ่กว่าควายหน่อยเดียวเอง ก่อนหน้านี้รอบทะเลสาบสงขลามีตั้งเยอะ

ทางด้านบ้านจ่าตุ่มเคยเอางาช้างค่อมทำมีดให้อาตมาเล่มหนึ่ง ก็เรียบร้อย..โดนคนอมไปแล้ว..!"

เถรี 21-03-2019 20:01

"สัตว์ในบ้านเรา ชาวบ้านรู้มากกว่า อย่างกระทิงกับเมย จริง ๆ แล้วเป็นคนละพวกกัน แต่ว่าเรารู้จักแต่กระทิง กระทิงจะหน้าผากเหลือง ถุงเท้าออกเหลือง เมยจะหน้าผากขาว ถุงเท้าขาว แล้วพวกชาวบ้านทั่ว ๆ ไป เขารู้ว่าถ้าเป็นกระทิงคือพวกหน้าผากเหลืองนี่โหดมาก แต่ถ้าเมยจะค่อนข้างเชื่อง แล้วยืนยันว่าเมยเนื้ออร่อยกว่าเยอะ กระทิงเนื้อเหนียวกว่า อาตมาเองยังไม่ได้ลองดู..!

ก็พอ ๆ กับแรดกับกระซู่นั่นแหละ ความจริงในสายตาชาวบ้านชาวป่าไม่มีหรอก ของพวกเขามีแต่แรดอย่างเดียว กระซู่นั่นเป็นภาษากะเหรี่ยง เขาเรียกแรดว่ากระซู่ เรียกช้างว่ากระชอ คนไทยต้องมาแยกว่า พวกมีนอโผล่ขึ้นมา ๒ อันเรียกว่าแรด ส่วนนอเดียวเรียกว่ากระซู่"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:33


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว