กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=51)
-   -   เรื่องปริยัติและการภาวนา (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6613)

นักเดินทางสังสารวัฏ 14-05-2019 08:58

เรื่องปริยัติและการภาวนา
 
๑.ผมอ่านเรื่องกรรมในวิกิพีเดีย และเขาอธิบายว่าอโหสิกรรมคือ กรรมที่เลิกให้ผล ไม่มีผลอีก แปลว่าถ้ามีโจรไปขโมยของจากผู้ชายคนหนึ่งแล้วโจรก็สำนึกผิด และผู้ชายคนนั้นก็อโหสิ แปลว่าโจรคนนี้ก็ไม่ต้องเสวยผลแห่งกรรมที่จะทำให้ตกนรก และของหายไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตามหรือเปล่าครับ

๑.๑ และผมอ่านเรื่องในสมัยพุทธกาลที่มีนายพรานที่ถือหอกอยู่ได้เดินสวนกับพระ และนายพรานก็กะจะโยนหอกทิ้งเพื่อไม่ให้พระท่านกลัว แต่ดันไปโดนพระและพระท่านก็มรณะ ในข้อมูลที่ผมอ่านมา เขาบอกว่าเป็นเพราะอดีตชาติชาติ พระกับนายพรานเคยมีเวรมีกรรมกันมาก่อน เลยอยากถามว่าถ้าจะป้องกันไม่ให้เวรกรรมแบบนี้จะเกิดทำอย่างไรครับ และถ้าเราอโหสิกรรมให้เจ้ากรรมนายเวร โดยที่เจ้ากรรมนายเวรไม่ได้มาขอร้องอยากทราบว่าจะมีผลอะไรหรือเปล่าครับ

๒. อุปฆาตกรรม เขาอธิบายประมาณว่าเป็นกรรมตัดรอนและเป็นกรรมที่ร้ายแรงมาก และในพุทธกาลก็มีเด็กที่โดนอุปฆาตกรรมจะมาตัดชีวิตและจะตายในอีกไม่กี่วัน แต่พระพุทธเจ้าและพระสาวกท่านช่วยสวดมนตร์ ๗ วันแล้วเด็กก็รอด และบวชเป็นพระอรหันต์จนอายุ ๑๒๐ ปี ผมอยากทราบว่าที่พระท่านสวด อุปฆาตกรรมนั้นได้หมดไป หรือว่าแค่เลื่อนวาระครับ

๓. กรรมสามารถแยกได้ ๓ การกระทำ หนึ่งในนั้นคือ มโนกรรม ไม่ว่าจะคิดดีหรือคิดชั่วจัดว่าเป็นมโนกรรมหมด ผมอยากทราบว่า ถ้าเราแค่คิดแต่ไม่ได้ทำ ไม่ได้พูด จะได้รับผลกรรมของการคิด จะเรื่องดีหรือเรื่องเลวหรือเปล่าครับ ยกตัวอย่างผมอยากมีมโนกรรมที่ดี เลยคิดไว้ว่าจะสร้างพระพุทธรูปทำด้วยเพชรใหญ่เท่าภูเขา และจะสร้างวัด สร้างโรงเรียน อยากถามว่าผมจะได้รับอานิสงส์ของการคิดในด้านดีหรือเปล่าครับ หรือได้แค่จิตใจเป็นกุศลถ้าตายตอนนั้นก็ไปสู่สวรรค์

๔. อาสันนกรรม คือกรรมที่จะให้ผลในช่วงที่ใกล้จะตาย ผมอยากทราบว่าการกระทำแบบไหนถึงเป็นอาสันกกรรมครับ เท่าที่ผมทราบคือ การติดหนี้สงฆ์สามารถทำให้เราเห็นภาพไม่ดีตอนจะตายได้ และ การสร้างพระพุทธรูปจะทำให้เราเห็นภาพพระ หรือภาพที่สวย ๆ งาม ๆ ก่อนจะตายได้

๔.๑ ผมเข้าใจถูกหรือไหมครับว่า ถ้าเราทำกรรมจะด้านดีหรือชั่ววาระกรรมจะส่งผลช้าลง และวาระกรรมจะส่งผลเร็วแค่ไหนขึ้นอยู่กับเจตนาตั้งใจมากน้อยเพียงใด ใช่ไหมครับ

๕. ผมอ่านหนังสือและดูสารคดีต่างประเทศชื่อว่าTop secret เขาบอกว่า ถ้าอยากได้อะไรสักอย่าง ให้มโนภาพไว้ เช่นถ้าอยากรวยประสบความสำเร็จ ก็มโนภาพว่าเรามีเงินมีทอง และก็มีตัวอย่างว่ามีหลายคนทำแบบนี้และรวยตามที่สารคดีบอก และเขาก็ยกตัวอย่างว่ามี ผู้ชายที่เป็นนักวาดรูป เขาต้องการมีสาว ๆ เยอะ เขาเลยมโนภาพว่ามีตัวเองถูกล้อมรอบไปด้วยสาว ๆ และก็วาดภาพที่อยู่ในหัวออกมา และเขาก็มีสาวเยอะแต่ผมก็ยังไม่เชื่อเพราะอาจจะเป็นหน้าม้าก็ได้ และในสารคดีอธิบายว่ามันมีพลังงานจักรวาลสามารถตอบรับพลังด้านบวกของความคิดได้ และผมลองเอาไปเปรียบเทียบพระพุทธศานาที่บอกว่า ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จด้วยใจ ถ้าใจผ่องใสแล้ว จะพูดก็ตาม จะทำก็ตาม ความสุขย่อมติดตามไป เพราะเหตุนั้น เหมือนเงาตามตัวฉะนั้น แปลว่า ทฤษฎีของฝรั่งอันนี้ก็สามารถเป็นไปได้ใช่ไหมครับ เพราะสามารถสำเร็จด้วยใจได้ หรือว่ามีเรื่องบุญในอดีต มาเกี่ยวด้วยครับ

๖. เวลาผมฝึกดูลมหายใจเข้าออก และตอนจิตอยู่อุปจารสมาธิผมก็ได้ยินเสียงที่ไม่ใช่ภาษาคน แต่ผมไม่เห็นเจ้าของเสียงแต่แค่ได้ยินเฉย ๆ แปลว่าผมไม่มีทิพจักขุญาณหรือเปล่าครับ และการเข้าถึงอุปจารสมาธิแต่ละกรรมฐานสามารถเห็นผีเห็นเทวดา ได้หมดหรือเปล่าครับ

๗.ในด้านวิปัสสนา ผมอยากทราบว่า ๑ ในอายตนภายนอกคือธรรมารมณ์ และในวิกิพีเดียเขาอธิบายว่า "สิ่งที่ใจคิด ความคิด จินตนาการ สิ่งที่ใจเก็บมาคิด ที่เป็นอดีต ปัจจุบัน อนาคต แล้วหน่วงดึงมาเป็นอารมณ์ หรือสิ่งที่เกิดขึ้นในใจ สัมผัสด้วยใจ" ผมสงสัยว่าจิตสังขารกับธรรมารมณ์ คืออันเดียวหรือเปล่าครับ และ ธรรมารมณ์สามารถรับรู้ได้ด้วยใจ ผมเลยสงสัยว่าธรรมารมณ์ ไม่มีวิธีที่จะกันไม่ให้เกิดใช่ไหมครับ

๗.๑ บางครั้งผมมีความรู้สึกว่าอารมณ์ชั่ว และอารมณ์ที่จะทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน กำลังเข้ามาหาเรา ถ้าสติผมรู้เท่าทันก็สามารถต่อต้านไม่ให้เก็บความคิดพวกนี้มาคิด เพราะสติรู้ทันว่าถ้าเก็บมาคิดจะทำให้ฟุ้งซ่าน พอฟุ้งซ่านแล้วจิตใจจะไม่สงบ พอไม่สงบแล้วก็จะคิดไปอีกยาวไม่มีจุดจบ บางครั้งผมก็รู้ตัวช้า ก็หยุดคิดแล้วทำอานาปานสติควบกับมรณสติ ผมอยากทราบว่าอาการที่ผมเล่ามา จะมีวิธีแก้แบบถาวรแบบไม่ต้องเจออารมณ์พวกนี้อีกไหมครับ

๗.๒ พระพุทธเจ้าท่านกล่าวว่า ไฟ คือ ราคะ โทสะ และ โมหะ ตอนนั้นผมคิดว่าพระองค์ท่านอุปมาเปรียบเทียบเฉย ๆ แต่หลังจากผมทำสมาธิและได้ทรงฌาน ๑ ครั้งแรกมันสุขมาก และจิตใจมันเบามาก มันไม่หนักอะไรเลยครับ ตอนนั้นเลยเข้าใจว่า พระพุทธองค์ท่านไม่ได้เปรียบเทียบแต่พูดจริง ๆ คำถามคือ พระอรหันต์ท่านตัดกิเลส ดับไฟกิเลสหมดแล้วเวลาท่านไม่เข้าฌานสมาบัติ ท่านรู้สึกสุขมากกว่าการเข้าฌานหรือเปล่าครับ และพระอรหันต์ท่านเข้าฌานเป็นปกติหรือเปล่าครับ

๗.๓ ผมอ่านมาว่าพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ ท่านชอบเข้านิโรธสมาบัติเป็นปกติเพื่อเสวยสุขเพื่อสงเคราะห์ญาติโยม ผมอยากถามว่านิโรธสมาบัติกับฌานในสมาบัติ ๘ ในแง่ของความสุขอันไหนสุขกว่ากันหรือครับ หรือสุขเท่ากันครับ

๘. หนึ่งในสัปปายะ ๗ คือ การที่ได้กินอาหารที่เหมาะสม ผมอยากทราบว่าพอจะมีอาหารอะไรที่กินแล้ว ช่วยส่งผลให้ปฎิบัติก้าวหน้าไหมครับ

เถรี 28-06-2019 21:09

ถาม : ผมอ่านเรื่องในสมัยพุทธกาลที่มีนายพรานถือหอกอยู่เดินสวนกับพระ นายพรานกะจะโยนหอกทิ้งเพื่อไม่ให้พระท่านกลัว แต่ดันไปโดนพระและพระท่านมรณภาพ เขาบอกว่าเป็นเพราะในอดีตชาติ พระกับนายพรานเคยมีเวรมีกรรมกันมาก่อน อยากทราบว่า ถ้าจะป้องกันไม่ให้เวรกรรมแบบนี้เกิดต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องเกิด รีบไปพระนิพพาน ถ้าเกิดเมื่อไรก็โดนเมื่อนั้นแหละ พระรูปนั้นเป็นพระอรหันต์ด้วย ต่างคนต่างเดินป่ามา มองเห็นกันตรงทางโค้ง สมัยก่อนเขาเชื่อว่านักบวชหัวโล้นคือตัวกาลกิณี พระท่านก็เกรงใจว่า ถ้านายพรานเจอตัวกาลกิณีจะหากินไม่ได้ ถ้ามากล่าวโทษท่านเขาก็จะเป็นบาป ท่านก็เลยหลบไปซ่อนในพุ่มไม้ ส่วนนายพรานเดินไปแถว ๆ นั้นก็คิดว่า เมื่อครู่นี้เราเห็นสมณะ ถ้าถืออาวุธไปท่านก็อาจจะรู้สึกไม่ดี เพราะว่าท่านเป็นผู้มีบาปอันลอยแล้ว ก็เลยเอาหอกพุ่งเข้าไปในพุ่มไม้เพื่อที่จะซ่อนเอาไว้ รอให้พระเดินผ่านไป แล้วค่อยเก็บขึ้นมาใหม่ ปรากฏว่าพระท่านหลบอยู่ในพุ่มไม้นั่นพอดี เรียกว่าเวรกรรมจัดสรร..! โดนอนันตริยกรรมไปตามระเบียบ

เถรี 28-06-2019 21:10

ถาม : ถ้าเราอโหสิกรรมให้เจ้ากรรมนายเวร โดยที่เจ้ากรรมนายเวรไม่ได้มาขอร้อง อยากทราบว่าจะมีผลอะไรหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่มีผลอะไรเลย เพราะว่าการอโหสิกรรมก็คือ การโจทย์และจำเลยทั้งสองฝ่ายต้องมาอยู่ต่อหน้ากัน เอ่ยปากอโหสิกรรมต่อกัน ต่างฝ่ายต่างยกโทษให้กันจึงจะมีผล คุณไปเอ่ยอยู่ฝ่ายเดียว ก็เหมือนกับฝ่ายเราตัดโซ่ตรวนออก แต่อีกฝ่ายไม่ยอมเลิก ก็ตามจองเวรไปเรื่อยนั่นแหละ

เถรี 28-06-2019 21:10

ถาม : อุปฆาตกรรมเป็นกรรมตัดรอนและเป็นกรรมที่ร้ายแรงมาก ในสมัยพุทธกาลก็มีเด็กที่โดนอุปฆาตกรรมจะมาตัดชีวิต และจะตายในอีกไม่กี่วัน แต่พระพุทธเจ้าและพระสาวกท่านมาสวดมนต์ ๗ วันแล้วเด็กก็รอด และบวชเป็นพระอรหันต์จนอายุ ๑๒๐ ปี ผมอยากทราบว่าที่พระท่านสวด อุปฆาตกรรมนั้นได้หมดไป หรือว่าแค่เลื่อนวาระครับ ?
ตอบ : อุปฆาตกรรม...ถ้าถึงวาระก็จะสนอง ถ้าพ้นวาระไปแล้วก็พ้นไป คราวนี้ตอนช่วงนั้นพระท่านอยู่ ก็เลยทำให้วาระกรรมช่วงนั้นไม่สามารถที่จะสนองท่านได้ เมื่อเวลาเลยไปแล้วก็จบกัน

เถรี 28-06-2019 21:10

ถาม : การคิดดีหรือคิดชั่ว จัดเป็นมโนกรรมทั้งหมด อยากทราบว่า ถ้าเราแค่คิดแต่ไม่ได้ทำ ไม่ได้พูด จะได้รับผลกรรมของการคิดหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ได้ทันที เพราะว่าจิตเศร้าหมอง ถ้าตายตอนนั้นมีสิทธิ์ไปอบายภูมิ

ถาม : แล้วถ้าผมคิดว่าจะสร้างพระพุทธรูปทำด้วยเพชรใหญ่เท่าภูเขา และจะสร้างวัด สร้างโรงเรียน อยากทราบว่าผมจะได้รับอานิสงส์ของการคิดในด้านดีหรือเปล่าครับ หรือได้แค่จิตใจเป็นกุศล ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจคิดจะเอากุศลถือว่าคิดชั่ว..! เพราะว่าเป็นโลภเจตนา อยากได้กุศลแล้วก็คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยโดยไม่ได้ทำ สิ่งที่คิดเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คุณต้องเข้าใจด้วยว่าสิ่งที่คิดต้องเป็นไปได้ด้วย จึงจะเป็นกุศล

กำลังฟุ้งอยู่ตอนนั้น อาจจะได้ยินเสียงถามว่า “เจ้าเป็นอะไรตาย ?” แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นยังมีโอกาสรอดอบายภูมิสูงมาก เพราะว่าพระยายมท่านสอบถามละเอียดจริง ๆ อย่างน้อยเราน่าจะคิดออกว่าทำความดีอะไรมาบ้าง

เถรี 28-06-2019 21:10

ถาม : อาสันนกรรม คือกรรมที่จะให้ผลในช่วงที่ใกล้จะตาย อยากทราบว่า การกระทำแบบไหนถึงเป็นอาสันนกรรมครับ ?
ตอบ : ทุกประเภทของกรรมที่วาระนั้นมาถึงพอดี จัดเป็นอาสันนกรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะกรรมดีหรือกรรมชั่ว วิธีที่จะพ้นจากอาสันนกรรมได้ก็คือต้องทรงจิตชนิดที่มีความคล่องตัวสูงมาก พูดง่าย ๆ ก็คือสามารถทรงสมาธิได้ทุกเวลาที่ต้องการ โอกาสที่จะพ้นถึงจะมีได้ แต่บางคนทรงสมาธิจิตอยู่ กำลังต่ำไปนิดเดียวก็ยังโดนกรรมแกล้งจนหลุด แล้วก็โดนอาสันนกรรมครอบงำได้ เพราะฉะนั้น..โปรดระวังให้ดี ใครที่คิดว่าตนเองดีแล้ว โอกาสรอดยังน้อยมาก

เถรี 28-06-2019 21:10

ถาม : ถ้าเราทำกรรมไม่ว่าจะด้านดีหรือชั่ว วาระกรรมจะส่งผลเร็วแค่ไหน ขึ้นอยู่กับเจตนาว่าตั้งใจมากน้อยเพียงใด ผมเข้าใจถูกไหมครับ ?

ตอบ : เป็นแค่ส่วนเดียว สำคัญว่ากรรมที่คุณทำเป็นกรรมหนักหรือกรรมเบา ถ้าเป็นกรรมหนักที่เขาเรียกว่า ครุกรรม ก็ให้ผลเร็ว ถ้าเป็นกรรมเบาที่เรียก พหุลกรรม ก็ให้ผลช้า เพราะว่ากรรมมีอยู่ทั้งหมด ๔ หมวด ๑๒ ประเภท ถ้าต้องการจะศึกษาไปดูในกรรมทีปนีของหลวงพ่อวิลาศ ญาณวโร วัดยานนาวาก็ได้ รู้สึกสมณศักดิ์สุดท้ายของท่านคือพระพรหมโมลี

เถรี 28-06-2019 21:10

ถาม : ผมอ่านหนังสือและดูสารคดีต่างประเทศชื่อว่า Top secret เขาบอกว่า ถ้าอยากได้อะไรสักอย่าง ให้มโนภาพไว้ เช่น ถ้าอยากรวย ก็มโนภาพว่าเรามีเงินมีทอง แล้วก็มีตัวอย่างว่ามีหลายคนทำแบบนี้และรวยตามที่สารคดีบอก แต่ผมยังไม่เชื่อเพราะอาจเป็นหน้าม้าก็ได้ ในสารคดีอธิบายว่า มีพลังงานจักรวาลสามารถตอบรับพลังด้านบวกของความคิดได้ ผมลองเอาไปเปรียบเทียบกับพระพุทธศาสนาที่บอกว่า ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จด้วยใจ ถ้าใจผ่องใสแล้ว จะพูดก็ตาม จะทำก็ตาม ความสุขย่อมติดตามไป เหมือนเงาตามตัว ฉะนั้น ทฤษฎีของฝรั่งนี้เป็นไปได้ใช่ไหมครับ หรือว่ามีเรื่องของบุญเก่ามาเกี่ยวด้วยครับ ?

ตอบ : มีเรื่องของบุญเก่ามาเกี่ยวด้วย ถ้าคุณคิดอยู่อย่างเดียว โดยไม่มีส่วนประกอบของปุพเพกตปุญญตา คือบุญเดิมที่เคยสร้างไว้ คิดให้ตายก็ไม่สำเร็จ ตามที่คุณบอกมาว่า มีบางคนที่คิดแล้วประสบความสำเร็จ ถ้าทฤษฎีนี้เป็นจริง “ต้องทุกคนคิดแล้วประสบความสำเร็จ” ก็แปลว่าทุกคนที่คิดแล้วประสบความสำเร็จ เพราะว่ามีทานบารมีเก่ารองรับอยู่ ถึงวาระแล้วทานนั้นให้ผล เพราะว่ากำลังใจของเรามุ่งมั่น แต่ถ้าไม่มีส่วนของทานบารมีอยู่ ก็จะไปให้ผลในด้านอื่นแทน

เถรี 28-06-2019 21:11

ถาม : ผมฝึกดูลมหายใจเข้าออก ตอนจิตอยู่อุปจารสมาธิก็ได้ยินเสียงที่ไม่ใช่ภาษาคน แต่ผมไม่เห็นเจ้าของเสียง แค่ได้ยินเฉย ๆ แปลว่าผมไม่มีทิพจักขุญาณหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เป็นทิพโสตญาณแทน

เถรี 28-06-2019 21:12

ถาม : การเข้าถึงอุปจารสมาธิของแต่ละกรรมฐาน สามารถเห็นผีเห็นเทวดา ได้ทั้งหมดหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ได้เฉพาะในส่วนของกสิณบางกอง เช่น เตโชกสิณ คือ กสิณไฟ โอทาตกสิณ คือ กสิณสีขาว อาโลกกสิณ คือ กสิณแสงสว่าง หรือถ้าบุคคลนั้นเคยมีพื้นฐานทิพจักขุญาณมาจากด้านอื่น ๆ ถ้าอารมณ์ใจทรงตัว ก็จะสามารถรู้เห็นได้

เถรี 28-06-2019 21:12

ถาม : บางครั้งผมมีความรู้สึกว่าอารมณ์ชั่ว และอารมณ์ที่ทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน กำลังเข้ามาหาเรา ถ้าสติผมรู้เท่าทัน ก็สามารถต่อต้านไม่ให้เก็บมาคิด เพราะรู้ว่าจะทำให้ฟุ้งซ่าน พอฟุ้งซ่านแล้วจิตใจไม่สงบ พอไม่สงบก็จะคิดไปไม่มีจุดจบ บางครั้งผมรู้ตัวช้า ก็หยุดคิดแล้วทำอานาปานสติควบกับมรณานุสติ อยากทราบว่าอาการที่ผมเล่ามา มีวิธีแก้ถาวรแบบไม่ต้องเจออารมณ์พวกนี้อีกไหมครับ ?
ตอบ : พยายามปฏิบัติให้ถึงสังขารุเปกขาญาณ ถ้าปฏิบัติถึงตรงจุดนั้น สติ สมาธิ ปัญญาที่ทรงตัว โดยเฉพาะตัวปัญญา รู้ว่าสิ่งใดคิดแล้วจะเกิดโทษ สิ่งใดคิดแล้วจะเกิดประโยชน์ ก็จะเลือกรับแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ วางในส่วนที่เป็นโทษ หรือถ้าอยากอยู่ในสุขวิหาร ก็ปล่อยวางทั้งในสิ่งที่เป็นประโยชน์และสิ่งที่เป็นโทษเลย โดยไม่ปรุงแต่งใด ๆ ก็แปลว่าต้องเป็นพระอริยเจ้าระดับสูงทีเดียว

เถรี 28-06-2019 21:12

ถาม : พระพุทธเจ้าท่านกล่าวว่า ไฟคือราคะ โทสะ และโมหะ ตอนนั้นผมคิดว่าพระองค์ท่านอุปมาเปรียบเทียบเฉย ๆ แต่หลังจากทำสมาธิและได้ทรงฌาน ๑ ครั้งแรกมันสุขมาก จิตใจเบามาก ตอนนั้นเลยเข้าใจว่า พระพุทธองค์ไม่ได้เปรียบเทียบแต่พูดจริง ๆ คำถามคือ พระอรหันต์ท่านตัดกิเลส ดับไฟกิเลสหมดแล้ว เวลาท่านไม่เข้าฌานสมาบัติ ท่านรู้สึกสุขมากกว่าการเข้าฌานหรือเปล่า หรือว่าท่านเข้าฌานเป็นปกติครับ ?
ตอบ : พระอรหันต์ต่อให้ไม่เข้าฌาน สภาพจิตก็เว้นจากการปรุงแต่งแล้ว ไฟรัก โลภ โกรธ หลง ดับหมดแล้ว แต่ด้วยความที่ท่านทรงความไม่ประมาทเป็นปกติ ก็ยังคงใช้อานาปานสติคือประกอบด้วยฌานเป็นปกติ พูดง่าย ๆ ก็คือ กำลังของฌานสามารถกดกิเลสเบื้องต้นได้อย่างแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนั้นท่านก็เลยไม่ยอมเว้นจากฌาน เพราะว่าไม่ประมาท ถ้าถามว่าพระอรหันต์สุกขวิปัสสโกทรงฌานได้หรือ ? ขอยืนยันว่าพระอริยเจ้าทุกระดับทุกรูปแบบต้องทรงฌานได้ ไม่อย่างนั้นแล้วกำลังจะไม่พอในการตัดกิเลส แต่เป็นการทรงฌานที่บางทีท่านก็ไม่รู้ตัว

เถรี 28-06-2019 21:12

ถาม : พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณท่านชอบเข้านิโรธสมาบัติเป็นปกติ เพื่อเสวยสุข เพื่อสงเคราะห์ญาติโยม อยากทราบว่า นิโรธสมาบัติกับฌานในสมาบัติ ๘ ในแง่ของความสุข อันไหนสุขกว่ากันครับ ?
ตอบ : นิโรธสมาบัติหยุดจากการปรุงแต่งทั้งปวง เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สัญญาเวยิตนิโรธ ก็แปลว่าปล่อยวางโดยสิ้นเชิง ส่วนในเรื่องของอรูปฌาน แม้จะเป็นในสัญญาเนวสัญญายตนฌานก็ตาม ต้องใช้กำลังของฌานกดกิเลสเอาไว้ จึงจะเข้าถึงความสุข จัดเป็นวิกขัมภนวิมุติ คือการหลุดพ้นโดยใช้กำลังฌานข่มเอาไว้ ดังนั้น...ในส่วนนี้ต่างกันมหาศาล คนหนึ่งต้องนั่งทับเอาไว้ อีกคนไม่ต้องทำอะไรแล้ว สบายกว่ากันเยอะเลย

เถรี 28-06-2019 21:13

ถาม : ๑ ในสัปปายะ ๗ คือ การได้กินอาหารที่เหมาะสม อยากทราบว่า พอจะมีอาหารอะไรที่กินแล้วช่วยส่งผลให้การปฏิบัติก้าวหน้าไหมครับ ?
ตอบ : พระกระโดดกำแพง..! อาหารทุกอย่างต้องดูว่าเหมาะกับธาตุขันธ์ของตนเองหรือไม่ อาตมาอยู่ภาคอีสานไม่ได้ เพราะว่าแพ้ข้าวเหนียว ฉันเข้าไปแล้วร้อนในปากพองเลย ฉะนั้น...อาหารแต่ละอย่างขึ้นอยู่กับธาตุขันธ์ของตน ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคนไป ในส่วนที่พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ โภชเนมัตตัญญุตาจึงสำคัญที่สุด ต้องรู้ประมาณในการกิน กินล้นกินเกินเมื่อไร ต่อให้อาหารเหมาะกับธาตุขันธ์เพียงใดก็เกิดโทษได้


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:46


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว