เก็บตกงานเป่ายันต์ วันเสาร์ที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๐
พระอาจารย์กล่าวกับลูกศิษย์ชายที่แจกวัตถุมงคลให้กับผู้หญิงว่า "ถ้าไม่จำเป็นสุดขีดอย่าไปแตะต้องตัวเขา บางคนถือศีล ๘ แตะถูกหน่อยหนึ่งเขาจะรู้สึกหมองไปหลายวัน"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "วัตถุมงคลที่แจกในครั้งนี้ เข้าพิธีมาหลายครั้งแล้ว โดยเฉพาะพิธีเสาร์ ๕ เดือน ๕ ที่ผ่านมา"
|
ครูบาหน่อแก้วฟ้าถวายประคำแด่หลวงพ่อ "เขาเรียกว่าไม้ดำดง ถ้าไม้งิ้วดำเนื้อจะเบา ถ้าหากว่าเนื้อหนักแบบนี้ แต่มีลายสีน้ำตาลอ่อนแทรกมา ก็เป็นไม้มะเกลือ"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้เวลา ๗ โมงเช้า เหลืออีก ๓๐ นาทีจะเริ่มการบวงสรวงไหว้ครูและพุทธาภิเษก ญาติโยมทั้งหลายที่ศึกษาวิชาการมา ไม่ว่าจะเป็นสายไหนก็ตาม ถ้าหากว่าตั้งใจไหว้ครูรวมกันในวันนี้ก็ได้
เนื่องเพราะว่าการไหว้ครูของสายนี้นั้น เราไหว้ตั้งแต่ครูใหญ่ คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลงมา ถึงพระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระพรหมและเทวดาทั้งหมด บรรดาครูฤๅษีทั้ง ๑๐๘ ส่วนใหญ่แล้วเป็นพรหม ท่านครูนาฏศิลป์หรือครูแห่งศิลปวิทยาการ คือ ท่านพระพิฆเณศวร์เป็นเทวดา ท่านไภรวะหรือพระพิราพเป็นเทวดา ดังนั้น...ให้ตั้งใจไหว้ครูรวมกับทางวัดทั้งหมดได้เลย" |
พระอาจารย์เตือนลูกศิษย์ที่แจกวัตถุมงคลพลาด "สรุปว่านั่งเหม่อใช่ไหม ? อะไรที่เป็นงานของเรา ก็เอาใจจดจ่ออยู่ตรงหน้า ไม่ใช่ไปนั่งเหม่อ"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "ยุคสมัยนี้เป็นยุคสมัยของความยากลำบาก เหมือนกับที่โบราณว่า ก่อนที่ฟ้าจะสว่างก็ต้องมืดสนิทเสียก่อน
ประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา ยุคที่ยากลำบากที่สุดยุคหนึ่งก็คือยุครัชกาลที่ ๕ พระองค์ท่านสามารถนำสยามรัฐนาวาฝ่าคลื่นลมการล่าเมืองขึ้น ฝ่าสถานการณ์เศรษฐกิจมาได้ พวกเราระยะนี้จึงต้องอาศัยบารมีระดับนั้นของพระองค์ท่าน ในการฝ่าสถานการณ์" |
พระอาจารย์ให้พรต่อท่านที่มาทำโรงทาน "ขออนุโมทนาต่อท่านเจ้าของโรงทานทุกร้าน ที่มาตั้งโรงทานเลี้ยงอาหารฟรี บุญกุศลนี้ขอให้ท่านทั้งหลายมีความเป็นอยู่คล่องตัว มีความปรารถนาที่สมหวังทุกอย่าง ขอให้ร่ำรวยมาก ๆ โดยถ้วนหน้ากัน"
|
มีรถเข้ามาขายของในวัด "เจ้าหน้าที่ด้านนอก ถ้าหากว่ามีใครมาเปิดร้านขายของ แจ้งเขาว่าวันนี้ฟรีทุกอย่าง วัดเราเต็มใจให้เปิดร้านถ้าแจกฟรี เนื่องจากว่าโรงทานทุกโรงของเราเลี้ยงฟรีอยู่แล้ว ถ้าเต็มใจจะเลี้ยงฟรีเหมือนกับโรงทานก็เข้ามาได้เลย...! "
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "บายศรีที่ญาติโยมกำลังเซลฟี่อยู่ ได้รับความเมตตาจากคณะของพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม เปรียญธรรม ๖ ประโยค วัดปากน้ำภาษีเจริญ นำคณะพระภิกษุและญาติโยมมาร่วมกันจัดถวายให้กับทางวัดท่าขนุนทุกครั้ง ซึ่งบายศรีบวงสรวงชุดใหญ่คราวนี้ ราคาหลายหมื่นบาท แต่ได้ความศรัทธาของท่านกับคณะที่มาจัดให้กับทางวัด โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "รูปท้าวมหาราชทั้ง ๔ ที่แจกไปนั้นมียันต์เกราะเพชรอยู่ทั้ง ๒ ด้าน ส่วนใหญ่แล้วโยมไม่ได้สังเกตว่าให้อะไรไป ถามหายันต์แต่ไม่ได้มองที่รูปกันเลย"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมขยับขึ้นหน้ามาเลยจ้ะ เห็นตรงหน้ามีที่ว่างก็เข้ามาหน่อย เพราะว่าด้านนอกแดดร้อนมาก หลายท่านจะนั่งรับยันต์ด้านนอกก็คงไม่ไหว
สรุปว่าศาลาพอ แต่ใจคนคับแคบก็เลยไม่พอ แทนที่จะแบ่งปันกัน ก็ทำตัวเป็นคนใจแคบนั่งอยู่กับที่ แสดงออกซึ่งความเห็นแก่ตัวอย่างชัดเจน ประเภทนี้ถ้าอาตมาเป็นฆราวาสจะไม่คบด้วย เพราะว่าเอาสบายคนเดียว โดยไม่ได้คำนึงถึงคนอื่นที่ตากแดดร้อนอยู่ข้างนอก การมาวัดส่วนหนึ่งก็คือ วัดกำลังใจของเราว่ามี รัก โลภ โกรธ หลง เท่าไร เมื่อรู้ตัวแล้วก็รีบแก้ไข ไม่ใช่รู้แล้วก็ยังปล่อยให้กิเลสจูงจมูกอยู่ได้ กูจะต้องเอาสบายคนเดียว ถ้าอย่างนั้นก็จะต้องเกิดมาทุกข์อีกหลายชาติ" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ที่ญาติโยมเห็นอยู่ด้านหลังอาตมานี้ คือ มณฑปสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำ นาก และเงิน ทางวัดเพิ่งจะหล่อหลวงพ่อเงินด้วยเนื้อเงิน ๑๕๐ กิโลกรัม เสร็จไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าจะหล่อหลวงพ่อนาก ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายมือของอาตมา พอเดือนกุมภาพันธ์ปี ๖๒ จะหล่อหลวงพ่อทองคำ
หลวงพ่อนากที่จะหล่อปีหน้านี้หนัก ๑๖๐ กิโลกรัม ส่วนหลวงพ่อทองคำหนัก ๑๔๐ กิโลกรัม อาตมาสร้างขึ้นด้วยแนวคิดที่ว่า จังหวัดกาญจนบุรีเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญมาก แต่ไม่มีพระพุทธรูปสำคัญเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศเลยแม้แต่องค์เดียว ขนาดหลวงพ่อดำ วัดตะคร้ำเอนว่าดังมาก ๆ ก็ยังคงเป็นที่รู้จักกันในท้องถิ่นเป็นส่วนใหญ่ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราจะไปรอให้ฟ้าประทานมาก็ไม่ได้ ท่านบอกว่า ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน ในเมื่อไม่มีเราก็สร้างขึ้นมาเอง เพราะฉะนั้น...อีกไม่เกิน ๒ ปี โยมจะได้เห็นพระพุทธรูปทองคำ นาก และ เงิน ปรากฏขึ้นที่วัดท่าขนุนแห่งนี้" |
"มณฑปที่ด้านหลัง สร้างโดยช่างฝีมือซึ่งได้ซ่อมพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ มา เขาคิดแค่ตัวมณฑปข้างหลังนี้ ๑๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท
ตอนนี้ช่างชุดนี้โดนเกณฑ์ไปทำพระเมรุมาศถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทั้งหมด ไม่สามารถจะดำเนินงานส่วนบน ก็คือชั้นบนของศาลาหลังนี้ ซึ่งจะทำเป็นพิพิธภัณฑ์ ออกแบบและประเมินราคามาเรียบร้อยแล้ว ๔๓,๒๐๐,๐๐๐ บาท แต่ได้แค่ค่าออกแบบเท่านั้น เพราะว่าจนป่านนี้ก็ยังไม่ได้ลงมือ เนื่องจากว่าโดนเกณฑ์ไปทำพระเมรุมาศกันหมด" |
"ส่วนองค์พระประธานในศาลานี้ นั่นคือสมเด็จองค์ปฐม หล่อโลหะทั้งองค์และฐาน ปกติพระใหญ่ขนาดนี้ เขาหล่อโลหะเฉพาะองค์พระเท่านั้น แต่ว่าองค์นี้เจ้าภาพหล่อฐานให้ด้วย เฉพาะฐานอย่างเดียว น้ำหนัก ๓ ตันเศษ กว่าจะเอาขึ้นแท่นได้ พระต้องแบกกันหน้ามืด..!
เจ้าภาพใหญ่ก็คือ พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม วัดปากน้ำภาษีเจริญ บอกบุญญาติโยมทั้งหลาย ร่วมกันสร้างขึ้นมา ทั้งปิดทองและประดับเพชร รวมราคาทั้งสิ้น ๙ ล้านบาท" |
"ส่วนฝ้าเพดานนั่นอาตมาทำเอง ขออภัยสั่งช่างทำ...ไม่ได้ลงมือทำเอง ๒ ช่อง ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท ช่องตรงหัวอาตมากับช่องตรงพระประธาน ช่องละ ๑,๒๕๐,๐๐๐ บาท
เป็นการประยุกต์เอาลายไทยกับศิลปะเรเนสซองส์ของฝรั่งเข้าด้วยกัน ก็ฝีมือช่างชุดที่โดนเกณฑ์ไปทำพระเมรุมาศนั่นแหละ" |
"ส่วนโยมที่เดินอยู่ข้างนอกจะเห็นว่า ปกติเวลาเดินผ่านด้านโบสถ์แล้วไม่เห็นพระเจดีย์ เลยทั้ง ๆ ที่พระเจดีย์หลังมหึมา อาตมาขัดใจที่โยมมองไม่เห็น ก็เลยหุ้มทองไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้อยู่ห่าง ๓ กิโลเมตรก็มองเห็น เด่นสง่ามาแต่ไกล
ปีหน้าจะมีสถานที่เที่ยวเพิ่มอีกแห่งหนึ่ง ก็คือรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน อยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัด ในเขตของเทศบาลตำบลท่าขนุน อาตมากำลังทำทางขึ้นรอยพระพุทธบาทให้ ในราคา ๑๒,๘๐๐,๐๐๐ บาท ต่อไปไม่ต้องตะเกียกตะกายปีนเขาเหมือนกับยุคที่อาตมาขึ้นไป เราสามารถเดินขึ้นบันไดสบาย ๆ ถ้าไม่ไหวตรงไหนก็นั่งพักชมวิวไปก่อน" |
"งานใหญ่ที่เหลืออยู่ของวัดก็แค่การบูรณปฏิสังขรณ์ของเก่า หล่อหลวงพ่อทองคำให้เสร็จ ทำพิพิธภัณฑ์ให้เสร็จ อาตมาก็คิดว่าควรแก่การพักผ่อนเสียที เพราะว่าร่ำร้องหาเวลาพักมานาน แต่ไม่เคยได้พักสักที
สมัยที่ยังรับราชการทหารอยู่ ครูฝึกบอกว่า "เวลานอนของเอ็งยังมีอีกเยอะ ตอนอยู่ในโลงศพ ไม่ต้องรีบนอนหรอก" ฟังดูแล้วน่าปลื้มใจมาก ถ้าญาติโยมท่านใดบอกว่าตกงาน ห้ามมาพูดตรงหน้าอาตมา เพราะว่าอาตมาเกิดมายังไม่เคยตกงานเลย มีแต่งานมากขึ้นจนทำไม่ไหว" |
"ล่าสุดก็เพิ่งเป็นคณะกรรมการอยู่ ๓ คณะ คือ คณะกรรมการปฏิรูปพระพุทธศาสนา ของจังหวัดกาญจนบุรี ๒ คณะ คือ ปฏิรูปการศึกษากับปฏิรูปการเผยแผ่พระพุทธศาสนา แล้วก็เพิ่งจะเป็นคณะกรรมการในการจัดงานมหกรรมส่งเสริมศีลธรรมโครงการหมู่บ้านศีล ๕ ระยะที่ ๓
ตำแหน่งพวกนี้อยู่ ๆ ก็จะลอยมาเองโดยอัตโนมัติ ลอยมาพร้อมกับงานและควักกระเป๋าเงินของอาตมาไปด้วย จริง ๆ แล้วโยมน่าจะปลื้มใจว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่โยมทำบุญมา ทางวัดท่าขนุนได้ใช้ประโยชน์ไปในส่วนของการปกครองคณะสงฆ์ การศึกษาของสงฆ์ การเผยแผ่พระพุทธศาสนา การสาธารณูปการ คือก่อสร้างบูรณปฏิสังขรณ์ การศึกษาสงเคราะห์ คือให้ทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียน ปีหนึ่งหลายล้านบาท และการสาธารณสงเคราะห์ที่ช่วยเหลือคนทั่วไป เช่น การช่วยน้ำท่วมอีสานที่ผ่านมา เป็นต้น ล่าสุดที่ผ่านมาคือสร้างห้องสมุดประชาชนให้ทางโรงเรียนบ้านจันเดย์ ตอนนี้กำลังทำห้องน้ำห้องส้วมให้กับทางโรงเรียนวัดป่าถ้ำภูเตย มีอีกหลายวัดและหลายโรงเรียนกำลังเข้าคิวต่อท้าย รอการช่วยเหลืออยู่" |
"สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ทุกคนสามารถทำได้ พระ เณรทุกรูปทำได้ แต่ต้องประกอบไปด้วยความเสียสละจริง ๆ ไม่เช่นนั้นท่านได้เงินมาแล้วเก็บเงียบ สตางค์เก่าไม่ไป ของใหม่ก็ไม่มา
อาตมาเองบางวันเหลือเงินอยู่ในย่าม ๔๒ บาท ไม่ใช่หวยนะ...! ขอยืนยันที่เขาบอกว่ารวยเพราะว่าอาตมาใช้เงินไม่คิด ปัจจุบันนี้แค่การศึกษาของพระภิกษุสามเณร ตลอดจนเด็กวัด ค่าใช้จ่ายเดือนหนึ่งประมาณ ๒ แสนบาท วัดอื่นถ้าค่าใช้จ่ายทั้งเดือน ๒ แสนบาทก็สลบแล้ว วัดท่าขนุนเฉพาะทุนการศึกษาพระ เณรและเด็กวัดอย่างเดียว ๒ แสนบาท ถ้าเดือนไหนค่าเทอมออกก็ประมาณหนึ่งล้านบาท..! ที่วัดนี้ส่งพระ เณร แม่ชี และเด็กวัด เรียนทุกระดับ ตั้งแต่ประกาศนียบัตร ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ที่วัดนี้มีทั้งพระและแม่ชีที่อาตมาส่งจบปริญญาเอกมาแล้ว และที่กำลังเรียนอยู่ เด็กวัดก็กำลังจะจบปริญญาโท ถ้าใครคิดจะเรียนต่อแล้วไม่มีทุน มาสมัครเป็นเด็กวัดท่าขนุนได้ แต่งานหนักมาก" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "หลังงานถวายพระเพลิงในหลวงรัชกาลที่ ๙ จะมีการเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองของเรา รอดูไปก็แล้วกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น"
|
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:59 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.