กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=39)
-   -   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๗ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3999)

เถรี 18-02-2014 18:55

เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๗
 
ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตัวเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดไว้ที่ลมหายใจของเรา หายใจเข้าออกยาว ๆ สัก ๒ - ๓ ครั้ง เพื่อไล่ลมหยาบออกให้หมดก่อน หลังจากนั้นก็ปล่อยลมหายใจให้เป็นไปตามปกติ หายใจเข้า..เอาความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..เอาความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ตามที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๓๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ ตรงกับวันตรุษจีน ก็คือวันนี้ตรงกับวันขึ้น ๑ ค่ำเดือนอ้ายของจีน แต่ว่าเป็นวันขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๓ ของไทย คือเดือนของจีนจะเดินช้ากว่าเดือนไทยอยู่ ๒ เดือน แต่ขณะเดียวกัน เรื่องของขึ้นแรมคนจีนนับ ๑ ค่ำ ถึง ๓๐ หรือ ๒๙ ส่วนคนไทยของเรามีขึ้น ๑๕ ค่ำ มีแรม ๑๔ หรือ ๑๕ ค่ำ แต่ว่าท้ายสุดก็จะต้องไปปัดเศษกลายเป็นเดือนเกิน ซึ่งของไทยจะมีเดือน ๘ อยู่ ๒ หน แต่ของจีนจะมีเดือน ๓ อยู่ ๒ หน ก็ถือว่าเป็นหลักเกณฑ์ในการคิดคำนวณทางจันทรคติที่คล้ายคลึงกัน

ในวันตรุษจีนโดยการนิยมแล้วจะไม่พูดคำหยาบ จะไม่พูดในสิ่งที่ไม่เป็นมงคล จะสวมใส่เสื้อผ้าสีแดงเพื่อความเป็นมงคล เป็นต้น ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้ว ถ้าปีหนึ่งทำครั้งเดียวประโยชน์ก็จะน้อยเกินไป ถ้าเราสามารถควบคุมวาจาของเราได้ ไม่ให้พูดคำหยาบ ไม่ให้พูดส่อเสียด ไม่ให้พูดปด ไม่ให้พูดวาจาเพ้อเจ้อ ได้ตลอดทั้งปี จึงจะเป็นมงคลใหญ่ที่แท้จริง

ส่วนการสวมใส่เสื้อผ้าใหม่หรือเสื้อผ้าสีแดงนั้น ถือว่าเป็นแค่มงคลภายนอก ถ้าจะเอามงคลภายในจริง ๆ ก็ต้องประพฤติปฏิบัติในเรื่องของศีล สมาธิ ปัญญานั่นเอง ในส่วนของศีลนั้น เราต้องควบคุมในศีลของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นศีล ๕ หรือศีล ๘ ก็ตาม ให้อยู่ในลักษณะที่บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ล่วงละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมผู้อื่นให้ละเมิดศีล และไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล

ถ้าเราสามารถที่จะระมัดระวังได้ดังนี้ อำนาจของศีลก็จะก่อให้เกิดสมาธิ ถ้าเป็นสมาธิในเบื้องต้น เราก็สามารถตัดกิเลส เป็นพระโสดาบันกับพระสกทาคามีได้ ถ้าจะเอาจริง ๆ แน่นอนก็เป็นพระโสดาบัน เพราะว่ากำลังของพระสกทาคามีนั้น ถ้าไม่ได้มีความคล่องตัวในเรื่องของฌานจริง ๆ แล้ว บางทีปฐมฌานจะเอาไม่อยู่เหมือนกัน

เมื่อศีลก่อให้เกิดสมาธิ สมาธิก่อให้เกิดปัญญา เราก็ใช้ปัญญามาพิจารณาสภาพร่างกายของเรา ในเบื้องต้นก็คือจะต้องตายแน่นอน ถ้าเราเห็นเพิ่มเติมไปว่า ร่างกายนี้มีแต่ความสกปรกโสโครกเป็นปกติ ต้องคอยดูแลรักษา ขัดสี อบรม อยู่ตลอดเวลา ร่างกายของเราก็สกปรกเช่นนี้ ร่างกายคนอื่นก็สกปรกเช่นนี้ ร่างกายของสัตว์อื่นก็สกปรกเช่นนี้ ก็จะเกิดความเบื่อหน่าย ไม่มีความต้องการในร่างกายนี้ขึ้นมา อำนาจของศีล สมาธิ ก็จะส่งผลให้เราเกิดปัญญาในเบื้องกลาง สามารถตัดกิเลสเป็นพระอนาคามีได้

เถรี 20-02-2014 08:27

ในเมื่อเราปฏิบัติในเรื่องของศีล ในเรื่องของสมาธิแล้ว ปัญญาจะเกิดขึ้นเมื่อสภาพจิตของเรานิ่งสงบอย่างแท้จริง ถ้าเรามองต่อไปถึงจุดสุดท้ายว่า ร่างกายนี้นอกจากสกปรกโสโครกแล้ว ยังไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา มีปกติเป็นสมบัติของโลก เพราะเกิดจากธาตุ ๔ คือดิน น้ำ ไฟ ลม มาประชุมรวมตัวกันชั่วคราว ให้เราได้อาศัยอยู่ตามบุญตามกรรมที่เราสร้างมา

ในเมื่อเป็นเพียงธาตุ ๔ เท่านั้น ก็ไม่มีอะไรที่ยึดถือมั่นหมายได้ว่าเป็นเราเป็นของเรา เมื่อถึงเวลาก็เสื่อมสลายตายพังไป บังคับบัญชาไม่ได้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีร่างกายเช่นนี้ เราไม่พึงปรารถนาอีก การเกิดมาอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากเร่าร้อนเช่นนี้ เราก็ไม่ปรารถนาอีก เรามีความปรารถนาอย่างเดียวก็คือพระนิพพาน ถ้าเราสามารถปล่อยวางลงได้อย่างแท้จริง ไม่มีจิตยึดเกาะต้องการในขันธ์ ๕ นี้อย่างแท้จริง เราก็จะสามารถเข้าถึงปัญญาขั้นสูงสุด ตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน เป็นพระอรหันต์เข้าสู่พระนิพพานได้

ถ้าเราสามารถทำดังนี้ได้ คือปฏิบัติในเรื่องของศีล ของสมาธิ ของปัญญา เข้าสู่ความเป็นพระอริยเจ้า ไม่ว่าจะระดับพระโสดาบันก็ดี พระสกทาคามีก็ดี พระอนาคามีก็ดี หรือว่าพระอรหันต์ก็ตาม จึงจะเรียกได้ว่าเป็นมงคลอย่างแท้จริง และถือว่าเป็นมงคลที่ทรงตัวมั่นคง อยู่ยั้งยืนยงตลอดไป ไม่ใช่เป็นมงคลชั่วครั้งชั่วคราวในระยะปีใหม่ของจีนที่พวกเราได้กระทำกัน

อันดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจกำหนดการภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา



พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๗

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:59


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว