กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=26)
-   -   เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๕๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=805)

เถรี 16-08-2009 19:34

หลวงพ่อเล็กบอกว่า "วัตถุมงคลของหลวงพ่อในตลาดที่ราคายังไม่แพง เพราะเล่นกันอยู่ในหมู่ของลูกศิษย์ ออกนอกจากหมู่ลูกศิษย์ไปแล้วตลาดเขาไม่เล่นกัน เพราะว่าสมัยนั้นหลวงพ่อท่านไม่คบพวกนี้"

เถรี 16-08-2009 22:21

หลวงพ่อบอกว่า "เท่าที่สังเกตมาตั้งแต่เป็นเด็กนักเรียนจนถึงปัจจุบัน ส่วนใหญ่คนที่เรียนหนังสือเก่งมันหาที่สม่ำเสมอยาก ไประยะหนึ่งมันจะตก ล่าสุดบรรดาเพื่อนที่ถือว่าเป็นคู่แข่ง คือ เรียนเก่งเหมือนกัน มีอยู่ด้วยกัน ๔-๕ รูป มาถึงเทอมท้าย ๆ นี่ตกหมดเลย ไม่รู้ว่าเกิดความประมาทหรืออย่างไร ไม่เช่นนั้นบี้ติดกันชนิดที่ว่า เราได้ a เขาก็ a เรา b เขาก็ b

ก็เลยนึกที่หลวงพ่อสมเด็จ วัดสระเกศ ท่านบอกว่า การเรียนบาลีอย่าทิ้งกรรมฐาน ทิ้งแล้วมันจะท้อ จะไปไม่รอด เราเลยมาสรุปลงตรงที่ว่าเรียนอะไรก็ตามอย่าทิ้งกรรมฐาน"

เถรี 17-08-2009 08:47

ถาม : วันที่กลับจากวัด ดิฉันได้ยินคนในรถเอ่ยคำว่า อรูปฌาน เท่านั้นแหละ เหมือนตัวเองวืดไปเลยค่ะ แล้วได้ยินคนในรถเตือนบอกว่า ไฟแดง ๆ แต่ตอนได้ยินมันเบามากเลย เหมือนออกจากขอบโลก ตานี่เห็นไฟแดงนะคะ แต่มันบังคับร่างไม่ได้ เลยเหยียบเบรกไม่ทัน ดิฉันไม่รู้จะทำอย่างไร
ตอบ : สมาธิมันลึกเกิน ต่อไปพยายามหัดอย่าให้มันลึกขนาดนี้ ซ้อมเข้าออกให้ชำนาญ

ถาม : แล้วดิฉันจะต้องแก้อย่างไรคะ
ตอบ : พยายามทำสมาธิในลักษณะใช้งานให้มากขึ้น อย่างเช่นเดินจงกรมภาวนา เพื่อให้มันเคยชินกับการทรงสมาธิด้วยและทำงานด้วยในเวลาเดียวกัน ไม่อย่างนั้นถ้ามันเผลอเข้าลึกเกินไป แล้วจะบังคับร่างกายไม่ได้ มันจะเป็นอย่างนั้น ยังดีของอาตมาไม่เจอในลักษณะบังคับรถ แต่เจอในเวลาอื่น


ถาม : มันไม่รู้ตัวค่ะหลวงพ่อ
ตอบ : พอสมาธิมันทรงตัว พรึ่บเดียวมันไปเลย พอมันไปเต็มที่ของมันนี่เราแย่เลย ตอนนั้นถ้ารถชน เราไม่เป็นไรหรอก แต่คนในรถจะน่วม เพราะตอนนั้นสมาธิคุ้มเราได้

เถรี 17-08-2009 08:51

ถาม : หลวงพ่อคะ เวลานอนภาวนาคาถาเงินล้าน ดิฉันใช้เครื่องกดนับ ภาวนาอยู่สองชั่วโมงมันกดได้แค่ ๕๐ ครั้งเองค่ะ เพราะว่ามันไม่มีความรู้สึกที่นิ้ว แต่เมื่อเราต้องกด มันกลายเป็นว่าเราต้องส่งกำลังใจไปอย่างมากในการที่จะไปบังคับนิ้ว
ตอบ : เพราะสมาธิมันลึกไป เมื่อสมาธิมันลึกไปจิตกับประสาทมันแยกกัน ในตอนนั้นความแหลมคมมันมีเยอะ นับในใจก็ได้ เมื่อคลายสมาธิออกมาแล้วค่อยมากดไล่ตามที่เรานับ


ถาม : ดิฉันอ่านหนังสือกระโถนที่หลวงพ่อบอกว่า การใช้มโนฯ เป็นการใช้งานอยู่แล้ว แต่ว่าการหัดทรงฌานก็ต้องทำควบคู่กันไปด้วยใช่หรือไม่คะ
ตอบ : ต้องซ้อมจนชิน
ถาม : หนูก็นึกว่าสมาธิอ่อนไปค่ะหลวงพ่อ
ตอบ : อันนี้ไม่ได้อ่อน แต่เยอะเกิน ไม่พอใช้งานแต่เยอะเกินสภาพปกติ กำลังไม่พอใช้งาน ก็คือ เราจะเอากำลังไปใช้ในการตัดกิเลสบางส่วนมันไม่พอ

เถรี 17-08-2009 08:54

ถาม : หลวงพ่อคะ เคยนั่งรถไปกับพี่คนหนึ่งแล้วเขาทำน้ำรดใส่เกียร์ แล้วดิฉันก็โทสะขึ้น เห็นเหมือนเป็นควันขึ้นมา
ตอบ : อย่าให้มันเป็นเปลว

ถาม : มันเป็นควันแล้วมันก็หายไปในอากาศค่ะหลวงพ่อ
ตอบ : ถ้ามันเป็นเปลว คราวนี้มันจะไหม้ท่วมฟ้า ลักษณะเป็นอย่างนั้นแหละ เขาถึงได้บอกว่า โทสัคคิ ไฟคือโทสะ ราคัคคิ ไฟคือราคะ

เถรี 17-08-2009 08:56

ถาม : หลวงพ่อคะ เวลารัก โลภ โกรธ หลงเกิดมา เราจับได้ แต่ว่ามันเป็นกิเลสหยาบกว่าตัวยินดียินร้ายหรือเปล่าคะหลวงพ่อ
ตอบ : จริง ๆ แล้วตัวยินดียินร้าย มันเป็นสาเหตุที่ลึกเข้าไปกว่านั้น ถ้าหากเราไม่ยินดียินร้าย รัก โลภ โกรธ หลงมันก็ไม่เกิด ฉะนั้นถ้าถามก็คือมันบางกว่า แต่มันยังมีที่แย่กว่านั้นอีก สาวไป ๆ มันมองอะไรไม่เห็นเลย แต่รู้ว่านี่คือต้นเหตุ มันละเอียดขึ้น


ถาม : มันเหมือนเป็นควันเบา ๆ หรือเปล่าคะหลวงพ่อ
ตอบ : เปรียบเทียบกับคำพูดมนุษย์ไม่ได้หรอก มันละเอียด เอาเป็นว่ารู้แล้วก็พอ

เถรี 17-08-2009 09:07

ถาม :ไม่รู้จะวางกำลังใจอย่างไร
ตอบ : บอกแล้วว่าทนเอา พิจารณาไปเลยว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ สภาพที่ต้องมาทนทั้งหลายเหล่านี้คือความทุกข์ ในเมื่อมันเป็นความทุกข์อย่างนี้แล้วเราต้องการไหม


ถาม : พิจารณาอยู่แต่มันก็ทุกข์ค่ะหลวงพ่อ แล้วเราอุเบกขาได้ไหมคะ
ตอบ : ถ้าหากทรงสังขารุเปกขาญาณมันจะเป็นตอไม้

ถาม : หลวงพ่อคะ แล้วอย่างนี้ดิฉันจะปรับสมาธิอย่างไรให้มันแก้ได้
ตอบ : ไม่ยินดี พยายามทำอย่างไรไม่ให้ยินดียินร้ายและปรุงแต่งตามมัน คือในแง่ที่ว่าสภาพจิตตอนนั้นอย่าให้อยู่ในร่างกายได้ยิ่งดี ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุด ที่คนอื่นไม่มี เพราะว่าเราจะได้ฝึกในการแยกกาย แยกจิต เราอาจจะไปสนใจอย่างอื่นก็ได้ ไม่ต้องอยู่ตรงนั้น หรือว่าเราจะมาพิจารณาตรงนั้นก็ได้ แต่ว่าใหม่ ๆ มันก็คงทำยากหน่อย ประสาทร่างกายมันก็ทำงานอัตโนมัติเหมือนกัน

ถาม : แต่ถ้าตัววิญญาณเกิด แล้วเราก็ไม่ปรุง มันก็จะอยู่นิ่งใช่ไหมคะหลวงพ่อ มันอยู่ลึกลงไป อย่างนี้ถ้าเราปล่อย
ตอบ : ปล่อยได้ ไม่รู้ไม่ชี้ ถือว่าเป็นโอกาสอันดีได้ฝึกในสิ่งที่คนอื่นฝึกได้ยาก
ถาม : ไม่ต้องฝึกก็ได้หลวงพ่อ
ตอบ : อ้าว ไม่ฝึกแล้วมันจะรู้ได้อย่างไรว่าสู้ได้หรือเปล่า

เถรี 17-08-2009 09:17

ถาม : หลวงพ่อคะ ช่วงนี้หนูจะมีอารมณ์อย่างหนึ่ง ก็คือ มองเข้าไปในจิตตัวเอง มันเห็นเป็นอารมณ์ว่าง ไปลงตรงนี้ตลอด และหนูก็พอใจที่จะจับอารมณ์ตรงนี้ด้วยค่ะ หนูก็ไม่รู้ว่าจะทำต่อไปอย่างนี้ดีหรือเปล่า
ตอบ : พอเราไปถึงตรงนั้นแล้วให้ตั้งใจว่า เราตายเมื่อไหร่เราจะไปนิพพาน บวกไปอีกนิด เพราะในส่วนสมาธิไม่ว่าจะอยู่ระดับไหนก็ตามมันจะมีกำลังแค่ไม่เกินพรหม

ถาม : อารมณ์ว่างในจิตของหนู มันเป็นการดูจิต หรือมันเป็นความว่างกันแน่
ตอบ : มันเป็นสมาธิ แต่ขณะเดียวกันมันก็มีปัญญาในสมาธิ ในเมื่อมันมีปัญญาสมาธิ มันก็ย่อมมีความรู้รอบของมันอยู่แต่เพียงว่ามันจำกัด

ถาม : ปกติหนูก็ทำในส่วนที่เป็นธาตุ ๔ ตลอด แต่ทีนี้เราก็ต้องย้ำธาตุ ๔ ของเราไปด้วยตลอดใช่ไหมคะ
ตอบ : อย่าลืมปิดท้ายด้วยเพชรยอดมงกุฎ (ปิดท้ายด้วยอารมณ์นิพพาน)

ถาม : หลวงพ่อคะมันเป็นไปได้ไหมคะที่มันมีอารมณ์ตัด ตัดในที่นี้ก็คือการตัดสินใจของเราค่ะ ถ้าตัดแล้วก็พร้อมที่จะไปเลย หนูก็มาคิดมันเป็นไปได้หรือ เพราะหนูยังทำไม่ถึงตรงจุดนั้นเลย
ตอบ : มีจ้ะ

ถาม : แต่ว่านาน ๆ มาโผล่ทีนะคะ ถ้ามันมาแบบนี้อีกทำอย่างไรคะ
ตอบ : ก็ตัดใจไปเลย ไม่เห็นมีอะไรให้ต้องอาลัยอาวรณ์

ถาม : หนูไม่อยากตายตอนนี้ค่ะ นี่ก็หลบพ่อแม่มา ตายตอนนี้เดี๋ยวเขาก็รู้ว่าหนูหลบมา
ตอบ : ทำไมต้องไปกลัวเขารู้ด้วย แน่จริงก็ให้เขาตามไปว่าสิ

ถาม : ตรงนี้มันเป็นอะไร อารมณ์มันตรงร่องหรือคะ
ตอบ : อะไรประมาณนั้น

เถรี 17-08-2009 09:22

ถาม : หนูรู้สึกว่าในจิตมันไม่มีอะไรเหมือนกับว่างงาน
ตอบ : แล้วไม่ดีหรือ

ถาม : มันเหมือนกับว่าเหลืออารมณ์แค่ตัดสินใจ
ตอบ : ถ้าอย่างนั้นก็ตัดสินใจ

ถาม : ไม่เอา
ตอบ : กลัวสบาย เพราะว่าลำบากยังไม่พอ

ถาม : หลวงพ่อมีวิธียั้งใจไม่ให้ไปไหมคะ
ตอบ : ก็แค่ไม่ไป

ถาม : หนูไม่อยากไป อยากอยู่ต่อ
ตอบ : กลัวได้ดี

ถาม : มันเหลือแค่ตัดสินใจ
ตอบ : เหลือแค่ตัดสินใจ เราก็หยุดแค่นั้น จะไปยากอะไร

ถาม : มันจะบีบให้ไปตลอด
ตอบ : ก็บอกไปสิว่า ใจเย็น ๆ ขออีกวันหนึ่ง พอวันถัดไปใจเย็น ๆ ขออีกวันหนึ่ง แล้วจะรู้สึกเสียดายที่ไปขอ

เถรี 17-08-2009 09:30

หลวงพ่อบอกว่า "มีเด็กบางคนมาคุยกับเรา แล้วเขาก็ชอบใจเหลือเกิน แม่ก็ถามว่าหลวงพ่อคุยอะไรให้ฟัง เราก็บอกแม่เด็กไปว่าเด็กเขาไม่รู้หรอก อย่าไปถามลูกเลย ลูกบอกไม่ได้หรอก เพราะสิ่งที่คุยกับเขา เขาเข้าใจ แต่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ ในเมื่อมันเข้าใจมันก็ไม่ได้อยู่ข้างนอก เอาออกมาโชว์คนอื่นยาก

ถ้าไม่ได้มีวิสัยที่เกิดมาเพื่อนำไปแสดงต่อคนอื่นเขา มันก็จะอยู่ในใจเท่านั้น รับรู้ไว้เต็ม ๆ คำพูดหรือตัวหนังสือไม่สามารถอธิบายได้"

เถรี 18-08-2009 00:57

ถาม : เป็นไปได้ไหมคะที่ละสักกายทิฏฐิได้ แต่ว่ายังตัดอวิชชาไม่ได้
ตอบ : ถ้ามันขาดมันจะไม่มีความยินดีในร่างกายเลย ในเมื่อมันไม่มีความยินดี ความอยากได้ อยากมีในร่างกายมันก็ไม่มี แล้วมันจะเอาอวิชชาที่ไหน ยกเว้นเสียว่ามันขาดในความเข้าใจของเรา แต่มันไม่ใช่ขาดจริง ๆ

ถาม : แล้วถ้าจิตกับกายมันแยกกันชัดเจนมาก ๆ ละคะ แล้วมันยังเหลืออะไรที่จะต้องตัด
ตอบ : โห บานเบิกเลย จิตกับกายแยกออกจากกัน เพิ่งจะ ป. ๑

ถาม : แล้วต้องทำอะไรต่อ
ตอบ : ก็พิจารณาให้เห็นจริงสิ ว่าสภาพจิตของเรากับกายของเรามันเป็นอย่างเดียวกันหรือเปล่า หรือว่ามันมีอะไรที่เป็นเรา เป็นของเราบ้างไหม หรือว่ามันสักแต่เป็นรูปเป็นธาตุที่มันอาศัยอยู่แต่เพียงชั่วคราวตามบุญตามกรรมที่เราสร้างมาและท้ายสุดเรายังมีความยินดีอยากมีอยากได้มันหรือเปล่า ถ้าหากจิตมันยอมรับเห็นชัดเจน มันปลดได้เลย แต่ถ้าจิตมันไม่ยอมรับ ต่อให้กายกับจิตมันแยกออกจากกัน ท้ายสุดมันก็กลับเป็นเหมือนเดิม มาปรุงแต่ง

เถรี 18-08-2009 01:00

หลวงพ่อบอกว่า "นักปฏิบัติพอทำถึงระดับหนึ่งจริง ๆ เขาจะพูดน้อยโดยอัตโนมัติ เพราะจะต้องรักษาอารมณ์ตัวเองไว้ แต่ว่าการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กับคนทั่วไปมันยังต้องมีอยู่ เพียงแต่ว่าจะมีอยู่ในลักษณะที่ประกอบไปด้วยสติ เพื่อไม่ให้หลุดจากอารมณ์เฉพาะหน้าของตน"

เถรี 18-08-2009 01:06

หลวงพ่อบอกกับพี่คนหนึ่งว่า "พยายามสู้ให้ได้นะ มันมีอยู่สองวิธี วิธีแรกก็ตั้งหน้าตั้งตาประจัญบานกับมัน วิธีที่สองก็นอนเฉย ๆ ไม่สู้ ไม่หนี ไม่มี ไม่จ่าย

บางอย่างกำลังใจถ้าดิ้นรนจนถึงที่สุดแล้วจะรู้ว่า ดิ้นไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะวาระยังไม่ถึง ศีล สมาธิ ปัญญาที่เราสั่งสมยังไม่เพียงพอ
เมื่อหยุดดิ้น ทีนี้จะสบายขึ้นเยอะ แต่ว่าหยุดแล้วอย่าประมาท มีโอกาสก็สร้างต่อ เพราะฉะนั้นก่อนตายก็จะบอกก่อน ไป ๆ เลิกกลัวได้แล้ว"

เถรี 18-08-2009 01:09

ถาม : ในขณะที่อ่านหนังสือก็รู้สึกว่าเรามีการภาวนาไปด้วย ไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นการฟุ้งซ่านหรือเปล่า เป็นการปรามาสพระรัตนตรัยหรือเปล่า
ตอบ : ถ้าสามารถทำพร้อมกันได้เป็นสิ่งที่สมควรทำ เพราะว่าเวลาเราทำสิ่งอื่น ๆ เราจะได้รักษาอารมณ์ใจของเราได้


ถาม : อย่างหนูสวดมนต์ภาวนา แล้วไปอ่านการ์ตูนก็ยังจับคำภาวนาไปด้วย เราทำอะไรไม่ถูกหรือเปล่า
ตอบ : ไม่ต้องไปกังวล เราควรจะทำ เพื่อเวลาที่เราทำกิริยาอาการอย่างอื่นที่นอกเหนือจากการกำหนดภาวนาเราจะได้รักษากำลังใจได้อีกทาง ต้องทำให้ได้จ้ะ

เถรี 18-08-2009 01:17

หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า "ก่อนงานพุทธาภิเษกพระขรรค์โสฬส โทรไปบอกแม่ชีว่าให้สั่งน้ำมาเข้าพิธีด้วย จะได้ทำเป็นน้ำมนต์ แม่ชีก็บอกว่าตอนงานเป่ายันต์ก็มีเป็นคันรถแล้ว จะมีใครที่ไหนเอาน้ำมนต์อีก สรุปแล้วหลังงานโสฬสแม่ชีเองไม่ได้สักขวด รถที่เขาเอาน้ำมาส่งเรานั้น น้ำมากกว่าที่เขาส่งในอำเภอเสียอีก"

เถรี 18-08-2009 01:20

หลวงพ่อเล่าว่า "สมัยก่อนทำบุญกับหลวงพ่อครั้งหนึ่งก็ได้สมเด็จพระคำข้าว พระหางหมาก ทีละร้อยองค์ สองร้อยองค์ ห้าร้อยองค์ เพื่อนพระเขาว่าบ้า เก็บไปทำไมเยอะแยะ

ตอนนั้นองค์ละสิบบาท ทำบุญ ๑๐๐ บาท หลวงพ่อให้สิบองค์ พอสิ้นหลวงพ่อเขาขึ้นราคาพรวด องค์ละร้อยบาท สองร้อยบาท สี่ร้อยบาท พวกที่ว่าเราบ้ามันมาเอาจากเราองค์ละสิบบาท กำไรสักบาทยังไม่ให้เลย ตอนนั้นก็มาว่าเรา"

เถรี 04-09-2009 23:30

ถาม : (ได้ยินไม่ชัด)

ตอบ : เฉย มันมีสองอย่าง มันเฉยเพราะมีกำลังของสมาธิกดไว้ มันจะมีความหนักของมันอยู่ แต่ถ้าเฉยเพราะรู้เท่าทันแล้วปล่อยวางได้ มันจะเบา แต่ว่าทั้งสองสภาวะก็คือ มันไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ปรากฎอยู่ตรงหน้า

เถรี 04-09-2009 23:37

ถาม : ถามเรื่องแสงสว่าง เมื่อก่อนมันเกิดเป็นตาข่ายเหมือนตาข่ายแมงมุม สักพักมันก็เกิดเป็นประกายที่ตาข่ายด้วย แล้วตอนนี้ตาข่ายมันเริ่มหมุน เราควรจะกำหนดจิตอย่างไร หรือทำอย่างไรคะ
ตอบ : ถ้ามีลมหายใจให้ดูลมหายใจ ถ้ามีคำภาวนาให้อยู่ที่คำภาวนา ไม่ต้องไปใส่ใจตรงนั้น แต่มันยิ่งแปลก พอเราไม่ใส่ใจมันยิ่งชัดเจน มันยั่วให้เราสนใจผิดทิศ

ถาม : แล้วสามารถบริกรรมได้หรือคะ
ตอบ : ถ้ามันไม่บริกรรมก็ให้รับรู้ไว้เฉย ๆ ถ้ามันไม่มีลมหายใจก็รับรู้ไว้เฉย ๆ กำหนดใจให้มันรู้ว่าอาการมันเป็นของมันอย่างนั้น มันอยากจะหมุนก็ให้หมุน ก็รู้ว่ามันหมุน

ถาม : มันเป็น ๑ ใน ๑๐ ที่เราจะต้องผ่านไปหรือเปล่าคะ
ตอบ : .........(เงียบ).......

เถรี 04-09-2009 23:43

ถาม : หลวงพี่ครับ หลวงพี่ครับ
ตอบ : ก็ว่ามาสิวะ

ถาม : คือ ผมช่วงนี้รู้สึกว่าจะมีวิบากเข้ามา หลวงพี่พอจะมีคำแนะนำให้ผมหรือเปล่าครับ
ตอบ : เร่งทาน ศีล ภาวนาให้มาก โดยเฉพาะตัวภาวนา

ถาม : ตัวภาวนานี่คือสวดมนต์หรือเปล่าครับ
ตอบ : นั่งสมาธิ ถ้าทรงฌานได้เมื่อไหร่ วิบากก็ไปคนละทิศเลย

เถรี 05-09-2009 00:34

หลวงพ่อท่านบอกว่า "ตะกรุดเมที่รับตั้งแต่งวดนี้ขึ้นไป ได้เปรียบตรงที่ว่าเอาไปเข้าพิธีโสฬสมาด้วย จริง ๆ แผ่นเงินมีอยู่แล้วแต่ไม่มีเวลาเขียน ไม่มีเวลาม้วน ใครที่เห็นเมื่อเช้าก็พอจะรู้ได้ว่ามันยากแค่ไหน กว่าจะม้วนได้แต่ละอัน"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:25


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว