กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๕๗ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4101)

เถรี 04-08-2014 06:13

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๕๗
 
ถาม : มีดหมอควรจะเป็นลักษณะแบบใดได้บ้างครับ ?
ตอบ : อีโต้..! มีดหมอของครูบาอาจารย์ยุคแรก ๆ ท่านทำเป็นรูปอีโต้เลย เพราะท่านถือเคล็ดคำว่า “โต้” คือย้อนกลับ มีดหมอคู่มือของหลวงปู่ปานก็เป็นอีโต้เหมือนกัน เล่มกำลังน่ารักเชียว ถ้าใหญ่กว่านั้นหน่อยก็ฟันหัวคนถนัดเลย..!

ถาม : แล้วอย่างไม้คทา ไม้ครู หรือไม้ตะพด จะนำมาทำมีดหมอได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม้ไม่ใช่มีด

ถาม : ถ้าหากแกะสลักไม้เป็นพระขรรค์ หรือรูปทรงมีด จะนำมาเป็นมีดหมอได้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : อานุภาพจะด้อยไปหน่อย เพราะส่วนใหญ่แล้วมีดหมอเขาจะทำด้วยโลหะ โดยเฉพาะโลหะผสม ซึ่งสมัยก่อนที่ใช้โลหะผสมเพราะว่า คาถาบางบทเขามีการป้องกันเฉพาะอาวุธที่ทำจากโลหะเฉพาะอย่าง ในเมื่อป้องกันเฉพาะอย่าง พอเอาโลหะผสมหลาย ๆ อย่างเข้า เลยกลายเป็นกันไม่ได้ ฉะนั้น..ถ้าหากว่าจะเอาไม้มาทำมีดหมอ อาตมาแนะนำว่าไม้ไผ่ดีที่สุด เนื่องจากว่าไม้ไผ่เป็นไม้เคล็ด ไสยศาสตร์ทุกประเภทกันไม้ไผ่ไม่ได้ เหนียวเท่าเหนียวก็เสร็จหมด

เถรี 04-08-2014 06:14

ถาม : วิชากระสุนคตของหลวงพ่อวัดท่าซุง จะต้องปฏิบัติอย่างไรครับ ?
ตอบ : ฝึก..ไม่ฝึกก็ยังเป็นวิชาอยู่นั่นแหละ ฝึกเมื่อไรก็จะได้เป็นของเรา

เถรี 04-08-2014 06:16

ถาม : อีโบล่าจะเข้าประเทศไทยไหมครับ ?
ตอบ : ต้องดูว่าได้วีซ่าหรือเปล่า ฉะนั้น..เรื่องนี้ต้องถามกระทรวงการต่างประเทศ..!

ถาม : วัตถุมงคลอะไรป้องกันได้ครับ ?
ตอบ : ถ้าวัตถุมงคลหลวงพ่อวัดท่าซุงตั้งแต่ปี ๒๕๓๒ กันโรคระบาดได้ทั้งหมด แต่ก็มีอยู่แค่ ๓ ปีนี้เท่านั้น เพราะหลวงพ่อท่านมรณภาพปี ๒๕๓๕ ฉะนั้น..ไปหากันเอาเองแล้วกัน ใครมีก็เอาให้แพง ๆ หน่อย..!

ถาม : แล้วของวัดท่าขนุนละคะ ?
ตอบ : อ๋อ...ของวัดท่าขนุนยังไม่กันให้ คือกะว่าจะออกวัตถุมงคลหากินอีกชุดหนึ่ง..!

เถรี 04-08-2014 06:18

ถาม : เจอเพื่อนหลายคนที่ชอบพูดจาแรง ๆ กระทบผู้อื่นโดยเขาให้เหตุผลว่า "เป็นคนตรง" ขอถามว่า การพูดจาตรงไปตรงมา ความหมายที่ถูกต้องคืออะไรกันแน่ ? เพราะสมัยนี้เขาตีความไปว่าคือการพูดจาแรง ๆ เปิดเผยความรู้สึกโดยไม่สนใจคนรอบข้าง ?
ตอบ : พวกมนุษย์ป้ามักจะเป็นอย่างนั้น..! องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า

วาจาใดไม่เป็นที่ชอบใจ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น
วาจาใดไม่เป็นที่ชอบใจ ก่อให้เกิดประโยชน์ ตถาคตรู้ว่าควรจะกล่าวเวลาไหน
วาจาใดเป็นที่ชอบใจ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ตถาคตก็ไม่กล่าววาจานั้น
วาจาใดเป็นที่ชอบใจ ก่อให้เกิดประโยชน์ ตถาคตจะกล่าววาจานั้นเสมอ


เพราะฉะนั้น..ก็เลือกเอาก็แล้วกันว่า จะตรงไปตรงมาแล้วคนอื่นเขาเห็นว่าก้าวร้าวหรือว่าเกรียนดี หรือว่าจะรู้จักกาลเทศะเสียหน่อย หรือไม่ก็ใช้วาจาตรงแบบเดียวกันคืนไปบ่อย ๆ เดี๋ยวเขาก็รู้ตัวเอง


ถาม : แต่ถ้าเขาทำเราก่อนแล้วเราพูดไปแรง ๆ จะเป็นอะไรไหมคะ ?
ตอบ : เอาอย่างนี้แล้วกัน แขวนตะกรุดมหาสะท้อนแล้วภาวนา “เมสัมมุกขา สัพพาหะระติ เตสัมมุกขา” ไว้ทุกวัน..!

เถรี 04-08-2014 06:52

ถาม : ปัจจุบันนี้มีคดีข่มขืนเกิดขึ้นเยอะมาก ไม่ทราบว่าการข่มขืนจัดเข้าในการผิดศีลข้อ ๓ หรือไม่ ? และในนรกมีที่รองรับสำหรับผู้ที่ข่มขืนผู้อื่นหรือไม่ ?
ตอบ : อ๋อ...เพียบ ไม่เป็นไร พวกนี้มีโทษพิเศษเพิ่มให้ด้วย เสียดายอาตมาปล่อยปลาเปคูไปหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นจะให้ทางนรกเขายืมหน่อย เจ้าปลาเปคูมีฉายาง่าย ๆ ว่า "ปลากัดจู๋" อาจจะเป็นเพราะว่าไม่มีอะไรน่ากัด ก็เลยมุ่งกัดแต่ตรงนั้นก็ได้

สรุปว่า ผิดศีลแน่นอนจ้ะ ขนาดล่วงละเมิดโดยเขายินยอมแต่เจ้าของไม่ให้ยังผิดศีลเลย

เถรี 04-08-2014 06:53

ถาม : การแต่งตัวโป๊ โชว์เนื้อหนังมังสาให้ผู้อื่นเห็น ไม่ทราบว่าตรงนี้เกิดเป็นกรรมอย่างไร ?
ตอบ : ตั้งใจว่าใครแถวนี้หรือเปล่า ? ก่อให้ผู้อื่นเกิดราคะจริต ก็ต้องบอกว่าเท่ากับทำให้จิตใจคนอื่นเขาเศร้าหมอง ถามว่ามีโทษหรือเปล่า ? ก็อาจจะโดนข่มขืนได้..!

เถรี 04-08-2014 06:56

ถาม : ถ้าเราตัดสินใจว่าไปพระนิพพานในชาตินี้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ไม่เปลี่ยนความตั้งใจ แต่พฤติกรรมที่เราทำ ก็ยังอยู่ในลักษณะสงเคราะห์ผู้อื่นให้มีความสุข และพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่น พูดง่าย ๆ ว่ายังติดนิสัยเดิมอยู่ ไม่ทราบว่าต้องแก้นิสัยนี้ไหม ? นิสัยนี้จะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติไปพระนิพพานไหม ?
ตอบ : ไม่ต้องแก้ ทำให้มากเข้าไว้ เพียงแต่เปลี่ยนเป้าหมายเท่านั้น คราวนี้ก็จะทำให้ความเยิ่นเย้อน้อยลง ก้าวตรงทางมากขึ้น ช่วยให้ไปพระนิพพานง่ายขึ้น

เถรี 04-08-2014 06:57

ถาม : ระหว่างเพื่อนที่คอยเตือนเรา เวลาเราทำในสิ่งที่ไม่ดีหรือขาดสติ กับเพื่อนที่มองข้ามข้อเสียของเรา ไม่ว่าเราเป็นอย่างไรก็รับได้ ระหว่างสองอย่างนี้เพื่อนอย่างไหนที่ควรคบมากกว่ากัน ?
ตอบ : ถ้าต้องการประโยชน์จริง ๆ เพื่อแก้ไขตนเองให้ดีขึ้นด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ก็คบเพื่อนประเภทแรก เพราะว่าคบเพื่อนประเภทหลังบางทีอาจจะเป็นมิตรเทียมก็ได้ ถ้าใครอยากรู้เรื่องมิตรแท้ มิตรเทียมก็ไปถามกูเกิ้ลว่าเป็นอย่างไร

เถรี 04-08-2014 09:07

ถาม : ถ้าครูบาอาจารย์ชมเรา แล้วเราเก็บมายินดี อย่างนี้จัดเป็นกิเลสหรือไม่ ? ที่ถูกต้องเราไม่ควรยินดีต่อคำชมของผู้ใดใช่หรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าตราบใดที่ยังไม่เป็นพระอรหันต์ ความยินดียินร้ายจะเกิดขึ้นเสมอ แม้กระทั่งพระอนาคามีที่ปราศจากราคะ โลภะ โทสะแล้วก็ยังมีความยินดีในกุศลอยู่ เพราะฉะนั้น..ยินดีก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ยินดีก็เก็บไว้เป็นกำลังใจ แต่อย่าออกนอกหน้ามากก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวคนอื่นเขาจะหมั่นไส้เอา..!

เถรี 05-08-2014 13:28

พระอาจารย์กล่าวว่า "ขอย้ำว่า วัตถุมงคลวัดท่าซุงตั้งแต่รุ่นพร ๓๐ ประการเป็นต้นมา สามารถป้องกันโรคระบาดได้ หรือไม่อาตมาก็เคยทำยันต์กันโรคระบาดไปให้แล้ว ถ้าใครมีอยู่ก็เริ่มเอาไปประมูลกันได้ เอาเป็นว่าถ้าไม่ลืม ตอนปลุกเสกเหรียญพุทธบารมีจะขอ "พระ" ท่านช่วยสงเคราะห์ให้ด้วย"

ถาม : แล้วคนที่ไม่มีล่ะครับ ?
ตอบ : คำตอบเดิม..รอของแพง ความจริงโรคอีโบล่าแก้ง่ายนะ สำรวจสำมะโนประชากรในประเทศไทยทั้งหมดโดยเฉพาะภาคอีสาน ถ้าลูกสาวคนเล็กชื่อโบก็จัดแจงไล่ไปอยู่ต่างประเทศ เพราะทางอีสานเขาจะเรียกลูกคนเล็กว่า “อีหล้า” อยู่แล้ว ถ้าชื่อโบก็เป็น “อีโบหล้า”

มนุษย์เราคิดว่าตนเองเป็นเทพเจ้า สามารถเอาชนะโรคร้ายหลายต่อหลายโรคได้ แต่ปัจจุบันนี้อย่างพวกโรคเอดส์หรือว่าอีโบล่า (ไข้เลือดออกมหาประลัย) ยังไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ ก็เกิดความหวาดกลัวกันเป็นปกติ ถ้าเรามั่นใจในคุณพระรัตนตรัย โดยเฉพาะมั่นใจว่าปาณาติบาตของเรามีน้อย ก็ไม่ต้องไปกังวลโรคอะไรหรอก ถ้าอยู่นานเกินไปจะบ่นเสียด้วยซ้ำ

ตอนนี้มีคุณยายที่อายุ ๑๒๑ ปี เขากำลังส่งหลักฐานไปให้กินเนสบุ๊คบันทึกว่าเป็นคนที่อายุยืนที่สุดในโลก ถ้าญาติโยมสังเกตจะเห็นว่าบุคคลที่อายุยืนที่สุดในโลกที่ได้รับการบันทึกลงในกินเนสบุ๊คออฟเรคคอร์ด เป็นผู้หญิงแทบทั้งนั้น เพราะฉะนั้นแก่ง่ายตายช้าถือเป็นคุณสมบัติ..! เหตุที่ผู้หญิงมักจะอายุยืนกว่าผู้ชายเพราะว่าธรรมชาติสร้างให้เป็นเช่นนั้น โดยเฉพาะว่าผู้หญิงต้องผจญภัยกับการคลอดบุตร ซึ่งถ้าหากว่าคลอดธรรมชาติก็เจ็บปวดจนปางตาย ดังนั้นผู้หญิงจึงทนต่อทุกขเวทนาได้มากกว่า ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ทำใจไว้เถอะ ถ้าเป็นรุ่นเดียวกันเราต้องอยู่ทนกว่า เหนียวโดยธรรมชาติ เพิ่มวัตถุมงคลดี ๆ เข้าไปอีกนิดก็ได้เรื่องเลย

เถรี 05-08-2014 13:34

แต่สถิติอายุยืนที่สุดในโลกที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฎกยังเป็นผู้ชายอยู่ คือพระพากุลเถระ อยู่จนอายุ ๑๕๐ ปีไม่เคยเจ็บ ไม่เคยป่วย แข็งแรงดีเป็นปกติ อยู่จนเบื่อก็เข้ากรรมฐานทิ้งร่างไปเลย ถ้าที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์จีนก็แพ้เหล่าโจ้ว อายุ ๘๐๐ ปี เบื่อเต็มทีเดินเข้าป่าหายไปเฉย ๆ ซึ่งคนจีนเขาเรียกว่าซิ่วเซียนหรือเซียนอายุวัฒนะ หนึ่งในสามเซียน ฮก ลก ซิ่ว ไหวไหม ? ๘๐๐ ปี อยู่กันจนข้ามราชวงศ์เลย ไม่ใช่ข้ามรัชกาล ข้ามรัชกาลนี่ยังถือว่าไม่เก่งจริง นี่ข้ามราชวงศ์เลย

ส่วนในบันทึกประวัติศาสตร์ที่มีหลักฐานค้นได้ของจีน บุคคลที่อายุยืนที่สุดก็ยังคงเป็นผู้ชาย คือ ลีชิงยุน อายุ ๒๕๖ ปี ขนาดอายุสองร้อยกว่าปียังเป็นครูสอนมวยจีนให้กับกองทัพจีนอยู่เลย ลีชิงยุนบอกว่าที่ตนเองอายุยืนเพราะว่าฝึกลมปราณและกินสมุนไพร เนื่องจากว่าตนเองมีความรู้ทางสมุนไพรใบยาด้วย ลีชิงยุนอายุ ๒๐๐ กว่าปีไม่รู้ว่าบรรดาลื้อของเขายังอยู่หรือเปล่า แต่ว่าลีชิงยุนมีฟันงอกใหม่ ๓ ชุด


ถาม : แต่การอยู่ด้วยบุญจะไม่รู้สึกว่านานหรือเปล่าคะ?
ตอบ : ไม่ใช่ไม่รู้สึกว่านาน นานเหมือนกัน แต่ว่าเรื่องของทุกขเวทนาอื่น ๆ จะมีน้อย ดูอย่างพระพากุละอายุ ๑๕๐ กว่าปีแล้ว ยังเหมือนคนหนุ่มอยู่เลย ส่วนลีชิงยุนอายุ ๒๐๐ กว่าปียังเป็นอาจารย์สอนมวยจีนให้กับกองทัพ หนุ่ม ๆ สู้แกไม่ได้สักคน จะว่าไปแล้วของเก่าก็ต้องมีปาณาติบาตน้อยด้วย ไม่อย่างนั้นอุปฆาตกรรมย่อมเกิดขึ้นบ้าง เจ็บไข้ได้ป่วยเศษกรรมจากปาณาติบาตบ้าง โดนเข้าไปมาก ๆ พลังชีวิตหมด ก็อยู่ไม่ได้นานขนาดนั้น

เถรี 05-08-2014 13:39

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลังเหรียญพุทธบารมีใส่ยันต์กันโรคระบาดไปด้วย ยันต์กันโรคระบาดจะเรียกว่ายันต์ก็ไม่ใช่ แต่ท่านเรียกว่ายันต์เสียนี่ ความจริงยันต์กันโรคระบาดเป็นอักขระ ๕ ตัวเท่านั้น คือ นะ ณา มะ อะ อุ เป็นของท่านท้าวเวสสุวรรณ ท่านท้าวเวสสุวรรณเป็นหัวหน้าคุมเทวดาซึ่งมีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับโรคระบาด

พวกเราคงสงสัยใช่ไหม ? เขามีโรคระบาดคนและโรคระบาดสัตว์ เทวดาสองชุดนี้ก็จะใส่ชุดเขียวกับชุดแดง พอถึงเวลาก็จะไปกำหนดเขตว่าจะให้ระบาดแค่ไหน พวกเราคงสงสัยว่าเทวดาเอาโรคมาให้เราไม่บาปแย่หรือ ? ไม่ใช่หรอก..เป็นหน้าที่ของท่าน ท่านรู้ว่าวาระกรรมของคนส่วนรวมที่ทำไว้มีเท่าไร ถึงเวลาท่านก็จะไปกำหนดเขตว่าจะระบาดจากตรงไหนถึงตรงไหน

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยเห็นเทวดาไปวัดที่กำหนดเขตกัน ก็ถามว่าทำไม ? ท่านบอกว่าจะเกิดอหิวาตกโรค พอถึงเวลาก็เกิดจริง ๆ แต่เดี๋ยวนี้เขาไม่กลัว
อหิวาต์กันแล้ว"

เถรี 05-08-2014 13:52

ถาม : เหรียญพุทธบารมีมีเนื้ออื่นที่ถูกกว่านี้ไหมครับ ?
ตอบ : ถูกกว่านี้ไม่มี มีแต่แพงกว่านี้ อาตมาทำเนื้อทองคำขนาด ๙ ซ.ม.ไป ๒ เหรียญ เฉพาะค่าทองคำหมดไปเหรียญละล้านสี่แสนกว่า ๆ มีใครสนใจทำก็ได้นะ ไม่ว่ากัน ขนาดเนื้อเงินยังตั้งครึ่ง ก.ก.กว่า เนื้อทองจะไม่ไปขนาด ก.ก.ได้อย่างไร มีข้อแนะนำว่าถึงเวลาใครมีเหรียญพุทธบารมีทองคำที่ใส่กล่องไม้ ก็ไปขอกล่องเขามา แล้วแกะเอาฝากล่องไปเลี่ยมแขวนคอแทน

เหรียญพุทธบารมีจริง ๆ ก็อักขระเลขยันต์ลายเดียวกับเสื้อยันต์เกราะเพชรพิชัยสงครามนั่นแหละ ฉะนั้น..ไปซื้อเสื้อยันต์ตัว ๔๕๐ บาทก็เหมือนกัน ความจริงเสื้อยันต์กันได้มากกว่านะ เพราะคลุมเกือบทั้งตัว เหรียญนี่ปิดได้นิดเดียว

เถรี 05-08-2014 14:03

ถาม : ถ้าฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยน เรามีวิธีเจริญกรรมฐานเพื่อปรับฮอร์โมนหรือปรับธาตุในร่างกายได้อย่างไรคะ ?
ตอบ : ถ้าคล่องในกสิณ ๑๐ ก็ทำได้

ถาม : ถ้ายังไม่คล่องละคะ ?
ตอบ : แต่ถ้าหากไม่คล่องก็รอไปก่อน

ถาม : น้องเขาฮอร์โมนเปลี่ยนไป ทำให้เส้นเอ็นอักเสบ ?
ตอบ : กินยาของหลวงพ่อวิชาประทัง ๆ ไปก่อน โรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดเกิดจากเศษกรรมปาณาติบาต โดยเฉพาะสมัยของเราต้องบอกว่า ส่วนใหญ่คงจะสร้างกรรมปาณาติบาตกันมามาก ก็เลยมาเกิดในยุคสมัยที่โรคภัยไข้เจ็บมากเป็นพิเศษ สมัยก่อนนี้ชาวบ้านเขาไม่ค่อยรู้จักหรอกคำว่ามะเร็ง มายุคของพวกเราอาหารสารพัดสารเพมีแต่สารพิษ

เถรี 05-08-2014 14:07

เมื่อเดือนก่อน ประมาณต้นเดือนกรกฎาคม พระไทยไปเที่ยวเวียดนาม ๕ รูปรอดกลับมา ๑ รูปเท่านั้น เป็นพระจากกาญจนบุรี - ราชบุรี ๕ รูป พาญาติโยม ๒๐๐ คนไปเที่ยวเวียดนาม ไปพักโรงแรมแล้วอาหารเช้าเขาบวกไว้ในค่าโรงแรม ญาติโยมเห็นว่าอาหารบุฟเฟ่ต์ไม่น่าจะอร่อย เรามาตั้ง ๒๐๐ คน แค่พระ ๕ รูปเท่านั้นทำไมจะเลี้ยงไม่ได้ ก็เลยสั่งอาหารอย่างดีของโรงแรมให้

ปรากฏว่าพระฉันเข้าไปแล้วอาเจียนเป็นเลือด หามเข้าโรงพยาบาล มรณภาพไป ๔ รูป อีกรูปหนึ่งป่านนี้ฟื้นหรือยังไม่รู้ เป็นพระจากกาญจนบุรีด้วย พระจากราชบุรีมรณภาพหมด แสดงว่าพระเมืองกาญจน์ฯ เหนียวกว่า

หมอที่โรงพยาบาลผ่าศพตรวจสอบแล้ว เจอฟอร์มาลีนอยู่ในกระเพาะอาหารเยอะมาก ถึงได้รู้ว่าเป็นเพราะปลาดิบที่ฉันเข้าไปนั่นแหละ ซึ่งปกติแล้วพระพุทธเจ้าห้ามพระฉันอาหารดิบ ญาติโยมอาจจะไม่รู้ พระรู้แต่คงอยากฉัน รูปที่รอดมาได้นั้นท่านฉันไป ๒ คำเท่านั้น ทางโรงแรมขอไกล่เกลี่ยจ่ายเงินให้ศพละ ๑ ล้านบาท เพราะไม่อย่างนั้นต้องฟ้องร้องกันนาน อย่าลืมว่า ๑ ล้านบาทของเรานี่ เป็นพันล้านของเขานะ

พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ โลกเราจะพินาศด้วยเหตุหลายประการ ถ้าเป็นยุคที่พินาศด้วยอาวุธ เรียกว่าสันตถันตรกัป ถ้าพินาศด้วยโรคภัยเรียกว่าโรคันตรกัป ยุคของเรานี่โดน ๒ อย่างพร้อมกันดีไหม ? อาวุธก็ดีเหลือเกิน ถ้ายุคที่ตายด้วยความอดอยากเรียกว่าทุพภิกขันตรกัป โลกเรายุคนี้มีครบทุกอย่างเลย ทางด้านแอฟริกาจะอดตายกัน ส่วนบ้านเราจะอ้วนตายกัน

ปัจจุบันนี้โรคอ้วนเป็นโรคที่น่ากลัวมาก เพราะว่าพาโรคอื่น ๆ ตามมาอีกเยอะ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ไขมันอุดตัน ข้อเข่าเสื่อม สารพัด พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า โลกเรามีกัปข้างเจริญกับกัปข้างเสื่อม ยุคของเรานี่ถือว่าอยู่ในข้างเสื่อม และจวนจะสิ้นสุดการเสื่อมอยู่แล้ว แปลว่าใกล้จะถึงระดับเสื่อมที่สุด

เถรี 05-08-2014 14:11

พระอาจารย์กล่าวถึงบาตรที่โยมนำมาถวายว่า "ไปถึงวัดบอกแม่ชีให้แยกออกมาเลยนะ เพราะว่าจะแจกพระเก่าก่อน แล้วก็เอาบาตรพระเก่านั่นแหละไปให้พระใหม่ที่บวช รู้สึกว่าเป็นการเอาเปรียบพระใหม่นะ แต่พระพุทธเจ้าสั่งว่า ได้ของอะไรมาให้แจกไล่กันไปตามลำดับพรรษา ก็ต้องตามที่ท่านว่า ใครใส่จีวรเก่าก็เอาของเก่าไปให้ท่านที่เก่ากว่า ท่านที่เก่ากว่าก็ไปให้ท่านที่เก่าที่สุด ไล่กันไปเรื่อย ๆ"

เถรี 06-08-2014 13:38

ถาม : เปลี่ยนชื่อมาสามรอบแล้วยังเป็นหนี้สินเยอะแยะ ?
ตอบ : ไม่ได้เกี่ยวกัน ต้องเปลี่ยนความประพฤติ ถ้าเปลี่ยนชื่อแล้วยังใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอยู่ ก็เป็นหนี้ทั้งชาตินั่นแหละ อาตมาบอกเป็นร้อยครั้งแล้วว่าเปลี่ยนชื่อไม่มีประโยชน์หรอก ต้องเปลี่ยนความประพฤติตัวเองถึงจะดีขึ้น

ถาม : เปลี่ยนดีไหมคะ ?
ตอบ : เปลี่ยนไปเถอะกี่ร้อยกี่พันชื่อ ถ้าสันดานเหมือนเดิม ความประพฤติเหมือนเดิมก็แค่นั้นแหละ..!

เถรี 06-08-2014 13:52

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้ที่ลงมาช้าไปเกือบ ๒๐ นาที เพราะมัวแต่ไปลงกองทุนรักษาพยาบาลอยู่ การสรุปกองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณร อาตมาจะมีสีคาดอยู่ว่าอย่างไหนยังไม่ได้ลงบัญชี อันไหนลงบัญชีแล้วแต่ยังไม่ได้สรุปยอดรวม ปรากฏว่านายบัญชีของอาตมาดันไปคาดสีเดียวกันหมด ก็หน้ามืดสิ

ญาติโยมหลายคนก็คงจะกลัวว่าอาตมายุ่งไม่พอ ก็เลยทำบุญมาเป็นเศษสตางค์ อาตมาเพิ่มไปให้ ๕-๖ ทุนแล้ว เพิ่มเป็นยอดเต็มไป เพราะฉะนั้น..คราวหน้าถ้าหากใครทำบุญได้โปรดเถอะ ประเภท ๕๐๖ บาท ถ้า ๕๐๐ บาทไม่ได้จริง ๆ ก็ ๑๐๐ บาทก็พอ อีก ๔๐๖ บาทเก็บไว้ก่อน เพราะว่ามีเศษเยอะเท่าไรก็ทำบัญชียากเท่านั้น

แต่ว่าหลายท่านก็ดีเหลือเกิน ทำกันสม่ำเสมอเท่ากันทุกเดือน อย่างนั้นไม่ต้องเสียเวลาดูเลย สามารถลงได้เลย แต่ในขณะเดียวกันบางคนก็ละเอียดถึงขนาดทำวันที่เดียวกันทุกเดือน มีอยู่รายหนึ่งทำทุกวันที่ ๒๕ แสดงว่าสภาพจิตจดจ่ออยู่กับทานบารมีตลอดเวลา เป็นจาคานุสติด้วย เป็นทานบารมีด้วย ส่วนบางท่านก็เปิดบัญชีแล้วทิ้งเลย ๕-๖ ปีไม่มีการเคลื่อนไหว ถ้าเป็นธนาคารก็เจอค่าฝากอาน
ไปแล้ว"

เถรี 06-08-2014 13:54

ถาม : ที่ผ่านมาหนูปฏิบัติ และหาคำตอบ จนมาเจอคำสอนหลวงพ่อฤๅษีกับท่านอาจารย์ ก็ทำตามมาจนถึงปัจจุบัน อยากทราบว่าตอนนี้หนูเข้าถึงความเป็นอนาคามีหรือยังคะ ?
ตอบ : พระอนาคามีอันดับแรกเลยต้องทรงฌาน ๔ คล่องตัว เพราะถ้าไม่ได้กำลังฌาน ๔ คล่องตัวจะไม่สามารถตัดราคะกับโทสะได้ ถ้าหากว่าฌาน ๔ คล่องตัวแล้ว บางทีก็ยังเป็นปุถุชนธรรมดาอยู่ เพียงแต่ว่าสมาธิดำเนินต่อเนื่องกันตลอด ราคะ โลภะ โทสะ จึงไม่เกิด

ดังนั้น..สิ่งที่ดีที่สุดก็คือว่า กติกามีอย่างไรเราทำของเราต่อไปเรื่อย ๆ ส่วนจะได้หรือไม่ได้อย่างไรนั่นถือเป็นของแถมไปก็แล้วกัน ถ้าได้เดี๋ยวพระท่านก็เสด็จมาบอกเอง แล้วก็โปรดระมัดระวังด้วย เขามีการทำนาย มีการหลอก มีการต้มกันมาเยอะต่อเยอะแล้ว


เถรี 06-08-2014 14:08

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้ที่อาตมาเป็นหวัดเพราะว่าไปตากฝนจับปลามา ที่วัดมีสระน้ำอยู่แล้วปลาแออัดยัดเยียดมาก จึงช่วยกันจับไปปล่อยลงแม่น้ำหลังวัด ฝนก็ช่วยซ้ำ ตกมาเช้ายันค่ำ ค่ำยันเช้า ทั้งเปียกข้างล่าง ทั้งเปียกข้างบน ไม่มีเหลือเลย ปลาที่ไปปล่อยที่แม่น้ำ ที่เป็นห่วงที่สุดก็คือพวกปลาคาร์ฟ เพราะสีสดใสมากเลย ปลาคาร์ฟสีแดงนี่แดงแปร๊ดเลย พอไปอยู่ในน้ำใส ๆ มองเห็นแต่ไกล อาจจะโดนฉมวกชาวบ้านตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ละตัวก็ใหญ่ ๆ น่ากินทั้งนั้น

ในสระมีปลาคาร์ฟ มีปลาแรด ปลาแรดนี่ใส่จานไม่ได้ ต้องใส่ถาด ตัวใหญ่จัด มีปลาจาระเม็ดน้ำจืดหรือปลาเปคู เปคูนี่ใหญ่กว่าปลาแรดเป็นเท่าเลย นั่นคงต้องใส่กาละมัง มีปลานิล ปลาทับทิม ปลากระแห แล้วก็ลูกครึ่งปลาทับทิมกับปลานิล ตัวไหนที่ดำเยอะก็เป็นนิลทับทิม ตัวไหนแดงเยอะก็เป็นทับทิมนิล ผสมข้ามพันธุ์กันท่าไหนก็ไม่รู้ แล้วก็มีปลาดุกอุยผสมปลาดุกรัสเซีย ที่เขาเรียกบิ๊กอุย ปีก่อนโน้นโดนคลอรีนแรงไปหน่อย ตายไปเป็นตัน ๆ เลย

พอปลาโดนปล่อยลงแม่น้ำใหม่ ๆ ยังไม่เคยชินสถานที่ ก็ว่ายเลาะ ๆ ตรงชายขอบ ชาวบ้านเขาเอาไปกินเสีย ๒-๓ กระสอบ พระเขาก็โกรธ อาตมาบอกว่าจะไปโกรธเขาทำไม คนเขาจะลงนรก เราเองไปโกรธเขา ก็เท่ากับเราโดดลงนรกไปด้วย เราปล่อยเขาไปแล้ว ส่วนเขาเป็นอย่างไรก็ต้องแล้วแต่เวรแต่กรรม "




https://www.facebook.com/permalink.p...00002998846639

เถรี 06-08-2014 14:12

ถาม : อย่างวัตถุมงคลที่พระท่านพุทธาภิเษก มีทางที่จะเสื่อมอานุภาพไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มี...ยกเว้นว่าเราเสื่อมศรัทธาเอง

เถรี 06-08-2014 14:18

ถาม : การเป็นพระอนาคามีควรเน้นการปฏิบัติตรงไหนคะ ?
ตอบ : ตั้งใจละสังโยชน์ ๕ ให้ได้ก่อน ไปเปิดตำราดูเลยว่ามีอะไรบ้าง แล้วหลังจากนั้นค่อยมาตัดสังโยชน์ข้อสุดท้าย

ถาม : เปิดอ่านและฟังอยู่ ?
ตอบ : ทำก็คือทำ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรคอยดูกันต่อไประยะยาว ๆ จำไว้ว่าถ้าก้าวถึงความเป็นพระอนาคามี ส่วนใหญ่จะอยู่บ้านไม่ได้ บ้านไม่ใช่สถานที่สำหรับเราแล้ว

เถรี 06-08-2014 14:24

ถาม : มีเด็กที่โรงเรียนทำข้อสอบ ให้นั่งสอบกับพื้น เขาก็นั่งสมาธิสวดมนต์ เพื่อน ๆ เขาก็ว่า เด็กเขาก็ทำอย่างนี้ทุกครั้ง คนเดินไปเดินมาเขาก็ดู เขาจะนั่งสมาธิ สวดอิติปิ โสฯ แผ่เมตตา ก่อนทำข้อสอบ ?
ตอบ : คนที่ทำอย่างนั้นได้กำลังใจต้องดีมาก ไม่หวั่นไหวกับคำพูดของคนอื่น บุคคลที่มีสิทธิ์จะบรรลุธรรมต้องเป็นอย่างนั้น เขาทำถูกแล้ว ถ้าเราห้ามจะกลายเป็นโทษของเรา

ถาม : ปล่อยเขาไปเลย ?
ตอบ : ปล่อยเขาเลยจ้ะ

ถาม : ว่าจะแนะนำคาถาท่านปู่พระอินทร์ให้เขาค่ะ
ตอบ : ถ้าได้ไปนี่จะกลายเป็นเสือติดปีกเลย เพราะว่าศรัทธาเขามีมากอยู่แล้ว

เถรี 06-08-2014 14:28

นักปฏิบัติจริง ๆ ต้องไม่แคร์สื่อ ถ้ามัวแต่ฟังคำชาวบ้านก็ไม่ต้องทำมาหากินอะไร ใครจะว่าบ้า เราก็บ้าไปกับเขา นี่ยังดี สมัยหลวงพ่อฤๅษีฯ มีคุณยายท่านหนึ่ง มาจากทางชายแดนตาพระยา ไม่แน่ใจว่าทั้งหมู่บ้านหรือทั้งตำบลมีท่านปฏิบัติธรรมอยู่คนเดียว แล้วคนทั้งหมดเขาว่าคุณยายท่านบ้า คุณยายคนนี้ก็มาถามหลวงพ่อฤๅษีฯ ที่บ้านสายลม มาถึงแต่เช้ามืดเลย นั่งรถมา ๒ วัน สมัยนั้นเดินทางจากตาพระยามากรุงเทพฯ ไม่ใช่เรื่องง่ายนะจ๊ะ เพราะว่าถนนสายใหม่ที่ออกทางจันทบุรี - สระแก้วยังไม่มี ต้องวิ่งไปนครนายกเข้าปราจีนบุรี กว่าจะถึงตาพระยาต้องหยุดกินข้าวกลางวันกลางทาง

อาตมาเองสมัยนั้นประจำการอยู่ที่นั่น ก็ต้องไปแวะกินข้าวที่ปราจีนบุรีก่อน แล้วค่อยเดินทางต่อ นั่งรถมาเป็นวัน แล้วก็ไม่รู้คุณยายออกจากหมู่บ้านมาอย่างไร บอกว่ากว่าจะมาถึงนี่ ๒ วัน มาเพื่อจะถามปัญหากับหลวงพ่อฤๅษีฯ ว่าสิ่งที่คุณยายทำนั้นบ้าหรือเปล่า ? หลวงพ่อฤๅษีฯ ก็บอกว่า "ยายปกติดี แต่พวกนั้นทั้งหมู่บ้านน่ะบ้า" คุณยายนุ่งขาวห่มขาว ถือศีลเข้าวัดสวดมนต์ ทุกคนก็หาว่าคุณยายบ้า

แต่ว่าคุณยายใช้ภาษาส่วยปนเขมรปนไทย ฟังยากอย่าบอกใครเลย พอดีว่าอาตมาเคยไปอยู่ชายแดนเขมรมาปีกว่า จึงพอฟังรู้เรื่อง พอคุณยายพูดมาทั้งบ้านสายลมมึนหมด หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกว่า “เฮ้ย...ใครฟังออก ช่วยเป็นล่ามให้หน่อย” อาตมาก็บอกว่า "ผมพอได้ครับ" แล้วก็แปลให้ท่านฟัง ปรากฏว่าเพิ่งจะรู้ว่าจริง ๆ หลวงพ่อท่านฟังออก แล้วท่านเข้าใจด้วย เพียงแต่ว่า ท่านก็เกรงว่าถ้าไปรู้ทุกเรื่อง เดี๋ยวจะลำบากกันทีหลัง ท่านก็เลยหาคนแปล ที่รู้ว่าท่านฟังออกเพราะว่าพอแปล ๆ ไปแล้วอาตมาเหนื่อยก็หยุด คุณยายก็ถามต่อ แล้วหลวงพ่อตอบตรงคำถามเป๊ะ ถ้าคนฟังไม่รู้เรื่องจะตอบได้อย่างไร

สรุปว่าคนที่จะเอาจริงเอาจังในการปฏิบัติต้องไม่แคร์สื่อ ว่าอย่างนั้นเถอะ

เถรี 06-08-2014 14:30

ส่วนลูกศิษย์ของคุณอารีรัตน์เมื่อครู่นี้ นั่นเขาไม่แคร์สื่อหนักว่านี้อีก เรียนอยู่ชั้น ม. ๕ พอถึงเวลาครูออกข้อสอบอัตนัย ต้องเขียนอธิบายกันยาว เพื่อน ๆ ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำ ส่วนเขาก็นั่งกราบพระกับพื้น สวดมนต์เสียนานเลยแล้วค่อยทำ ไม่แคร์สื่อจริง ๆ

เราลองไปนึกถึงเด็ก ๆ อยู่ชั้น ม. ๕ พอถึงเวลาคนอื่นทำข้อสอบ ก็นั่งกราบพระสวดมนต์ไปเรื่อย ไม่สนใจว่าเพื่อนจะมองอย่างไร สวดมนต์เสร็จค่อยทำข้อสอบ อย่างนั้นจริง ๆ แสดงว่าเขาตั้งใจทำสมาธิก่อน ต้องเป็นคนที่เห็นประโยชน์จริง ๆ ว่าสมาธิช่วยได้ เขาถึงได้ทำ

บุคคลที่เห็นประโยชน์ในการปฏิบัติธรรม รู้ว่าสิ่งนี้ดีเขาก็ทำ จะไม่อายใคร แต่พอไปอีกระยะหนึ่งก็จะอยู่ในลักษณะที่ว่าปัญญาเริ่มมาก ก็รู้ว่าถ้าทำอย่างนี้บางคนจะมีโทษ เพราะตามที่เขาโดนมาก็คือ เพื่อนทั้งห้องทั้งโรงเรียนว่าเขาบ้า ฉะนั้น..คนที่ไปว่าผู้ปฏิบัติธรรมบ้า ชาติต่อไปก็มีหวังได้บ้า ๆ บอ ๆ กันบ้าง ถ้ารู้โทษแล้วเดี๋ยวต่อไปก็จะพยายามปิดบังตัวเอง จะเนียนขึ้น ตอนนี้ยังไม่แคร์สื่อ ใส่เต็มที่ไปก่อน

เถรี 08-08-2014 09:29

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยอาตมายังวัยรุ่น คนโน้นก็หัดกินเหล้า คนนี้ก็หัดสูบบุหรี่ บางคนก้าวหน้าหน่อยก็สูบเฮโรอีนไปเลย สมัยก่อนเขาไม่เรียกเฮโรอีนนะ เขาเรียกว่า "ไอระเหย" ถึงเวลาเผาแล้วก็สูดควันเข้าไป สมัยนี้เรียกง่าย ๆ ว่า "ผงขาว" เพื่อนบางคนก็มาชวน แต่อาตมาไม่ได้ไปกับเขา เพื่อนก็ด่าเอา อาตมานึกขำ “ข้ารู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี ไม่ต้องเสียเวลาไปทดลองหรอก ถ้าผู้ใหญ่เขาห้ามแปลว่าไม่ดีแน่ ๆ”

ส่วนใหญ่เด็กสมัยนี้เขาชอบลอง ขาดศรัทธาคือความเชื่อในตัวของพ่อแม่หรือครูบาอาจารย์ ในเมื่อขาดตรงจุดนั้น พ่อแม่ครูบาอาจารย์บอกอะไรก็เลยไม่ฟัง ในเมื่อไม่ฟัง บอกว่าสิ่งไหนไม่ดีเขาก็จะทำ ในเมื่อทำแล้วเกิดโทษมากกว่าประโยชน์ ก็ไม่รู้จะไปโทษใครได้"

เถรี 08-08-2014 09:30

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้การก่อสร้างศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย ตัวเลขหลุดไป ๒๙ ล้านกว่าบาทแล้ว วันก่อนช่างเขามาขอเบิกค่าแรงในการทำโครงสร้างชั้นที่ ๑ กับชั้นที่ ๒ ไป ๕,๗๖๐,๐๐๐ บาท ค่าแรงทำโครงสร้างอย่างเดียว ไม่ต้องแปลกใจ ตัวเลขยังไหลไปอีกเยอะ เมื่อตอนที่ออกแบบใหม่ ๆ ประมาณปี ๒๕๕๔ ช่างเขาประเมินราคาไว้ที่ ๔๐ ล้านบาท แล้วมาทำปี ๒๕๕๖ ตอนนี้ปี ๒๕๕๗ แล้ว เพราะฉะนั้น..ยังไปอีกเยอะ"

เถรี 08-08-2014 09:31

พระอาจารย์เล่าว่า "คนจีนเขาเชื่อว่าพระสังกัจจายน์เป็นพระมหาลาภ ส่วนคนไทยถือพระสีวลีตามพระไตรปิฎก แต่ว่าพระมหากัจจายนะท่านก็เข้านิโรธสมาบัติเป็นปกติ ใครมีโอกาสทำบุญกับท่านก็รวยอยู่แล้ว พระสีวลีเป็นเจ้าชาย เป็นลูกของนางสุปปวาสาของโกลิยวงศ์

โกลิยะวงศ์ก็คือตระกูลทางฝั่งแม่ของพระพุทธเจ้า ก็ต้องนับว่าเป็นญาติ ๆ กัน ส่วนพระมหากัจจายนะเป็นมหาอำมาตย์ของพระเจ้าจัณฑปัชโชติ กรุงอุชเชนี แคว้นอวันตี สมัยนั้นแคว้นอวันตีก็ถือเป็นประเทศชายขอบ ถ้านับอย่างของเราก็คงประมาณบุรีรัมย์หรือสุรินทร์ไปโน่น"

เถรี 08-08-2014 09:33

พระอาจารย์กล่าวว่า "วัตถุมงคลบางอย่างอาตมาทำจำนวนน้อย อย่างรูปหล่อหลวงปู่สายขนาด ๙ นิ้ว ทำแค่ ๓๐๐ องค์ เดี๋ยวคอยดู..พวกท่าขนุนจะบ่นอีก ตัดสินใจก็ช้า ทำอะไรก็ช้า ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นลูกศิษย์หลวงปู่สายมาได้อย่างไร กว่าจะขยับตัวคนอื่นกวาดไปหมดแล้ว แล้วก็มาบ่นว่าอยู่ที่นี่แท้ ๆ แต่ไม่ได้อะไรเลย ทุกครั้งจะเป็นอย่างนั้น

หลวงปู่สายท่านเป็นพระที่เด็ดขาด ทำอะไรค่อนข้างตรงไปตรงมาและรวดเร็ว แต่ว่าลูกศิษย์ของท่านแต่ละคนยืดยาดอืดอาด เพราะฉะนั้น..มีอยู่ช่วงหนึ่งที่หลวงปู่ท่านคงรำคาญ ท่านหนีออกธุดงค์ไปเกือบ ๗ ปี ทั้ง ๆ ที่เป็นเจ้าคณะอำเภอแล้วนะ หนีไปเกือบ ๗ ปีกว่าเขาจะไปตามกลับมาได้ อ้อนวอนกันแล้วอ้อนวอนกันอีก ไม่รู้ว่ารับปากกันอีท่าไหนท่านถึงยอมกลับมา แล้วทุกอย่างก็เหมือนเดิม อาตมาก็ขี้เกียจไปฟื้นฝอยหาตะเข็บ เดี๋ยวคนอื่นเขาจะอับอายขายหน้ากัน"

เถรี 08-08-2014 12:26

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตะกรุดกระดูกห่านเป็นตำราหลวงพ่อหรุ่น วัดอัมพวัน ต้นตำรับยันต์ ๙ ยอด ในเมื่อเหนียวนักเขาก็เล่นด้วยยาพิษ หลวงพ่อหรุ่นมีตำราแก้ยาพิษ โดยใช้กระดูกห่านขาวมาลงอักขระ นะโมพุทธายะ ๕ ตัวแก้พิษได้

ช่วงที่อาตมาอยู่วัดท่าซุงแล้วทำตะกรุดกระดูกห่านขาว บอกโยมที่เขาอยู่ใกล้ ๆ ร้านขายห่านพะโล้ ให้สั่งเจ้าของร้านเขาไว้ว่า ถ้ามีห่านขาวเข้ามาให้เก็บไว้ให้ด้วย เพราะว่าร้านเขาวัน ๆ หนึ่งเข้ามาเกือบร้อยตัวเห็นจะได้กระมัง ?

พอทำตะกรุดกระดูกห่านไปได้ระยะหนึ่ง พกติดตัวไว้ ออกธุดงค์สบายใจเฉิบ ไม่ต้องกลัวเลย ปรากฏว่าหลวงน้ามีชัยบอกว่า “ท่านเล็ก ผมว่าท่านจะต้องตายเพราะยาพิษแน่เลย” ถามว่าทำไม ? “ก็พระทั้งวัดไม่เห็นหลวงพ่อฤๅษีฯ ถ่ายทอดวิชานี้ให้ใคร มีแต่ให้ท่านคนเดียว” “นี่หลวงน้าแช่งผมนี่หว่า.!”

เถรี 08-08-2014 13:15

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อ ๑๐ ปีก่อนเห็นจะได้กระมัง ? ที่นิคมสหกรณ์ทองผาภูมิ มีผีที่เขาเรียกว่า "ผีโพลง" ไปกินกบ ชาวบ้านเขาเลี้ยงกบเป็นบ่อ ไอ้เจ้านี่มาถึงลงไปกินกบเขาแล้วก็กลับ ไม่รู้ลงไปได้อย่างไร เพราะว่าเขาเอาสแลนขึงปากบ่อไว้ ถึงเวลาผีลอยมาเป็นดวงไฟ ลงไปในบ่อ เขาส่องไฟดู ก็เห็นเป็นตัวนั่งยอง ๆ กินกบอยู่ พอกินอิ่มแล้วก็กลายเป็นดวงไฟลอยกลับไป

คราวนี้พอไปบอกตำรวจ ตำรวจเขาก็หาว่าอุปาทาน ไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านก็บอกว่ากูไม่มีเวลาไปเฝ้าหรอก ท้ายสุดไม่รู้เจ้าของเขาทำอย่างไร ไปตามหัวหน้าคนงานที่หน่วยจัดการต้นน้ำ อาตมาก็ช่วยเขา ให้วัตถุมงคลไปเท่าไร แกพกไปหมด ปรากฏว่าไปเฝ้าเท่าไรผีก็ไม่มา ท้ายสุดเจ้าของบ่อก็เลยยืมเอาไปใช้ ตั้งแต่นั้นมาผีก็ไม่มากินกบ ไม่อย่างนั้นโดนกินจนหมดบ่อ ขาดทุนตายชัก

เพราะฉะนั้น..ถ้าเป็นเรื่องผีสาง ไสยศาสตร์ วัตถุมงคลของอาตมากันได้แน่นอน ไปนึกขำว่าผีลงไปได้อย่างไร คือผีโพลงนี่ลักษณะมาเป็นดวงไฟ แต่พอจะกินอะไร ก็กลับเป็นตัว ๆ เหมือนกับเรานี่แหละ น่าจะเป็นพวกอสุรกาย แต่คราวนี้เจ้าของบ่อจะยิงด้วยปืนก็กลัวกบตาย กลัวบ่อพัง ถึงเวลารอให้ผีกลับขึ้นมาก็เอาดาบไปไล่ฟัน อย่างนั้นเมื่อไรจะได้กิน เพราะผีไปเร็วกว่า ท้ายสุดไม่รู้จะแก้อย่างไร

ยังขำนายช่วย เจ้าของบ่อกบถามนายช่วยว่า “มึงไปได้ของขลังมาจากไหน ?” “อาจารย์ที่ต้นน้ำให้กูมา” “แล้วกูไปขอบ้างจะได้ไหม ?” “อาจารย์เขาย้ายวัดไปแล้ว” เขาไม่บอกว่าย้ายไปแค่วัดท่าขนุน พอดีช่วงนั้นอาตมาไปช่วยท่านอาจารย์สมพงษ์บูรณะวัดท่าขนุน"

เถรี 08-08-2014 14:17

พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้ฝนทองผาภูมิรังแกพระเป็นพิเศษ จะตกเฉพาะตอนบิณฑบาตทุกวัน จะมากจะน้อยก็ต้องเปียก เมื่อวันพุธเห็นว่าฟ้าก็โล่ง ๆ ดี ก็คิดว่าวันนี้โชคดีไม่เปียก ปรากฏว่าเดินไปถึงหน้าโรงเรียนทองผาภูมิวิทยาฝนก็ตก จนกระทั่งไปถึงหน้ากองร้อย ตชด. เปียกทั่วถึงดีแล้วก็หยุด เจตนาทดสอบกำลังใจ แสดงว่าพระใหม่รุ่นนี้ต้องมีพวกบารมีสูงเข้ามาบวช อยากรู้ว่าจะอึดสักแค่ไหน เพราะฉะนั้น..ใครที่ว่าบวชแล้วสบาย ไปบวชที่วัดท่าขนุนนะ อย่างน้อยได้อาบน้ำทุกเช้า เทวดาช่วยอาบให้ด้วย"

เถรี 08-08-2014 14:18

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนสิงหาคมทางวัดมี ๒ งาน มีงานทำบุญวันแม่ ถ้ารวมปฏิบัติธรรมด้วยก็เริ่มตั้งแต่วันที่ ๙ ถ้าใครเวลาไม่พอก็ไปเฉพาะวันที่ ๑๒ ส่วนวันที่ ๓๐ สิงหาคม เป็นวันพุทธาภิเษกรูปหล่อหลวงปู่สายรุ่น ๑๐๐ ปี ไม่มีความจำเป็นไม่ต้องไปก็ได้ สงสัยเหมือนกันว่าจะห้ามอยู่ไหม บอกว่าไม่ต้องไปทีไร เห็นตะกายกันไปเยอะแยะทุกที"

เถรี 08-08-2014 15:17

"หลวงปู่ครูบาบุญยังท่านโทรศัพท์มาจากวัดห้วยน้ำอุ่น บอกว่างานวันแม่ไปไม่ได้ เพราะว่าคนจะเอาผ้าป่ามาถวายวันแม่ แหม..วันอื่นตั้งเยอะตั้งแยะ จำเพาะต้องมาแย่งกับอาตมา ก็เป็นอันว่าหลวงปู่ไปไม่ได้ ๑ รูป

ครูบาอริยชาติท่านเป็นคนบอกให้นิมนต์เองแท้ ๆ ก็บอกไปไม่ได้ "ปีหน้าไม่ต้องหวังเลยนะ ผมจะไม่นิมนต์แล้ว" ว่าอย่างนั้น คือเป็นคนบอกกับท่านเอง ว่าวัดท่านมีงานทุกปี โดยเฉพาะเรื่องของงานวันแม่ เพราะฉะนั้น..จะไม่นิมนต์แล้วนะ ถ้ามีโอกาสจะนิมนต์งานอื่น ปรากฏปีนี้ครูบาอริยชาติให้เลขานุการโทรศัพท์มาบอกให้นิมนต์หน่อย อยากจะหนีงานซ้ำ ๆ ซาก ๆ ทางด้านโน้น ปรากฏว่าส่งฎีกาไปแล้ว ท่านก็โดนล็อกคอ มาไม่ได้อยู่ดี แจ้งมาแล้วว่ามาไม่ได้ ก็เลยบอกท่านไปว่าปีหน้าไม่นิมนต์แล้วนะ หาทางมาเองแล้วกัน"

เถรี 08-08-2014 15:18

"ความจริงอย่างหลวงพ่อชลอ หลวงตาวัชรชัย หลวงพ่อวิรัช หรือว่าพระครูองอาจของเรา อยากจะนิมนต์ท่าน แต่ว่าทุกคนมีงานหมด โดยเฉพาะแต่ละวัดเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด ซึ่งเขาบังคับว่า วันเฉลิมพระชนมพรรษาของทั้ง ๒ พระองค์ ต้องจัดงานถวาย ดังนั้นท่านก็มาไม่ได้ อาตมาก็ขี้เกียจเสียเงินอีก ๓๒ บาทลงทะเบียนฎีกานิมนต์ ก็เลยไม่ต้องหรอก

โดยเฉพาะปีนี้ของกาญจนบุรี ทางสำนักพุทธฯ ขอมาจัดงานปฏิบัติธรรมร่วมกับทางวัดท่าขนุน แต่การขอมาจัดงานปฏิบัติธรรมร่วมกับทางวัด ก็คือวัดจงจัดเสียดี ๆ เขาจะมาแขวนป้ายเท่านั้นแหละ พูดง่าย ๆ ว่าเป็นงานของเขา โดยที่เขาไม่ต้องเสียงบประมาณแม้แต่บาทเดียว ได้ยินว่าจะเอาผู้ว่าฯ มาเปิดด้วย ถ้าผู้ว่าฯ มาเปิดก็โน่นเลย สาย ๆ ค่อยมาเปิด เพราะว่าวันเริ่มงานของเราเป็นวันพระ มีทำบุญมีเทศน์"

เถรี 09-08-2014 14:17

ถาม : สร้างเทวดาจะมีกำลัง ?
ตอบ : นั่นเป็นความเชื่อถือของพราหมณ์เขา อย่างเขาเชื่อว่าพระอาทิตย์สร้างขึ้นมาจากราชสีห์ ๖ ตัว ก็มีกำลังเท่ากับ ๖ เพราะฉะนั้น..เทวดาประจำวันแต่ละองค์จึงมีกำลังไม่เท่ากัน ความเชื่อของเขาไม่ใช่เรื่องปกติ เทวดาไม่ต้องไปเสียเวลาสร้างหรอก ถ้าทำความดีพอ ก็เกิดเป็นเทวดาเอง สร้างเทวดาได้จะสร้างคนทำไม ? ก็สร้างแต่เทวดาจะได้ไม่ยุ่ง

เถรี 10-08-2014 14:56

ถาม : ท่านอาจารย์ รศ.ดร. สมพร แสงชัย ตั้งข้อสังเกตว่า "มวยจามดั้งเดิมเก่าแก่กว่ามวยไชยา"
ตอบ : ถ้าเราดูตามประวัติตั้งแต่ยุคพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ กองทัพจามต้องบอกว่าเกรียงไกรมากเลย ถ้าครั้งนั้นทางด้านพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ แพ้นี่ รับประกันได้ว่าอาณาจักรขอมไม่เหลือแน่ เดี๋ยวอย่างไรลูกศิษย์ที่เขาสนใจมีหลายคน จะให้เขาศึกษาต่อหรืออาจจะไปครอบครูกับท่านอาจารย์เลยนะ เพราะว่าตอนนี้เขากำลังเรียนมวยไชยาอยู่ แต่กลายเป็นว่าเรื่องการที่จะฝึกปรือเพื่อจะให้เก่งจริง ๆ นั้นไม่มี กลายเป็นต้องไปโชว์อยู่ตลอด ก็ยังบอกกับเขาอยู่ว่า ถ้ามัวไปโชว์อยู่อย่างนั้นก็ไม่ค่อยจะได้อะไร

ถาม : มวยไชยาก็มีตั้งสามสี่สาย
ตอบ : ก็เพราะอย่างนั้นแหละ จึงเหมือนกับแย่งกันหากินแล้ว

ถาม : ถ้าถามผม ผมว่าของครูแปลงใกล้เคียงกว่า
ตอบ : พอหลุดจากรุ่นของท่านอาจารย์กิมเส็งกับครูเขตร์มา คนอื่นก็เบาลงไปเรื่อย ๆ เหมือนกับเข้าไม่ถึงจริง ๆ

เถรี 10-08-2014 15:16

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครไปไหว้พระพุทธเจ้าที่เขมรหรือยัง ? โดยเฉพาะไอ้คุณเต้ย ผมว่าหน้าตาเหมือนคุณว่ะ..! พอดูแล้วรู้สึกสลดใจ สลดใจตรงที่ว่า ชาวบ้านเขาเชื่อง่ายยังไม่ว่า พระเองดันไปกราบไปไหว้ฆราวาสด้วย เพราะเชื่อว่าเขาเป็นพระพุทธเจ้ามาเกิด อาตมาก็สงสัยว่าบรรดาพระภิกษุสามเณรของทางด้านกัมพูชา เขาศึกษาพระไตรปิฎกกันอย่างไร พระพุทธเจ้าถึงเกิดใหม่ได้

ต้องบอกว่าบรรดากบฏ หรือผีบุญของเราสมัยก่อนยังเก่งกว่าเยอะ เพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นมีความสามารถจริง ส่วนใหญ่อยู่ยงคงกระพัน ยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า ก็กลายเป็นผู้นำคนขึ้นมาได้ อย่างนี้เขาแค่ประกาศตัวว่าเป็นพระพุทธเจ้ามาเกิด คนก็ดันเชื่อ คาดว่าอีกไม่นานบ้านเราก็คงจะมี

ในบ้านเราตอนนี้เอาแค่ในเว็บพลังจิต อาตมาเจอพระศรีอริยเมตไตรย ๓ คนแล้ว ตกลงคนไหนพระศรีใหญ่ พระศรีกลาง พระศรีเล็กก็ไม่รู้..! ต่างคนต่างบอกตัวเองเป็นพระศรีอริยเมตไตรย ตัวจริงนั่งหัวเราะอยู่ข้างบน ท่านคงอยากดูเหมือนกันว่าใครจะสวมบทบาทได้เหมือนกว่า

ที่กล่าวถึงตรงนี้อยากจะบอกกับทุกท่านว่า การปฏิบัติธรรมพอไปถึงระยะหนึ่งจะมีการทดสอบ คราวนี้การทดสอบเขาไม่บอกว่ามาแบบไหน บางท่านอยู่ ๆ มีความสามารถพิเศษ มีฤทธิ์ มีอภิญญา เกิดหูทิพย์ตาทิพย์ รู้โน่นรู้นี่ให้ยุ่งไปหมด แล้วเรื่องที่รู้ก็จริงบ้างไม่จริงบ้าง ก็ทำให้หลงผิด ออกนอกลู่นอกทางไปได้ง่าย

อาตมาเองก็ไม่อยากจะยุ่งหรอก แต่คราวนี้ไปมีส่วนอยู่ในเว็บพลังจิต ดังนั้น..อะไรที่นอกทุ่งนอกท่ามากก็ต้องไปลบทิ้ง ลบทิ้งก็โดนด่า ด่าเสร็จดันแช่งซ้ำ แช่งเสร็จตัวเองตาย..! โทษใครไม่ได้อีก ไม่กี่วันนี้ก็เพิ่งตายไปอีกคนหนึ่ง รู้จักไหม ? ใบไม้นอกกำมือ เขาไม่รู้ว่าคนลบคืออาตมา ก็แช่งเลย ขนาดมีคนเขาโพสต์เตือนแล้วนะว่าอย่าไปแช่ง เดี๋ยวจะเป็นเหมือนอาจารย์กุ๊กไก่ แต่ปรากฏว่าเขาฟังไม่ทัน ไม่เข้าใจ อาตมาก็ยังกลัวใจตัวเองเหมือนกันแหละ ว่าอะไรจะสะท้อนไปทุกเรื่องก็ไม่รู้

ไม่ได้ประสงค์ร้ายต่อผู้อื่นมานานแสนนานแล้วนะ นานจนชักลืมไปแล้วว่าความโกรธเป็นอย่างไร แต่ก็เล่นเอาคนประสงค์ร้ายเดือดร้อนไปตาม ๆ กัน จะว่าเขาทำตัวเองก็ยังรู้สึกสลดใจอยู่ ว่าตัวเราเองเป็นทุกข์เป็นโทษให้คนอื่นเขาเดือดร้อนได้เหมือนกัน"

เถรี 10-08-2014 15:18

พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนช่วงนี้กำลังทำหนังสือประวัติวัดท่าขนุนอยู่ ใช้เวลารวบรวมข้อมูลตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ - ๒๕๕๗ ไม่นานนะ คราวนี้มีหลักฐานอ้างอิงชัดเจนหมด สัมภาษณ์คนมาเป็นร้อยแล้ว รับรองว่าไม่มีประวัติวัดฉบับไหนชัดเจนไปกว่านี้อีกแล้ว แต่ขอโทษ..ถ้าอ่านแล้วสนุกจะคิดเนื้อหามีนิดเดียว หนังสือหนาเป็น ๑๐๐ หน้า อ่านพักเดียวจบนี่คนอ่านหงุดหงิดหรือเปล่าไม่รู้ ? แต่คนทำเหนื่อยแทบตาย

บรรดาประวัติเจ้าอาวาสก็มีของหลวงปู่สายมากที่สุด เพราะว่าเป็น ๑๐๐ ปีของท่าน ส่วนของท่านอื่นอยากจะให้มากเหมือนกันแต่ค้นไม่เจอ ในเมื่อค้นไม่เจอก็เลยไม่สามารถที่จะหามาลงให้มากกว่านั้นได้ เพราะถ้าขืนลงมากก็ต้องโม้เอง ก็แปลว่าผิดแน่ ๆ "

เถรี 10-08-2014 15:22

ถาม : วิธีการทำงานไปพร้อมกับสมาธิ ?
ตอบ : ต้องดูว่าเราสามารถจดจ่อกับงานได้ต่อเนื่องยาวนานขึ้นไหม ถ้าจดจ่อต่อเนื่องอยู่กับงานได้ยาวนานขึ้น สมาธิก็พัฒนาขึ้น แต่ว่าจริง ๆ แล้วการที่ทำอย่างนั้นเป็นเรื่องยากนะ ถ้าเป็นไปได้คือ เราควรที่จะหาเวลาแต่ละช่วงของวัน มานั่งสมาธิจริง ๆ จัง ๆ เอาสัก ๑๕-๒๐ นาทีก็ยังดี เพราะว่าจะทำให้กำลังใจทรงตัวได้ง่ายกว่าที่เราไปตั้งหน้าตั้งตารบอยู่กับงาน การที่เราตั้งหน้าตั้งตารบอยู่กับงานแรงกระทบจะมีมาก ในเมื่อแรงกระทบมีมาก สมาธิดี ๆ ยังพังเลย


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:39


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว