กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๖๑ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6345)

เถรี 08-10-2018 14:15

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๖๑
 
ถาม : กระผมอ่านกระโถนข้างธรรมาสน์ เรื่องพระคาถาเงินล้านและโสตัตตะภิญญาให้แบ่งเวลาภาวนา แต่ทำไมไม่ควบพระคาถาทั้งสองอย่างนี้ไปเลย เพราะเหตุใดครับ ?
ตอบ : ก็เพราะว่ามึงเก่งเกินไปนะสิ..! คาถาเขาทำทีละอย่างเพื่อให้เกิดผล ถ้าทำสองอย่างแล้วเกิดผลก็จะเก่งเกินมนุษย์มนาไปหน่อย

เถรี 08-10-2018 14:15

ถาม : เรื่องการผสมทอง หลวงพ่อวัดท่าซุงให้เอาแร่ ๓ อย่าง ผสมกันลงไปก่อน แล้วเอาแร่ปากนกแก้วใส่ลงไปทีหลัง แต่ของพระอาจารย์ให้เอาแร่เพรียงไฟลงตามทีหลัง ความจริงเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : ไปลองทำดู...ทำแล้วก็จะรู้ความจริงเอง

เถรี 08-10-2018 14:29

ถาม : ในระยะหลัง ๆ นี้ มีข่าวเรื่องการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นอย่างมาก กระผมและกัลยาณมิตรจึงมีความคิดที่จะช่วยเหลือสังคม ช่วยลดอัตราการฆ่าตัวตายของคนที่หมดหวัง ท้อแท้ ไม่มีทางออก และขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องผลของการฆ่าตัวตาย ซึ่งอาจจะหนักมากกว่าปัญหาที่ผู้ที่คิดจะฆ่าตัวตายประสบอยู่ในขณะนี้ ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ในขั้นตอนของการวางแผนงาน และศึกษาความเป็นไปได้ การประชาสัมพันธ์ การวัดผล และอื่น ๆ

แต่ก็มีข้อที่สงสัยอยู่ประการหนึ่งว่า การกระทำดังกล่าว จะเป็นการไปยุ่งในกรรมของคนอื่นหรือไม่ ? และจะทำให้ตนเองและมิตรสหายต้องมารับผลกรรมจากเจ้ากรรมนายเวรของพวกเขาเหล่านั้นแทนหรือไม่ ? เพราะคณะทำงานล้วนแต่เป็นคนสามัญชนทั่วไปที่ต้องการช่วยเหลือสังคม ยังไม่ได้เป็นผู้ที่มี ทิพจักขุญาณ หรือมีฤทธิ์ทางใจที่เพียงพอที่จะรู้ถึงบุพกรรมของพวกเขาเหล่านั้น และช่วยแก้ไขที่ต้นเหตุที่แท้จริง
ตอบ : ถ้ารักที่จะทำงาน โอกาสที่ทำงานโดยไม่มีโทษกับทุกฝ่ายเลยนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น..ก็มีอยู่สองอย่าง ถ้าไม่ทำก็ไม่ทำไปเลย หรือถ้าจะทำก็รีบทำเสียโดยไม่ต้องไปสนใจเรื่องผลกระทบ แต่สงสัยอยู่อย่างเดียวว่าจะประชาสัมพันธ์อย่างไรให้คนที่จะฆ่าตัวตายรู้เรื่อง ?

เถรี 08-10-2018 14:38

ถาม : การที่เรานึกถึงเรื่องราวของพระพุทธเจ้าทั้งก่อนและหลังการตรัสรู้ นึกถึงทีไรมักจะมีอาการปีติเกิดขึ้น เช่น รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ บางทีก็น้ำตาไหล ใจสั่น หายใจแรง และเมื่อผ่านอาการที่ว่านั้นไปแล้ว เช่น ร้องไห้เสร็จแล้ว จิตรู้สึกจะมีความควบแน่นดีมาก โดยที่ไม่ได้ดูลมหายใจเลย เพียงแค่นึกถึงเรื่องของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่ทราบว่าเพียงแค่เรานึกถึงแค่นี้ทำไมจิตถึงมีอาการควบแน่นได้ขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ดูลมหายใจเลยครับ และวิธีนี้เป็นการฝึกพุทธานุสติที่ถูกต้องหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถามว่าถูกต้องไหม ? ก็ถูก ถามว่าทำไมไม่ได้ภาวนาแล้วถึงเป็น ? ใครบอกว่าต้องภาวนาแล้วถึงจะเป็น ?

การที่เราร้องไห้น้ำตาไหลด้วยปีติในส่วนนั้น ก็แสดงว่าขณะนั้นจิตของเราที่กำหนดตามไปในเนื้อหาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จิตก็เริ่มทรงสมาธิตามลำดับไป ตอนที่น้ำตาไหลคือตอนที่ก้าวถึงส่วนของปีติ เมื่อก้าวข้ามส่วนของปีติไปก็ย่อมทรงฌานได้ ในเมื่อทรงฌานอาการควบแน่นก็เป็นเรื่องปกติ ต้องบอกว่าคนถามโง่จนไม่รู้ว่าอาการของฌานเป็นอย่างไร

เถรี 08-10-2018 14:59

ถาม : การที่เราชอบนึกถึงบทแผ่เมตตาให้ตัวเอง ที่ว่าขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข กับการที่เรานึกถึงตอนที่กำลังปล่อยสัตว์ ถือว่าเป็นการฝึกสมาธิโดยการเจริญเมตตาหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เป็นอาการอย่างเดียวกัน โดยถือหลักว่าถ้าตัวเราไม่มีความสุข แล้วเราจะเอาความสุขไปแบ่งปันคนอื่นได้อย่างไร โดยเฉพาะตัวเราต้องรักต้องเมตตาตนเอง กลัวว่าตนเองจะลงสู่อบายภูมิ จึงพยายามยับยั้งหักห้ามตนเองไม่ให้ละเมิดในเรื่องของศีล

แต่คราวนี้บางคนก็ไปผูกเป็นคำแผ่เมตตาเฉพาะตัวขึ้นมา ซึ่งความจริงคำแผ่เมตตาแบบนั้นมีประโยชน์น้อย ควรจะพิจารณาให้เห็นว่าถ้าเราไม่เมตตาต่อตนเอง ไปทำในสิ่งที่ผิดศีลผิดธรรมก็ต้องลงอบายภูมิอย่างแน่นอน แล้วก็เมตตาต่อตนเอง กระทำแต่เรื่องที่ดี ๆ จะเป็นเรื่องที่ถูกต้องมากกว่า

เถรี 08-10-2018 16:20

ถาม : คนเราไม่ฆ่าสัตว์เองแต่กินเนื้อสัตว์ที่คนอื่นฆ่ามา ไม่บาปเหมือนกันหรือ แล้วกรรมมันต่างกันอย่างไร ?
ตอบ : พระพุทธเจ้ากำหนดลักษณะของการฆ่าซึ่งคนอื่นไม่ได้รู้ชัดเอาไว้ ท่านว่า ๑. สัตว์นั้นมีชีวิตอยู่ ๒. เรารู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิตอยู่ ๓. เราพยายามฆ่า ๔. สัตว์นั้นชีวิตตกล่วงไปจากความพยายามนั้น ถ้าครบทั้ง ๔ อย่างนี้ถือว่าเรากระทำการฆ่าสัตว์ ผิดร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วการที่เราไปกินเนื้อสัตว์ที่เราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับ ๔ ข้อนี้ผิดตรงไหน ?

ถาม : เวลาถือศีล สมาทานศีลว่าไม่ฆ่าสัตว์ แต่เรากินเนื้อสัตว์ มันแตกต่างกันหรือ ?
ตอบ : แบบเดียวกัน เรากินเนื้อสัตว์ เรารู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ? ก็นอนตายอยู่ในตลาดแล้ว เราก็รู้ว่าไม่มีชีวิต เราลงมือฆ่าหรือเปล่า ? ก็ไม่ได้ทำ สัตว์นั้นตายเพราะการฆ่าของเราหรือเปล่า ? ก็ไม่ได้ตายเพราะเรา

ถาม : คนที่ไปล่าสัตว์มากินเป็นอาหาร ต่างกับคนที่รอซื้อเนื้อสัตว์มากินอย่างไร ?
ตอบ : คนที่ล่าสัตว์ย่อมรู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิตอยู่ ตั้งใจฆ่า ลงมือฆ่าและฆ่าได้สำเร็จ

ถาม : คนที่เขาอยู่ที่ถิ่นกันดาร ต้องหาอาหารเอง ไปล่าสัตว์เอง ไม่บาปแย่เลยหรือ ?
ตอบ : ไม่แย่เท่าไรหรอก ก็บาปเท่าที่ทำแค่นั้นแหละ

เถรี 08-10-2018 17:38

ถาม : บางวัดที่มีญาติโยมมาช่วยล้างภาชนะของพระภิกษุแล้วไม่ค่อยสะอาด จะด้วยคิดว่าสะอาดพอสำหรับตัวเอง ความมักง่าย หรือ คิดว่าไม่น่าเป็นอะไร ถ้าหากมีพระองค์ไหนเป็นอะไรก็เป็นเหตุสุดวิสัย แต่ผู้ล้างไม่ได้มีเจตนาทำร้ายพระในวัด หากในวัดมีพระอรหันต์และท่านต้องละสังขารเพราะภาชนะไม่สะอาด จะเกิดโทษอนันตริยกรรมแก่ผู้ล้างหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าอยู่ดี ๆ ไปคิดหาเรื่องลงนรก ขอให้คิดต่อไป...!

เถรี 08-10-2018 17:38

ถาม : ภาวนาพระคาถาแล้วทั้งภาพคาถาในหนังสือสวดมนต์มาบ้าง เสียงสวดมนต์มาบ้าง ควรเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งหรือสลับกันได้ครับ ?
ตอบ : เอาที่เราสบายใจ

เถรี 08-10-2018 17:40

ถาม : การสวดพระคาถาเงินล้านมีข้อห้าม คือ ห้ามเล่นการพนันรวมไปถึงสลากกินแบ่ง ถ้าหากหน่วยงานที่สังกัดมีการออกสลากและขอแกมบังคับให้สมาชิกต้องช่วยกันซื้อ ถ้าจำใจต้องซื้อจะผิดข้อห้ามดังกล่าวหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ใครเป็นคนกำหนดข้อห้าม ? อาตมาใช้พระคาถานี้มาครึ่งชีวิต ไม่เคยได้ยินว่ามีข้อห้าม

เถรี 08-10-2018 17:41

ถาม : การประเดิมรถตามฤกษ์พรหมประสิทธิ์ หากแม่ซื้อไว้ใช้เองเป็นหลัก แต่ชื่อในทะเบียนที่ตั้งใจโอนเป็นชื่อลูก ใครควรเป็นคนประเดิมรถครับ ?
ตอบ : ไปด้วยกัน

เถรี 08-10-2018 17:42

ถาม : การที่พ่อแม่มีคดีความและมีการอ้างลูกเป็นพยาน หากลูกให้การตามจริงแล้วพ่อแม่เดือดร้อนเป็นบาปหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เป็นบาปอยู่

ถาม : ต้องทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : ให้การไปตามจริง

เถรี 08-10-2018 17:47

ถาม : เวลามีความคิดที่อาจจะก่อบาปหรือเกิดอธิษฐานที่เราไม่ต้องการขึ้น หากรู้สึกไม่ชอบใจกับความคิดดังกล่าว จะถือว่าเกิดมโนกรรมที่เป็นบาปหรือเป็นอธิษฐานในแบบที่ไม่ต้องการหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับว่าเราตั้งใจอย่างนั้นไหม ? ถ้าตั้งใจก็เป็นอธิษฐาน ถ้าอธิษฐานในทางที่ผิด อย่างเช่นตั้งใจว่า ใครทำความดีกูจะขวางเขาให้หมด หรือไม่ก็..ใครทำความดีอยู่ที่ไหน กูจะฆ่าเขาให้หมด แบบนี้ก็ถือว่าเป็นความผิดในมโนกรรม

เถรี 08-10-2018 20:46

ถาม : หนูกำลังอ่านหนังธรรมะศึกษาชั้นเอก กำลังอ่านถึงตอนที่พราหมณ์พาวรีส่งศิษย์ทั้ง ๑๖ คนมาถามพระพุทธเจ้า แล้วงงกับหนังสือ เพราะอธิบายไว้ได้งงมาก คำถามแต่ละคนถามไว้ในหมวดไหน อย่างไร กราบขอหลวงพ่อเมตตาอธิบายอย่างย่อ ๆ ได้ไหมคะ ?
ตอบ : ย่อไม่ได้ คำถามของพราหมณ์พาวรีเป็นคำถามสำหรับพระอนาคามีขึ้นไป ถ้าขืนย่ออาตมาก็จะเก่งเกินมนุษย์มนาเท่านั้น

เถรี 08-10-2018 20:52

ถาม : พระสมเด็จหลังยันต์นะโมตาบอดที่พระอาจารย์จารมีอานุภาพด้านไหนคะ ?
ตอบ : ต้องไปถามพระท่านเอง

ถาม : แล้วจะมีอีกไหมคะ ?
ตอบ : โปรดรอ..ถ้ามีเมื่อไรก็ได้เห็น

เถรี 09-10-2018 20:30

พระอาจารย์จารยันต์หลังพระสมเด็จ

ถาม : พอก่อนได้ไหมครับ ผมปวดหัว ?
ตอบ : ตูเองก็ปวดไปทั้งหัวแล้ว ไม่ไหวแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ คนที่เขาจับพลังไม่ได้ เขาจะไม่รู้ว่ากำลังของพระท่านแรงขนาดไหน อาตมาก็แค่นึกถึงท่านเท่านั้นเอง เวลาท่านครอบลงมานี่ท่านครอบทั่วบริเวณนั้น ใครอยู่ใกล้ก็โดนหมด จะได้รู้ว่าท่านสงเคราะห์เราได้จริง ๆ บอกแล้วว่าคุณพระรัตนตรัยนั้นมีอยู่ในทุกที่

วันนี้พอแค่นี้ก่อน ไม่ไหว..ปวดหัวไปหมดแล้ว ยอมแพ้ท่าน แรงเหลือเกิน เดี๋ยวถ้าพรุ่งนี้ไหวจะจารต่อให้ เวลากำลังท่านกดลงมาพวกเรารับไม่ค่อยจะไหว อาตมาไม่ได้ประท้วงหรอก ชินแล้ว แต่ทิดเฟิร์สประท้วงว่ารับไม่ไหว

ใครใช้พระสมเด็จว่าคาถาชินบัญชรได้ ให้ว่าคาถาชินบัญชรไปเลย ถ้าว่าไม่ได้ให้นึกถึงหลวงปู่โต วัดระฆังก็พอ พระของท่าน ท่านให้พรไว้ว่า จะใหม่จะเก่า จะจริงจะปลอมอย่างไร ถ้านึกถึงท่านมีอานุภาพเท่ากันหมด คราวนี้อาตมาจารไปนึกถึงท่านไป กำลังของท่านกดลงมานี่จะตายเอาเลย

เถรี 09-10-2018 20:31

สาระสำคัญของพระเครื่องก็คือ ให้เรานึกถึงพระให้ได้ การนึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสติ นึกถึงพระสงฆ์เป็นสังฆานุสติ คราวนี้ถ้าเรานึกว่า พระสงฆ์นั้นสืบทอดคำสอนจากพระพุทธเจ้ามา ก็เป็นธัมมานุสติด้วย จึงสำคัญตรงที่ว่า เรานึกถึงพระได้ไหม ? ถ้านึกถึงพระได้ก็ใช้ได้เหมือนกันหมด

มีคนเขาถวายมาร่วมบุญมา เขาส่งแล้วมีคนสงสัยว่าจะเป็นพระแท้หรือเปล่า ? อาตมาก็เลยเขียน "หนังสือสุทธิ" ยืนยันให้ว่าเป็นพระแท้

ถาม : นี่ต่อเนื่องกันไปนาน ?
ตอบ : กำลังท่านกดลงมานี่หัวจะระเบิด ถ้าพักเดียวผ่านไปก็ไม่เท่าไรหรอก แต่นี่หลายองค์เลยนานเกินไปหน่อย

เถรี 09-10-2018 20:37

พูดกับลูกศิษย์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ "อย่าตั้งใจ ถ้าไม่ตั้งใจถึงจะรับได้ ตั้งใจเกินไปแล้วจะไปรับอะไรได้ ? แสดงว่าไม่ได้เข้าใจหลักการปฏิบัติเลยใช่ไหม ? ต้องเป็นธรรมชาติที่สุด ไม่รู้ไม่ชี้ ต้องกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติ"

ถาม : หลักการของเต๋าชัด ๆ ?
ตอบ : เขาเรียกว่า Natural Wisdom ก็คือทุกชาติทุกภาษาจะมีความที่เหมือนกันอยู่ อย่างเช่นว่าทำไมต้องสร้างบ้านอย่างนี้ ก็คือภูมิปัญญาที่สั่งสมกันต่อมาว่า ต้องสร้างอย่างนี้แล้วจะปลอดภัย ก็แบบเดียวกัน

เหมือนเราต้องการจะออกประตูนั้น แล้ววิ่งเลยประตูจะออกได้ไหม ? แล้วถ้าวิ่งไม่ถึงจะออกได้ไหม ? ก็แค่ช่องนิดเดียวเอง ถ้ายื่นคอเลยหน้าต่างจะไปเห็นอะไร ? หรือถ้ายื่นไม่ถึงก็ยิ่งไม่เห็นอะไร..ใช่ไหม ? ก็หลักการเดียวกันทั้งหมด ถ้าจับได้ทีเดียวก็ "อ๋อ" ไปตลอดนั่นแหละ

เถรี 09-10-2018 20:40

ถาม : ...(ไม่ชัด)... ?
ตอบ : ใหม่ ๆ นี่ตูก็คลำแล้วคลำอีก ลองแล้วลองอีก สูงบ้างต่ำบ้างยุ่งไปหมด ขนาดจำว่าคาถาบทนี้ใช้
อารมณ์อย่างนี้แล้วได้ผล พอถึงเวลาแล้วไม่ทำตามเคล็ดลับ จะใช้เลย กำลังใจเดียวกันนั่นแหละแต่ไม่ได้ผล

ถาม : ...(ไม่ชัด)... ?

ตอบ : แสดงออกว่าเรามีความเคารพเชื่อมั่นไหม ถ้าคุณแหกคอกก็แสดงว่าออกนอกลู่นอกทาง ก็แปลว่าไม่เชื่อกัน เรื่องแบบนี้ต้องซ้อมจนชำนาญ ที่เรียกว่าเป็นวสี แบบเดียวกับที่ทิดเฟิร์สบอกว่า "ทำไมเวลาหลวงพ่อจารยันต์ไม่เห็นต้องตั้งท่า ?" แหม...ตูซ้อมมาตั้งไม่รู้กี่ชาติแล้ว จนกระทั่งรู้หมดแล้วว่าต้องใช้อย่างไร

คิดว่าเดี๋ยวจะแบกลังไปจารในงานกฐินปลดหนี้ดีกว่านะ งวดนี้จะให้ไปวัดหลวงปู่ธรรมชัยแบบ VIP เข้าไปกราบสังขารข้างในได้เลย อาตมายังไม่ทันคิดจะไป โดนหลวงปู่ท่านบีบคอให้ไป บอกหลวงพี่สมศักดิ์ว่าจะไปปีหน้า แต่ปรากฏว่าท่านจัดสรรให้ไปปีนี้เลย หลวงปู่จะเอากุฏิคืน ไหม้อะไรก็ไม่ไหม้ ไปไหม้กุฏิของท่าน หลวงปู่ธรรมชัยท่านมรณภาพปี ๒๕๓๐ หลวงปู่มหาอำพันมรณภาพปี ๒๕๓๒ ในชุด "เจ็ดเซียน" นั่น มีหลวงปู่ครูบาวงศ์ที่อยู่มายาวที่สุด

เถรี 09-10-2018 22:35

ถาม : การที่เราพิจารณาความเป็นไปในไตรลักษณ์ไปเรื่อย ๆ จนเราเห็นว่าคนที่เราไม่ชอบหน้านั้นน่าสงสาร อีกไม่นานเขาก็จะตาย เราควรจะเมตตาเขาเท่าที่เราจะเมตตาได้ จากที่เราไม่ชอบหน้าเขา เราก็รู้สึกเฉย ๆ แล้วก็สงเคราะห์ตามวาระที่เข้ามา เป็นการเจริญในพรหมวิหารสี่ที่ถูกต้องหรือไม่คะ ?
ตอบ : ทำอย่างไรก็ได้ ให้เลิกเกลียดขี้หน้าเขา แล้วก็หันไปเมตตาแทน

เถรี 09-10-2018 22:39

ถาม : การที่เรามองว่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบบีบคั้นจิตใจ ทำให้กายใจเราเกิดความทุกข์นั้น เป็นเรื่องธรรมดา เป็นกรรมเก่าที่เราต้องเจอ เพราะเราทำมาเอง เราก็มีหน้าที่แก้เท่าที่ต้องแก้เท่าที่เราทำได้ ส่วนไหนที่เราทำไม่ได้ก็พยายามอุเบกขาไม่เดือดร้อนใจ ทำเช่นนี้เป็นการวางกำลังใจที่ถูกต้องไหมคะ แล้วขั้นตอนต่อไปหนูควรทำอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : คำตอบเดิม ทำอย่างไรก็ได้ให้สบายใจ

เถรี 09-10-2018 22:53

ระยะนี้มีคำถามประเภทมักง่าย อย่างเช่น..ถ้าทำอย่างนี้ต้องวางกำลังใจอย่างไร ? ถ้าไปที่โน่นจะต้องวางกำลังใจอย่างไร ? ความจริงอยากจะบอกว่า ให้ตั้งใจว่าไปตายซะ...! พระพุทธเจ้าสอนให้ปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา วางกำลังใจอย่างไรให้อยู่ในกรอบของ ศีล สมาธิ ปัญญา ก็ใช้ได้แล้ว ฉะนั้น..ไม่ต้องไปเสียเวลาถามคนอื่นว่าทำถูกหรือทำผิด ถ้าอยู่ในกรอบก็ถูก ถ้าไม่อยู่ในกรอบก็ผิด...แค่นั้นเอง

โดยเฉพาะครูบาอาจารย์ที่แนะนำศิษย์ให้ไปถามแบบนี้ ยิ่งโคตรมักง่ายเข้าไปใหญ่..! ถ้าครูบาอาจารย์คนไหนแนะนำมา
ลักษณะนั้นให้ไปถามคนนั้น ไม่ใช่มาถามอาตมา

เรื่องของการปฏิบัติธรรม ถ้าเราทำจริง ๆ เราจะได้คำตอบเองอยู่แล้ว อาตมาขอยืนยัน ในระหว่างที่เราทำอยู่ ถ้าไม่ได้ติดขัดจริง ๆ อย่าไปเที่ยวถาม เพราะว่าถ้าถามถูก เราก็จะฟุ้งซ่านว่าเราจะต้องทำให้ได้อย่างนั้น โอกาสที่จะเข้าถึงก็ยาก แต่ถ้าถามแล้วได้คำตอบที่ผิด ก็จะออกนอกลู่นอกทาง ออกทะเลไปเสียอีก เพราะฉะนั้น..ให้ใช้ความเพียรพยายามทำไป คำตอบจะอยู่ในตัวทุกครั้ง ขอเพียงอย่างเดียว อย่าอยากมากจนเกินไป และอย่าใจร้อน การปฏิบัติธรรมไม่ใช่บะหมี่สำเร็จรูป ลวก ๓ นาทีจะได้กินได้..!

เถรี 10-10-2018 08:52

หลายคนตั้งคำถามในลักษณะจะให้อาตมารับรองว่าเป็นการกระทำที่ถูกแล้ว เป็นการปฏิบัติที่ถูกแล้ว แล้วก็เอาไปคุยเกทับคนอื่นในเฟซบุ๊กบ้าง ในไลน์บ้าง ถ้าลักษณะนี้จะเห็นว่าอาตมาจะตะแบงข้างเสมอ เพราะว่าตอบไปแล้วนอกจากไม่เกิดประโยชน์ ยังจะเกิดโทษอีกต่างหาก

ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม พอไปถึงจุดหนึ่ง เรากำลังจะได้ดี ก็จะโดนชักให้เสีย ด้วยการอยากพูด อยากบอก อยากสอนคนอื่น ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็เรียนไม่จบ ขอยืนยันว่ายังเรียนไม่จบ ไปสอนคนอื่นมีผลเสียมากกว่าผลดี เพราะว่าเราอาจจะพาคนอื่นหลงเตลิดเปิดเปิงไปอีกหลายชาติ กว่าจะกลับทางเดิมได้

เถรี 10-10-2018 08:56

หลายอย่างที่ได้ยินได้ฟังมาก็โปรดค้นหาแหล่งความรู้เพื่อยืนยันด้วย อย่างเช่นมีข้อห้ามในการภาวนาคาถาเงินล้านขึ้นมา อาตมาทำมาครึ่งค่อนชีวิตไม่เคยได้ยินว่ามี

สมัยนี้เรื่องของสื่อโซเชียลทำให้ข้อมูลต่าง ๆ ไปเร็วมาก เราก็ควรที่จะระมัดระวังเอาไว้ด้วย อย่างเมื่อวานนี้มีการแชร์เกี่ยวกับการแต่งกลอนที่อ้างว่าเป็นลายมือของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อาตมามองก็รู้ว่าไม่ใช่ลายพระหัตถ์ของพระองค์ท่าน แต่เขาก็แชร์กันไป จนกระทั่งทางการต้องออกมาบอกเองว่าไม่ใช่

แม้กระทั่งคำสอนที่บอกว่าพ่อสอนลูก เป็นสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ สอนพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อ่านดูก็รู้ว่าเนื้อหาเหล่านั้นแปลมาจากต่างประเทศ แต่ก็แชร์กันไปจนคนส่วนมากทุกวันนี้ก็เชื่อว่าใช่

ปัจจุบันนี้มีพระราชบัญญัติเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โอกาสที่เราแชร์อะไรแล้วผิดพลาดหาคุกหาตะรางใส่ตัวมีมาก โปรดระมัดระวังด้วย

เถรี 10-10-2018 22:10

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้เจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลเรื่องวัตถุมงคลรับเอายันต์เกราะเพชรมาส่ง เพื่อจะเอาเข้าพิธีตอนอาตมาเข้ากรรมฐานสามวันก่อนที่จะออกมารับกฐิน

ยันต์เกราะเพชรรุ่นนี้เป็นโลหะ มีทั้งทองคำ เงิน ทองแดง ทองเหลือง ทองทิพย์ มี ๒ ขนาด คือใหญ่กับเล็ก ขนาดเล็กกว้างประมาณ ๑ นิ้วฟุต ขนาดใหญ่ก็กว้างกว่านั้นเล็กน้อย ไม่ได้กว้างมาก ที่ทำเป็นยันต์เกราะเพชรโลหะ ก็เผื่อว่าท่านใดจะเลี่ยมแขวนติดตัวในลักษณะของพระก็ได้ เพราะว่าไม่ใหญ่มาก ใครอยากจะม้วนเป็นตะกรุดก็ได้ ให้ไปลงมือทำเอาเอง

แต่ส่วนที่อาตมาตั้งใจก็คือ ระยะหลังคนมาขอชนวนเพื่อเอาไปหล่อพระหรือสร้างวัตถุมงคลเยอะมาก อาตมาเบื่อที่จะจารแล้ว ก็เลยคิดว่าถ้าเราทำยันต์เกราะเพชรเป็นโลหะเอาไว้ ถึงเวลาใครมาขอชนวน ส่งไปให้คนละแผ่นก็จบ ซึ่งตรงนี้หลังจากเข้าพิธีแล้วก็ต้องดู ถ้าเจ้าหน้าที่มีความพร้อมก็อาจจะจำหน่ายต้นเดือนหน้าเลย ขอยืนยันว่าราคาไม่แพง

ระยะหลังนี้มีญาติโยมจำนวนมากที่มาปรารภในเรื่องของไสยศาสตร์
ว่า ตนเองและครอบครัวโดนบ้าง เพื่อนฝูงญาติพี่น้องคนรู้จักโดนบ้าง ถ้าหากท่านทั้งหลายพกยันต์เกราะเพชรไว้ หากมีการภาวนาสวด อิติปิ โสฯ สามห้องเป็นปกติ สามารถอธิษฐานเพื่อป้องกันไสยศาสตร์ได้"

เถรี 10-10-2018 22:35

"แต่มีอยู่ส่วนหนึ่งที่มาแล้วบอกว่าโดนไสยศาสตร์ แล้วอาตมาไล่ให้ไปหาหมอแผนปัจจุบันเพราะว่าอยู่ในวัยทอง เป็นอาการของคนฮอร์โมนพร่อง ไม่ใช่อาการของคนโดนไสยศาสตร์ เพราะฉะนั้น...ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ให้ไปหาหมอแผนปัจจุบันก่อน ถ้าหมอรักษาไม่ได้ค่อยไปหาอาตมา ไม่ใช่ถึงเวลาก็มาบ่นว่าโดนไสยศาสตร์อย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งบ้านโดนกันหมด

ไปนึกถึงเมื่อหลายปีก่อน มีญาติโยมพาลูกสาวตัวเองมา บอกว่าโดนไสยศาสตร์ หนีไปอยู่กับผู้ชาย กว่าจะตามกลับมาได้แทบล้มประดาตาย บอกว่าโดนผีเข้าโดนผีคุม อาตมาบอกว่าไม่มีอะไรเลย ผีกิเลสคุมให้อยากไปหาผู้ชายเท่านั้น

เรื่องของผู้หญิงผู้ชายจะเป็นไปในลักษณะของธรรมชาติ คือดึงดูดกันโดยธรรมชาติ แล้วยังมีเรื่องของวาระกรรมมาเสริมด้วย ฉะนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็เป็นเรื่องปกติ แต่คราวนี้คนเป็นพ่อแม่ก็ไม่เข้าใจว่า เลี้ยงลูกมาเป็นสิบปียี่สิบปี เจอไอ้บ้านั่น ๕ นาทีทำไมไปรักเขามากกว่าพ่อแม่ ? รายนั้นอาตมาเองก็เอาน้ำราดโครมไป ๑ ถังเพื่อความสบายใจของพ่อแม่ ซึ่งลูกสาวก็ชอบใจมาก บอกว่าพ่อแม่จะได้หายบ้าเสียที แต่อาตมาก็บอกเขาไปว่าเดี๋ยวลูกคุณก็ไปอีก"

เถรี 10-10-2018 22:48

"เมื่อเกิดเหตุพวกนี้ขึ้นมา เราก็มักจะวิ่งไปหาหมอ โดยเฉพาะหมอไสยศาสตร์ หรือไม่ก็พวกทรงเจ้าเข้าผี โอกาสที่จะได้ของแถมมีเยอะมาก โปรดระมัดระวังด้วย วิธีแก้ไขของเขาแต่ละอย่าง ล้วนแล้วแต่ทำให้พวกเราต้องสิ้นเปลืองมาก ต้องเรียกว่าเรา “แส่” ไปหาเขาเอง ถ้าไม่ไปก็ไม่เดือดร้อน

หลายสำนักที่ไม่ได้หลอกลวง แต่มีความสามารถจริง ๆ อาตมาก็ขอบอกว่า เขาสามารถเอาไสยศาสตร์ออกจากเราได้ เขาก็สามารถใส่กลับเข้าไปได้ ถ้าเขาไม่มีศีลไม่มีธรรมพอ ไม่มีหลักยึดตามครูบาอาจารย์พอ เราก็จะโดนผูกไว้ กลายเป็นตัวทำเงินให้เขา ซึ่งเราไม่ต้องไปโทษใครเลย เพราะว่าเราตะกายไปหาเขาเอง

เรื่องของไสยศาสตร์ถ้าเราภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัว ไม่ต้องมาก แค่อุปจารสมาธิขั้นปลาย ไม่ต้องถึงปฐมฌาน ไสยศาสตร์ก็ทำอันตรายไม่ได้แล้ว เพียงแต่อย่าเผลอหลุดจากสมาธิเท่านั้น

ในส่วนนี้ครูบาอาจารย์ตั้งแต่หลวงปู่ปานหรือหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านจึงได้แนะนำให้มีวัตถุมงคลติดตัว และอาราธนาป้องกันไว้ เพราะว่าวัตถุมงคลถ้าทำถูกต้องตามพิธีกรรมจริง ๆ แต่ละชิ้นจะมีเทวดาช่วยรักษา เราเผลอได้ แต่เทวดาอยู่ในความเป็นทิพย์ ท่านไม่เผลอ แต่ขออย่างเดียวว่าให้อาราธนาไว้ทุกวัน ไม่ใช่แขวนขึ้นคอเฉย ๆ ทั้งปีทั้งชาติไม่ได้นึกถึงเลย ถ้าทำอย่างนั้นเทวดาท่านยอมรับกฎของกรรมมากกว่าเรา ท่านก็จะนั่งมองเฉย ๆ เหมือนกัน"

เถรี 10-10-2018 23:11

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องกายภาพบำบัดต้องอาศัยความเพียรระดับดื้อเลย ทำไมใช้คำว่า ดื้อ ? ถ้าไม่ดื้อไม่ด้านพอทำไม่สำเร็จหรอก อย่างอาตมาทั้งมือกระดิกได้แค่หัวแม่มือข้างเดียว ทำอย่างไรที่จะกลับมาใช้ได้ดีทั้ง ๕ นิ้ว ถ้าใช้ภาษาปฏิบัติคือความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อ ก็คือการที่เรามี จิตตะ กำลังใจปักมั่น มี วิริยะ พากเพียรไม่ท้อถอย ดูตัวอย่างครูบาเหนือชัยในปัจจุบัน ตอนนี้ท่านถ่วงถุงทราย เคลื่อนไหวโดยมีถุงทรายผูกอยู่ ต่อไปถ้าเอาถุงทรายออกจะเคลื่อนไหวได้สะดวกกว่า ต้องดื้อในระดับนั้นจึงจะแก้ได้ เป็นพวกเราเส้นโลหิตใหญ่ในสมองแตก ยอมนอนเป็นอัมพาตดีกว่า...ใช่ไหม ?

หลายคนกำลังไม่พอ ถามว่ากำลังอะไร ? กำลังสมาธิ ฉะนั้น...ใครที่ดื้อด้านมาก ๆ ในอดีตเคยทำสมาธิได้ดีมาก่อน ถ้าสมาธิไม่ดีดื้อไม่ขึ้นหรอก ที่อาตมาเคยใช้คำพูดว่า การปฏิบัติธรรมต้องหน้าด้าน คือลักษณะอย่างนี้ ถ้าไม่สำเร็จไม่เลิก"

เถรี 11-10-2018 21:47

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปัจจุบันคนอ่านหนังสือมากขึ้น แต่เป็นการอ่านในสมาร์ทโฟน แต่จะมีอะไรที่ผิดพลาดเยอะมาก สมัยนี้ต่อให้ตั้งใจพิมพ์ให้ถูก บางทีนิ้วก็ไปจิ้มผิดตัว บางคนก็ไปตั้งใจพิมพ์ให้ผิด ซึ่งจะมีสำนวน มีคำพูด อยู่ในลักษณะว่าเป็นที่เข้าใจกันว่าคำนี้หมายถึงอะไร ลักษณะเดียวกับศัพท์แสลงในสมัยก่อน ซึ่งปัจจุบันส่วนใหญ่ก็ตายเกลี้ยงไปแล้ว น่าจะเหลือแต่คำว่า “กิ๊ก” กระมัง ?"

เถรี 11-10-2018 21:49

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนตุลาคมนี้วัดท่าขนุนมี ๒ งาน งานบำเพ็ญกุศลถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ มีการบวชเนกขัมมะและสวดพระพุทธมนต์ตามที่สำนักพุทธฯ เขามีคำสั่ง อีกงานหนึ่งก็คือกฐินกับตักบาตรเทโวฯ ที่เป็นวันเดียวกัน คือ วันที่ ๒๕ ตุลาคม

พอดีว่าบันไดใหม่ที่ทำขึ้นพระพุทธเจติยคีรี บนยอดเขาของวัดท่าขนุนเรียบร้อยแล้ว แต่จะรอเปิดวันตักบาตรเทโวฯ คราวนี้ขึ้นไม่ยากแล้ว ก่อนหน้านี้ขั้นบันไดใหญ่และชันมาก บางคนต้องก้าวถึง ๓ ก้าวกว่าจะได้หนึ่งขั้นบันได เดี๋ยวนี้ทำเป็นขั้นเล็กขึ้นง่าย ๆ แล้วความลาดชันประมาณ ๓๐ องศาเท่านั้น เลยขึ้นง่ายหน่อย อาตมาใช้เวลาแค่ ๓-๔ นาทีเองถึงยอดแล้ว ญาติโยมก็เอาสัก ๒๐ นาทีก็พอ อย่าเยอะมาก"

เถรี 11-10-2018 21:51

พระอาจารย์กล่าวว่า "สถานการณ์บ้านเมืองของเราก็ไม่ค่อยปกติ บางอย่างรู้ก็พูดไม่ได้ เมื่อรู้ถึงคนหมู่มากก็เป็นการไปยุ่งเกี่ยวกับวาระกรรม เขาก็ถือว่าฝืนกฎของกรรม ฝืนกฎของกรรมเมื่อไรตัวอาตมาก็จะเละเอง"

เถรี 11-10-2018 21:54

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปัจจัยทอดกฐินของญาติโยม ถ้าไม่ได้ระบุชัดว่าเป็นกฐินวัดท่าขนุน อาตมาก็จะเอาลงเป็นกฐิน ๒ วัด น่าจะปีนี้เหลือสองวัดเพราะว่าให้เกาะพระฤๅษียืนด้วยตัวเองไปแล้ว แล้วปีหน้าก็จะเหลือแค่วัดเดียว

อยากจะให้บรรดาท่านเจ้าอาวาสที่ส่งไปท่านยืนหยัดได้ด้วยตนเอง ถ้าหากว่ามัวแต่พึ่งพาส่วนกลางจะยืนด้วยตัวเองไม่ได้เสียที ต้องบอกว่าอาตมาเลี้ยงลูกแบบธรรมชาติ เราจะเห็นว่าพวกสัตว์เลี้ยงลูกนี่ ถ้าลูกไม่แข็งแรงจะปล่อยตายไปเลย เพราะฉะนั้น..อาตมาก็ต้องเลี้ยงแบบธรรมชาติ ถ้ายืนหยัดด้วยตัวเองไม่ได้ก็ปล่อยตายไปเลย

ที่วัดพอตอนเย็น ๆ แม่ไก่ก็จะบินขึ้นไปนอนบนต้นไม้ ถ้าลูกไก่ตามมาไม่ได้แม่ก็จะลงมาบินขึ้นให้ดู ๒-๓ เที่ยว ถ้ายังตามไม่ได้อีกแม่ก็ทิ้งเลย เอาตัวรอดเองก็แล้วกัน พรุ่งนี้เช้าเจอกัน ส่วนใหญ่ญาติโยมที่วัดจะไม่เข้าใจว่า อาตมาปล่อยต้นไม้รก ๆ ไว้ทำไม กิ่งล่าง ๆ เอาไว้ให้ลูกไก่บินขึ้น ถ้าบินถึงก็สามารถบินต่อไปกิ่งบนได้ บางคนไปตัดข้างล่างเสียหมด ลูกไก่ก็ขึ้นไม่ได้"

เถรี 11-10-2018 22:24

"ปีนี้กฐินถ้าใครจะไปก็ต้องลางานหนึ่งวัน เพราะว่ากฐินไม่ได้ตรงกับวันหยุด เนื่องจากว่าทางวัดท่าขนุนมีตักบาตรเทโวฯ ถ้าอีกไม่กี่วันทอดกฐิน ญาติโยมก็ต้องไปวัด ๒ ครั้ง ๓ ครั้ง

งานตักบาตรเทโวฯ ที่วัดท่าขนุน ญาติโยมทางทองผาภูมิเขาก็ไปกันเกือบทั้งอำเภออยู่แล้ว จึงทอดกฐินไปเลยให้หมดเรื่องหมดราว จะได้สตางค์น้อยได้สตางค์มากก็ไม่ใช่สาระ สาระสำคัญอยู่ตรงที่ได้ทำบุญ"

เถรี 11-10-2018 22:31

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครรำคาญเสียงระฆังบ้างไหม ? ปรากฏว่าคนที่ฟ้องว่าพระตีระฆังก่อความรำคาญเป็นอิสลาม แล้วตัวรองหัวหน้าเขตที่ทำหนังสือถึงวัดเพื่อห้ามการตีระฆังก็เป็นอิสลาม ชัดเจนหรือยังว่าเขาบีบพระเราเข้ามาทุกวิถีทาง ?

ส่วนบรรดานักวิชาการที่ออกมาแสดงความเห็น อย่างเช่นว่าเป็นพระเป็นเจ้าสอนคนอื่นให้มีสติ ทำไมตัวเองขาดสติไปทำเรื่องที่รบกวนชาวบ้าน ? หรือว่าในระหว่างกิจกรรมที่เป็นแค่เปลือก เป็นแค่รูปแบบ ทำไมถึงไม่เน้นการปฏิบัติภายใน ? อาตมาขอยืนยันว่านักวิชาการเหล่านี้ ถ้าไม่ใช่มือปืนรับจ้างที่ช่วยอิสลามทำลายศาสนาพุทธ ก็แปลว่าเกิดมาโง่จริง ๆ

โบราณสมัยก่อนใช้เสียงระฆังเป็นสัญญาณ ทันทีที่ได้ยินเสียงระฆังเราจะต้องนึกถึงวัด นั่นก็คือการระลึกถึงอนุสติใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นการปฏิบัติธรรมไปในตัว สัญญาณระฆังปลุกพระขึ้นมาเพื่อที่จะทำวัตรสวดมนต์เจริญกรรมฐาน ถ้าคนรู้ระบบตรงนี้อนุโมทนาตามไป ก็จะได้บุญกุศลติดตัวโดยไม่ต้องลงแรง กระทั่งวัดของอาตมา ถ้าหากว่าเสียงระฆังดัง หมาจะรีบวิ่งมาเลยเพราะรู้ว่าจะได้กิน เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ที่อาตมาเห็นอยู่ที่วัดก็คือ ถ้าตีระฆังแล้วรำคาญและหอนใส่ก็มีแต่หมาเท่านั้น..!

เรื่องนี้ในเมื่อออกมาชัดเจนแล้วว่าที่ฟ้องเขาอยู่ทั้ง ๆ ที่คนทั้งคอนโดไม่มีใครว่า เพราะว่าเป็นอิสลาม แล้วตัวรองหัวหน้าเขตที่เป็นผู้หญิง ซึ่งเป็นคนทำหนังสือถึงวัดก็เป็นอิสลาม ต้องบอกว่านักสืบโซเชียลสมัยนี้ของเราเก่งมาก ไม่ว่าคุณจะไปทำอะไรที่ไหน อยู่ในรูไหน เขาขุดออกมาหมด

ระยะหลังนี่ทำอะไรอย่าออกสื่อ ออกสื่อเมื่อไรเตรียมตัวได้ อาตมาเห็นข่าววันแรก เขาบอกว่า "ช่วยจัดให้หน่อยสิ ไอ้สองคนนี้เป็นใคร" พักเดียวเท่านั้นแหละมาเพียบเลย ต้องบอกว่าสื่อโซเชียลก็ดีอยู่อย่างก็คือ ไม่มีใครที่จะเป็นความลับได้"

เถรี 11-10-2018 22:37

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อคืนฝนตกทั้งคืน กลางวันแดดเปรี้ยงเลย ดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงมาก โปรดระมัดระวังรักษาสุขภาพด้วย ชำรุดขึ้นมาจะซ่อมไม่ไหว

เมื่องานวันที่ ๑๔ กันยายน มีการทำบุญถวายบูรพาจารย์วัดท่าขนุน ก็ขอทางด้านโรงพยาบาลเอาวัคซีนกันไข้หวัดใหญ่ ๑๐๐ ชุด มาฉีดถวายพระที่มาร่วมงาน ปรากฏว่าวัคซีนจริง ๆ แล้วมีกันไข้หวัดหลัก ๆ อยู่ ๒ อย่าง ส่วนอย่างที่ ๓ เป็นไข้หวัดที่เกิดขึ้นเฉพาะฤดูกาลหรือว่าเฉพาะเวลา แต่ละชุดราคาหลายร้อยบาท เพียงแต่ว่าช่วงที่ผ่านมาอาตมาเป็นหวัดไปเดือนกว่า ก็เลยซาบซึ้งว่าถ้าเป็นแล้วแย่ จึงตั้งใจว่ายอมจ่ายเงินเพื่อที่อย่างน้อย ๆ ก็กันไข้หวัดใหญ่ให้กับบรรดาพระที่นิมนต์มา

แต่ปรากฏว่าแพทย์หญิงนวลจันทร์ เวชสุวรรณมณี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองผาภูมิ เป็นคนควักกระเป๋าเอง โดยที่แจ้งว่ามีเพื่อนหลายคนร่วมบุญมาด้วย อาตมาก็เลยไม่รู้ว่าเงิน ๗๐,๐๐๐-๘๐,๐๐๐ บาท ตกลงว่าหมอนวลจันทร์จ่ายเองกี่บาท ? แต่ว่าอาตมาไม่ต้องจ่าย"

เถรี 11-10-2018 22:39

"มีเรื่องหนึ่งที่พวกเราคิดกันไม่ค่อยจะถึง คือ ปัจจุบันนี้การคมนาคมไม่ว่าจะเป็นรถไฟ เครื่องบิน รถยนต์ สะดวกคล่องตัวมาก โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ก็เลยแพร่สะดวกไปด้วย ถึงเวลาโรคระบาดอาจจะอยู่แอฟริกา แต่ท้ายสุดก็นั่งเครื่องบินมาถึงเมืองไทย

สมมติว่าไข้หวัดนกระบาดที่เชียงราย คือทางเหนือจะหนาวก่อน ปรากฏว่าคนเชียงรายนั่งเครื่องบินไปเที่ยวสุไหงโกลก ไข้หวัดก็พลอยนั่งเครื่องบินตามไปด้วย ดังนั้น..การแพร่ระบาดก็จะเร็วขึ้นตามความสะดวกสบายในการคมนาคม เราจะเห็นว่าพอถึงเวลามีโรคระบาด แต่ละสนามบินก็จะมีเขตกักกัน อยู่ในลักษณะตรวจสอบว่าเราเป็นหรือไม่เป็น บางที่ทันสมัยมาก ๆ มีเครื่องวัดอุณหภูมิจากตัวเราด้วย ใครจับไข้ตอนนั้นพอดีก็ซวยไป

สมัยก่อนโรคระบาดไปช้า เพราะว่าการเดินทางที่สะดวกที่สุดก็คือไปทางเรือ จากประเทศไทยไปอินเดียก็เป็นเดือน ถ้าจะไปยุโรปอเมริกาก็หลายเดือน"

เถรี 12-10-2018 22:25

ถาม : ...(โรคซึมเศร้า)...
ตอบ : ต้องบอกว่าเกิดจากใจที่ไม่มีเครื่องยึด ฉะนั้น...อยู่ที่ตัวเขาเอง ถ้าสภาพจิตของตัวเองมีเครื่องยึด ไม่มัวไปคิดถึงเรื่องของตัวเองอยู่ก็ไม่เป็นหรอก ถ้าสามารถคิดถึงพระได้ทั้งวันเหมือนกับที่คิดสงสารตัวเองนี่บรรลุไปนานแล้ว

โรคซึมเศร้าเป็นสักกายทิฐิอย่างหนึ่ง คิดถึงแต่ตัวเอง รักแต่ตัวเอง สงสารแต่ตัวเอง ห่วงแต่ตัวเอง แต่ว่าคิดผิด รักผิด สงสารผิด เท่านั้นเอง

เถรี 12-10-2018 22:39

ถาม : ก่อนจะไปงานออกนิโรธกรรมครูบาวิฑูรย์ ขอพระให้เดินทางโดยปลอดภัย ปรากฏว่าคืนนั้นฝันเห็นหลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านมาในชุดฆราวาส ไม่ใช่พระ แต่มีพระมากันอีกเยอะ อันนี้เป็นนิมิตหมายถึงอะไรครับ ?
ตอบ : ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์บอกไม่ได้หรอก ต้องอยู่ในเหตุการณ์ด้วยถึงจะบอกได้ เห็นพระถือว่าดีก็แล้วกัน

เถรี 12-10-2018 22:41

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่ออาทิตย์ที่แล้วมีงานศพงานหนึ่งที่อาตมาเป็นเจ้าภาพ ลูกหลานของงานนั้นน่าจะอายุประมาณ ๕ ขวบ แต่เขาเป็นเด็กดาวน์ซินโดรม เด็กที่ด้อยสติปัญญาจะมีอาการที่แสดงออกมาให้เห็นชัด ๆ ว่าใช่ แต่พออาตมาไปนั่ง เด็กคนนั้นหน้าตาเปลี่ยนเป็นเฉลียวฉลาดสุด ๆ แปลกมาก..แล้วคว้าจีวรพระไว้ไม่ยอมปล่อยอีกด้วย"

เถรี 12-10-2018 22:44

พระอาจารย์กล่าวว่า "วัดท่าขนุนพัฒนาให้เข้าสู่ยุคพระพุทธศาสนา ๔.๐ ไปแล้ว วัดอื่นตามไม่ทัน ตอนนี้ที่วัดกำลังวางระบบติดตั้ง Wifi ฟรีทั่ววัด กลางวันจะได้ ๑๐๐ เมกะไบต์ กลางคืนได้ ๒๐๐ เมกะไบต์ พูดง่าย ๆ ว่าโหลดหนังเรื่องหนึ่งไม่ถึงครึ่งนาที เสียดาย...พระไม่ได้ดูหนัง แล้วก็ติดตั้งป้ายโฆษณาแบบเคลื่อนไหวที่หน้าวัด

คราวนี้ที่ทำเกิดจาก ๒ อย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือต้องเห็นประโยชน์ ถ้าพูดแบบ "อวย" ตัวเองก็คือต้องมีวิสัยทัศน์ อย่างที่สองคือต้องมีสตางค์ ไม่อย่างนั้นติดตั้งไม่ได้"

เถรี 13-10-2018 21:33

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้งานออกนิโรธกรรมของครูบาวิฑูรย์เขาจัดได้ดี อาจจะเป็นเพราะว่าปีก่อนมีการผิดพลาด จนกระทั่งหลวงปู่ครูบาบุญยังตกเสลี่ยงบาดเจ็บมาแล้ว ปีนี้ทำการแก้ไขก็เลยจัดงานได้ดี

แต่คราวนี้โฆษกก็คือท่านธีร์นวัช ปรารภถึงเรื่องราวในบ้านในเมืองของเราว่าอะไรเป็นอะไรบ้าง ท้ายสุดท่านก็ควักเหรียญรอยพระพุทธบาทหลังท้าวเวสสุวรรณออกมา แล้วท่านก็บอกว่า “ผมไม่กลัวหรอก เพราะว่าผมพกเหรียญนี้แล้ว” อาตมาเองก็ขำ ๆ ว่าไม่น่าจะมาโฆษณากลางงานคนอื่นเขา แล้วอีกอย่างหนึ่งโฆษณาไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะว่าเหรียญนั้นหมดเกลี้ยงไปแล้ว

อาตมาขออนุญาตสร้างใหม่ ท่านท้าวเวสสุวรรณก็ไม่อนุญาต ท่านบอกว่าถ้ามากเกินไปจะออกนอกสายที่เคยสร้างบุญร่วมกันมา ซึ่งไม่ใช่ภาระของท่านที่ต้องตามไปดูแลเขา ในเมื่อท่านไม่อนุญาต ใครมีของเก่าก็เฉลี่ย ๆ แบ่งกันไป อาตมาเองก็ไม่ได้บอกเขาหรอกว่า อาตมาเองก็พกอยู่เหรียญ
หนึ่งเหมือนกัน..!"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:56


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว