กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=39)
-   -   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๓ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6891)

เถรี 26-01-2020 08:44

เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๓
 
ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราเอาไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ สำหรับวันนี้อยากจะบอกกับทุกคนว่า ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น เราต้องเข้าใจว่า เป้าหมายสูงสุดของเราก็คือการหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

ในเมื่อเป้าหมายสูงสุดของเราเป็นเช่นนี้ เรื่องรกรุงรังอื่น ๆ บางทีก็จำเป็นต้องวางลงบ้าง ถ้าเป้าหมายไม่ชัดเจน เราก็จะโดนดึงให้เขวได้ง่าย อย่างเช่นในสมัยพุทธกาล นางวิสาขามหาอุบาสิกา สอบถามอุบาสิกาทั้งหลายที่มารักษาอุโบสถศีล ว่ารักษาไปเพื่อมุ่งหวังอะไร ?

บรรดาสาวน้อยก็บอกว่ามุ่งหวังให้แต่งงานกับบุรุษที่มีตระกูลเสมอกัน บรรดาสาวที่แต่งงานแล้วก็มุ่งหวังให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข ทำมาหากินเจริญรุ่งเรือง บรรดาที่มีลูกมีหลานก็ต้องการมุ่งหวังให้ลูกหลานของตนเองมีฐานะร่ำรวย ได้แต่งงานไปในครอบครัวที่ดี เป็นต้น เราจะเห็นว่าจุดมุ่งหมายของแต่ละคนนั้น เบี่ยงเบนไปจากเป้าหมายการรักษาศีล ๘ ที่แท้จริงหมดแล้ว

เถรี 26-01-2020 08:46

เพราะว่าการรักษาศีล ๘ ที่แท้จริงนั้น ก็คือเพื่อประพฤติพรหมจรรย์ได้ละเอียดประณีต ช่วยให้เข้าถึงธรรมได้ง่ายขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้นพวกเราถ้าไม่กำหนดเป้าหมายเอาไว้ให้ชัดเจน เราก็อาจจะเลี้ยวผิด หลงทางหรือว่าเนิ่นช้า ดังนั้น..ในการปฏิบัติของเราเมื่อตั้งเป้าไว้แล้ว จุดมุ่งหมายแรกที่ต้องยึดหัวหาดให้ได้ คือความเป็นพระโสดาบัน

คราวนี้ความเป็นพระโสดาบันที่เราจะเข้าถึงได้นั้น หลักการใหญ่ ๆ ก็คือเคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างจริงใจ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง รักษาศีลสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล และข้อสุดท้าย มีสติรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย ถ้าตายลงไปแล้วเราขอไปพระนิพพานอย่างเดียว นี่คือหลักใหญ่ ๆ เลย

แต่สิ่งที่จะปฏิบัติให้หลักทั้งหลายเหล่านี้มั่นคงนั้น ก็คือการที่เราระมัดระวังศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ก่อนนอนทบทวนอยู่เสมอว่า เราได้ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม โกหกหลอกลวง หรือเสพสุรายาเสพติดบ้างหรือไม่ ถ้าหากว่าข้อไหนบกพร่อง ให้ตั้งใจว่าเราจะรักษาให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป หลังจากนั้นก็นอนลงภาวนา ให้หลับไปกับการภาวนาของเรา

เถรี 27-01-2020 08:15

เมื่อตื่นนอนขึ้นมามีสติระลึกถึงพระ ระลึกถึงครูบาอาจารย์ แล้วก็มาทบทวนศีลของเรา ว่าวันนี้เราจะระมัดระวังไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดโกหกหลอกลวง ไม่ดื่มสุราเมรัย เมื่อตั้งใจมั่นคงดีแล้ว เราค่อยไปทำกิจวัตรประจำวันของเรา

ถ้าเรามีการทบทวนอย่างนี้อยู่เสมอ ๆ เมื่อถึงเวลากำลังใจของเราจะค่อย ๆ ทรงตัว เพราะความระมัดระวังในสีลานุสติช่วยสร้างสมาธิให้เกิด เนื่องจากว่าถ้าสมาธิไม่เกิด การระวังของเราก็จะไม่รอบคอบ จะมีการเผลอละเมิดศีลจนได้ แต่เราก็อย่าปล่อยให้สมาธิเกิดเพราะการระมัดระวังรักษาศีลอย่างเดียว ให้เราภาวนาอาศัยอานาปานสติหรือลมหายใจเข้าออก สร้างสมาธิของเราให้มั่นคงไปด้วย

ถ้าหากว่าสมาธิของท่านสามารถมั่นคงทรงตัวถึงระดับปฐมฌานละเอียดขึ้นไป ความเป็นพระโสดาบันจึงจะเข้าถึงท่านได้ เพราะว่ามีกำลังในการตัดกิเลสเบื้องต้น ก็คือทำให้เราสามารถหักห้ามใจตนเองไม่ให้ละเมิดศีล มีสติรู้ระมัดระวัง ไม่ล่วงเกินในคุณพระรัตนตรัย มีสติรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย ตายแล้วเราขอไปพระนิพพาน

เถรี 27-01-2020 08:17

ถ้าหากว่าเป็นเช่นนี้ เราสามารถยึดหัวหาดเอาไว้ได้ ชีวิตของเราก็จะไม่มีวันตกต่ำอีก มีแต่เจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป เพราะว่าเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าระดับต้น คำว่า อริยะ แปลว่า ผู้เจริญ คือเจริญขึ้นโดยส่วนเดียว ไม่มีวันตกต่ำ ไม่ว่าจะทำความชั่วในอดีตมาขนาดไหน ถ้าไม่ใช่อนันตริยกรรม อำนาจความเป็นพระอริยเจ้าจะปิดอบายภูมิ เราไม่ต้องเกิดในนรก ไม่ต้องเกิดเป็นเปรต ไม่ต้องเกิดเป็นอสุรกาย ไม่ต้องเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เกิดเป็นมนุษย์ก็ได้อยู่ในขอบเขตของพุทธศาสนา ได้สร้าง ทาน ศีล ภาวนา เพื่อสนับสนุนตนเองให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพาน

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราต้องตระหนักให้ดี กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำของเราเอาไว้ทุกวัน ให้สภาพจิตเคยชินกับความดี เมื่อสภาพจิตเคยชินกับความดี มีความดีเพิ่มมากขึ้นก็จะดึงดูดแต่สิ่งที่ดี ๆ เข้ามาหาเรา ชีวิตของเราก็จะมีความสุขความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมไปโดยอัตโนมัติ

ดังนั้น อาศัยช่วงปีใหม่ ๒๕๖๓ พวกเราทั้งหลายพึงประพฤติปฏิบัติกาย วาจา ใจ ของตนให้อยู่ในกรอบของทาน ของศีล ของภาวนา โดยมีความเป็นพระโสดาบันและพระนิพพานเป็นที่ไปของเรา

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๒

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:16


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว