กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=12)
-   -   นายนกและนายเรือง ผู้เผาตนเพื่อเป็นพุทธบูชา (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=942)

เถรี 25-08-2009 13:05

นายนกและนายเรือง ผู้เผาตนเพื่อเป็นพุทธบูชา
 
เมื่อกล่าวถึงวัดอรุณราชวรารามแล้ว ทุก ๆ คนล้วนแต่รู้จักเป็นอย่างดี เนื่องจากวัดแห่งนี้เป็นวัดที่สำคัญ และสวยงามมากแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ฯ หลายคนคงนึกถึงวัดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีพระปรางค์สูงใหญ่สง่างาม หลายคนคงนึกถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เบียดเสียดกันข้ามเรือมาชมความงามของวัดแห่งนี้

แต่ในบทความนี้มิได้มุ่งกล่าวถึงประวัติ หรือปูชนียสถานอันยิ่งใหญ่และสวยงามของวัดอรุณราชวรารามแต่อย่างใด เนื่องจากเรื่องราวที่จะกล่าวถึงนี้เป็นเรื่องราวที่ถูกลืมเลือนไปจากความทรงจำของใครหลาย ๆ คน

นั่นก็คือ เรื่องราวของ "นายนก และนายเรือง" ผู้เผาตนเพื่อเป็นพุทธบูชา

หากใครได้เดินทางไปยังวัดอรุณราชวราราม หากลองเดินสำรวจทุกซอกทุกมุมของวัดแล้ว จะพบศาลาของนายนกและนายเรือง อยู่ด้านหน้าพระอุโบสถติดกับรูปปั้นยักษ์ ๒ ตน

เถรี 25-08-2009 13:12



ประวัติของนายเรือง ผู้นี้ถูกกล่าวไว้ในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๒ ฉบับพระนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ว่าเมื่อวันศุกร์เดือน ๓ ขึ้น ๘ ค่ำ พ.ศ. ๒๓๓๓

ก่อนที่นายเรืองจะเผาตัวตายประมาณ ๙ - ๑๐ วัน นายเรืองกับเพื่อนอีก ๒ คนคือ ขุนศรีกัณฐัศว์ แห่งกรมม้า และนายทองรัก ได้พากันไปอธิษฐานที่พระอุโบสถวัดครุฑ โดยมีดอกบัวตูมไปคนละดอก ต่างอธิษฐานว่าใครจะสำเร็จพระโพธิญาณแล้ว ขอให้ดอกบัวผู้นั้นจงเบ่งบาน

รุ่งขึ้นปรากฏว่าดอกบัวของนายเรืองบานเพียงผู้เดียว ของอีก ๒ คนไม่ยอมบาน ทำให้นายเรือง เชื่อมั่นว่าตนนั้นจะเป็นผู้ได้สำเร็จพระโพธิญาณแน่ จึงได้ไปที่ศาลาการเปรียญวัดอรุณฯ สมาทานพระอุโบสถศีล ฟังเทศนาและเอาสำลีชุบน้ำมันวางพาดที่แขน และ จุดไฟเผาเป็นพุทธบูชาแทนดวงประทีปทุกวัน แม้จะร้อนอย่างไรนายเรืองก็ทนได้ เพราะในใจคิดแต่เรื่องพระโพธิญาณเท่านั้น

ในวันเผาตัว เวลาทุ่มเศษ เมื่อนายเรืองได้ฟังเทศน์จบแล้ว ก็นุ่งผ้าชุบน้ำมันเดินออกมาที่หน้าศาลาการเปรียญ นั่งพนมมือในท่าที่เหมือนที่สลักเป็นหินไว้ เมื่อนั่งรักษาอารมณ์จนสงบดีแล้วจึงจุดไฟเผาตัวเอง ขณะที่ไฟลุกขึ้นท่วมตัวนั้น นายเรืองตะโกนประกาศร้องดัง ๆ ว่า " สำเร็จปรารถนาแล้ว....สำเร็จปรารถนาแล้ว...."

ขณะนั้นมีคนยืนดูการเผาตัวครั้งนี้ประมาณ ๕๐๐ - ๖๐๐ คนเพราะมีการประกาศให้รู้ล่วงหน้า คนที่ยืนดูต่างก็ร้องดัง ๆ ว่า "สาธุ!" ขึ้นพร้อมกัน แล้วก็เปลื้องผ้าห่มโยนเข้ากองไฟ แม้แต่คนนับถือศาสนาอื่นยังก้มหัวคำนับแล้วโยนหมวกเข้ากองไฟด้วย

พอไฟโทรมลง คนที่ศรัทธาได้ช่วยกันยกศพของนายเรืองใส่โลงตั้งไว้ที่ศาลาการเปรียญ สวดอภิธรรม ๓ คืน แล้วจึงนำไปเผาที่ทุ่งนาวัดหงส์รัตนาราม ติดกับพระราชวังเดิม กล่าวกันว่าเมื่อตอนที่จุดไฟเผาศพนายเรือง ได้มี ปลาในท้องนา กระโดดเข้ามาเผาตัวในกองไฟด้วย ๑๑ - ๑๒ ตัว

อัฐินายเรืองนั้นปรากฏว่ามีสีต่าง ๆ ทั้งเขียว ขาว เหลือง ขาบ ดูประหลาด จึงชวนกันเก็บใส่โกศดีบุก ตั้งไว้บนศาลาการเปรียญวัดอรุณราชวราราม

เถรี 25-08-2009 13:16



รูปนายนก เป็นหินสลักตั้งอยู่ในศาลาเล็กทางด้านซ้ายมือ ติดกับด้านกำแพงด้านนอกหน้าพระอุโบสถ

ประวัติของนายนก ถูกกล่าวไว้ในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๒ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค) ว่า เมื่อวันพุธ เดือนเจ็ด แรมเจ็ดค่ำ (พ.ศ.๒๓๕๙)

วันนั้นฝนตกหนัก ตั้งแต่เวลาพลบค่ำจนสิบเอ็ดทุ่มจึงหยุด ครั้งเวลาเช้าชายหญิงจึงมา เห็นนายนกเผาตัวเองตาย ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ที่หน้าพระอุโบสถเก่าแก่ แต่ไฟนั้นดับแล้ว

ก่อนหน้านั้นนายนกได้เคยบอกแก่ญาติมิตรชาวบ้านที่ชอบกันว่า นายนกจะประพฤติสุจริต ทำบุญรักษาศีล ตั้งจิตปรารถนานิพพานธรรม!!! ตั้งแต่นั้นมานายนกก็ปฏิบัติมักน้อย ลาบ้านเรือนญาติมิตรเสีย ออกไปสมาทานศีลเจริญภาวนารักษาจิตอยู่ในศาลาการเปรียญเก่าวัดอรุณราชวราราม (วัดแจ้ง) จะเป็นกังวลด้วยการบำรุงกายและกิจที่บริโภคนั้นหามิได้ เมื่อใครมีน้ำใจให้อาหารก็ได้บริโภคบ้าง บางทีก็ไม่ได้บริโภคอาหาร อดอาหารมื้อหนึ่งบ้าง บางวันก็ไม่ได้บริโภค ทรมานตนมาจนวันเผาตัวตาย เมื่อนายนกจะเผาตัวนั้นได้บอกกล่าวญาติมิตรผู้หนึ่งผู้ใดนั้นไม่มี คนทั้งปวงเมื่อเห็นศพนายนกก็พากันทำบุญสักการะบูชาศพนายนกเป็นอันมาก


http://kai1981.multiply.com/reviews/item/13


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:35


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว