กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   กระทู้ธรรม (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=2)
-   -   สิ่งละอัน พันละน้อย ค่อย ๆ สะสม (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1290)

ตัวแสบจำเป็น 10-11-2010 12:33

หลวงพี่เอก ที่บ้านมีนบุรี ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๓
 
การปฏิบัติต้องเอาให้มันจริงจัง เวลาหัวเราะก็หัวเราะไป เวลาสนุกก็สนุกไป แต่ไม่หลง
ไม่ใช่ไปนั่งทื่อ.. เพื่อนหัวเราะกัน แต่เรามัวคิดว่า "ไม่ได้ ๆ" อันนี้มันมีอารมณ์อวด
อยากให้เขารู้ว่า ฉันกำลังปฏิบัติ

มันก็เป็นธรรมชาติธรรมดา หัวเราะมาก ๆ ก็ไม่เที่ยง หัวเราะมาก ๆ ก็ทุกข์ อย่างนี้แหละ
จับหยาบ ๆ ก่อน แต่ทำไมต้องหัวเราะ ก็เพื่อให้เป็นยา


หลวงพี่เอก ที่บ้านมีนบุรี ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๓

ตัวแสบจำเป็น 11-11-2010 11:26

ท่านจิตโต ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ ณ บ้านสบายใจ
 
..เวลาเธอขยันปั๊บ กิเลสเข้า ตั้งใจมากนี่ กิเลสเข้าเลยนะ กิเลสตัวนี้เขาเรียกว่า อุปกิเลส
ไม่ใช่กิเลสเบื้องต้น แต่เป็นมันกิเลสขั้นกลาง ๆ ที่มันเข้ามาสิงสู่ในใจของเรา โดยที่เรา
ไม่รู้ตัวหรอก หนึ่งคือมันจะมีมานะ มันค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา กลายเป็นมานะ..
ถือตัวถือตน

นั่น.. เราเคยทำได้ เราเคยอย่างนั้น เราเคยอย่างนี้ แค่นี้เราต้องทำได้ แบบนี้ แบบนั้น
มันเป็นมานะโดยเราไม่รู้หรอก เราคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา เพราะว่าเรากำลังเอาใจใส่
กับที่ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาให้เราปฏิบัติ ถูกไหมล่ะ? เราก็ทุ่มเท เอาใจอยู่กับเรื่องแบบนี้
มาก ๆ แต่ว่า ทำไป ๆ สักระยะหนึ่ง มานะมันจะค่อย ๆ ก่อเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา กลายเป็น
การถือเนื้อถือตัวถือตนสูงมาก

ทีนี้จะมาชำระไอ้ตัวเลวแบบนี้ยาก เพราะว่ามันติดตรงที่ว่า เรากำลังทำดี ใครพูดไม่ได้ ใครเตือน
ไม่ได้ ใครมาแก้ทางปฏิบัติไม่ได้ ก็จะรู้สึกว่า ไม่ชอบ มาว่านิดก็ไม่ชอบ เตือนหน่อยก็ไม่ชอบ
ใช่ไหม? มันขึ้นถึงขั้นสูงแล้วล่ะ ถึงขั้นที่มันแสดงอาการไม่ชอบขึ้นมาแล้ว นี่มานะ.. เห็นไหม?

จริง ๆ แล้ว ถ้าเราปฏิบัติไม่ตั้งใจมากเกินไป ตัวมานะมันก็จะไม่เกิดขึ้นมาได้ง่าย ๆ
ในเรื่องของตัวเลวตัวหนึ่งนะ ถึงเป็นมานะที่เกิดขึ้นมาจากการปฏิบัติดี ตั้งใจเอาดี
แต่มานะตัวนี้ ร้ายยิ่งกว่ามานะตัวใด ๆ มันทำลายความดีตัวเองก็ง่าย มันทำลายความดีของ
คนอื่นก็ยิ่งพริบตาเดียวเลย รู้จักหน้ามันไหมล่ะ? ใครเคยโดนมันสิงบ้างไหม?


ท่านจิตโต ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ ณ บ้านสบายใจ

ตัวแสบจำเป็น 12-11-2010 16:44

ท่านจิตโต ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ ณ บ้านสบายใจ
 
จุดสำคัญอยู่ตรงที่ว่า การตั้งใจเกินไปเป็นส่วนเสีย เป็นสิ่งที่เสียมากต่อการปฏิบัติ
นี่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราตั้งใจเกินไป หรือว่าเราตั้งใจน้อยไป เขาเอาอะไรมาเป็น
เครื่องวัด ข้อแรก.. ขาดเมตตา ขาดกรุณา ขาดมุทิตา แล้วก็ขาดอุเบกขา
นี่คือสิ่งที่เป็นเครื่องวัดข้อแรก จำไว้นะ ว่าเรากำลังตั้งใจเกินไป

คนตั้งใจปฏิบัติเกินไป มันจะไม่สนใจคนอื่น พอเราไม่สนใจคนอื่น เราไม่ใส่ใจที่ใคร
จะเป็นอะไร ยินดีก็ไม่ยินดีกับเขา เมตตามันก็ไม่มี สงสารก็ไม่มี วางเฉยก็ไม่วางเฉย
กับใครหรอก ก็ไม่ได้เมตตาตั้งแต่แรก จะไปวางทำไมล่ะ เป็นอย่างนั้น ก็เลยเอาแต่
เรื่องของตัวเองเป็นหลัก พอเอาตัวเองเป็นหลัก ก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องของใครเขา

ใครเขาอย่างนั้น ใครเขาอย่างนี้ ก็เหมือนกับ.. แตะเราไม่ได้นะ แตะต้องเราไม่ได้
แตะแล้วเราขึ้นน่ะ อา... แตะเป็นขึ้นก็แล้วกันล่ะ นี่เครื่องวัดข้อที่หนึ่งนะ เอาไปวัดใจเรา
คนปฏิบัติเธอไปดูเอาเถอะ ไม่ว่าใคร เขาไม่วัดกันที่ว่า ใครมีความรู้ความสามารถ หรือว่า
ใครมีทิพยจักขุญาณเก่งกาจ รู้โน่นรู้นี่ พยากรณ์เรื่องนั้น พยากรณ์เรื่องนี้ ถูกแม่นยำ
มันจะแม่นก็ได้ ไม่แม่นก็ได้ ก็แล้วแต่เถอะนะ แม่นบ้างไม่แม่นบ้างมันก็มีแหละ
บางทีมันฟลุกแม่นขึ้นมาล่ะ มันก็มีถูกไหมล่ะ?

แต่ถ้าพรหมวิหาร ๔ ไม่มีนะ นั่นแสดงว่าเธอน่ะ กำลังถูกครอบเข้ามาอยู่ในขอบข่ายของ
อุปกิเลสเต็ม ๆ สามารถยกตนข่มคนอื่นก็ได้ ตีตัวเสมอคนอื่นก็ได้ ลบหลู่คนอื่นก็ได้
ถูกไหมล่ะ? มันมีแล้วนี่ คือไม่มีคำว่ามุทิตาแล้วน่ะ และไม่มีเมตตาและกรุณากับใครเขาน่ะ
เอาแต่เรื่องของตัวเอง แล้วก็ยกตัวเองขึ้นมาให้มันสูงขึ้นกว่าคนอื่นเขา หลังจากนั้นก็จะแสดง
อาการเหมือนเชิดน่ะ ก็เดินเชิด (หัวเราะ) รู้จักเดินเชิดไหม? เชิดเลยเรา


ท่านจิตโต ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ ณ บ้านสบายใจ

ตัวแสบจำเป็น 02-04-2012 11:48

หลวงพี่เอก ที่อาศรมโยคี ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๕
 
บุคคลใดมีมรรคผลเป็นแก่นสาร ย่อมที่จะทนอยู่ได้ในพระศาสนานี้

หลวงพี่เอก ที่อาศรมโยคี ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๕


++++++++++++++++++++++++++

โดนทวง "ยิก ๆ" น้องนำมาลงให้แล้วนะ (เจ๊ยิ้ม) :onion_wink:

ตัวแสบจำเป็น 18-04-2012 20:10

หลวงพี่เอก ที่อาศรมโยคี ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๕
 
มรรคผลนิพพานเป็นเรื่องละเอียดลออมาก
ถ้าใจเรายังหยาบคายอยู่ไม่มีทางหรอก.. ไม่มีทาง
ดังนั้นก็ต้องเพียรระวัง ระวังใจตัวเองเอาไว้


หลวงพี่เอก ที่อาศรมโยคี ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๕

ตัวแสบจำเป็น 25-04-2013 22:09

ความกลัวทำให้มีกาลเวลา กาลเวลาทำให้มีการเกิด
ถ้าเราเป็นคนที่ไม่มีกาลเวลา เราก็ไม่ต้องมีการเกิด


หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน

หมายเหตุ คำสอนนี้ได้จากสัญญาน้อย ๆ ของข้าพเจ้า มิได้มีการถอดข้อความจากเสียงบันทึกใด ๆ หากมีการผิดพลาด ข้าพเจ้าขอน้อมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว

ตัวแสบจำเป็น 28-09-2013 15:52

หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน
 
พอเรายอมรับว่ามันเป็นอย่างนี้เอง แล้วเราจะเย็นเอง ไม่ต้องไปบังคับ
หรือควบคุมอะไรเลย ไม่ต้องหาอะไรไปแก้มัน พอเรารู้ตัวปั๊บ แสดงว่า
เรามีสติ สติตัวนี้มันเกิดขึ้นได้สำหรับคนที่มีสมาธิ เพราะตระหนักรู้
อยู่ในตัวเอง จึงใช้ได้ แล้วก็จะเย็นเอง


๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ ที่วัดชอนทุเรียน
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต

สายท่าขนุน 28-09-2013 22:27

ความเงียบ คือความงาม คือความที่เป็นจริง คือสัจธรรม

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน

หมายเหตุ :
หลวงพ่อเมตตาเขียนข้อธรรมต่าง ๆ ลงกระดาษโปสเตอร์ให้พวกเราหลายคน

สายท่าขนุน 28-09-2013 22:39

เรื่องของคนอื่น ไม่ต้องไปยุ่ง ไม่ต้องไปช่วย... อย่าได้คิดว่าเราเป็นคนเก่งจากเรื่องแบบนี้...
ระวังใจตัวเองให้ดี เห็นเรื่องของคนอื่น ก็เห็นแล้ววางไว้ที่นั่น...
ถ้าคิดว่า 'เรา' ถูก 'เรา' หวังดี ก็จะ 'โกรธ' ที่เขาไม่ฟังเรา...
ถ้าคิดว่า 'เรา' ทำผิด 'ใจ' เราก็จะ 'ชอกช้ำ'

ปัญหาทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่ใคร อยู่ที่ 'ใจ' เราที่เดียว ไปรับไว้ ไปปรุงแต่ง...
ฝึก 'หยุดคิด' ให้ได้นะ ทำให้ชิน ครั้งละวินาทีก็ยังดี
หยุดคิดไม่ได้ ก็ไม่หลุดไม่พ้นวัฏสงสารไปได้หรอก


หมายเหตุ :
บันทึกจากความจำ ในขณะที่กราบเรียนถามประเด็นของโยมท่านหนึ่งที่เห็นว่าคนรอบข้างทำไม่ถูก แล้วอยากแนะนำ
ส่วนเราเองก็มีประเด็นหมองใจ จากการคิดว่าตัวเองทำผิด


๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๖
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน

ตัวแสบจำเป็น 29-09-2013 16:43

หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน ๒๒ กันยายน ๒๕๕๖
 
ที่ใจเราเศร้าหมอง เพราะเราไปขัดแย้งความเป็นจริง เรื่องจริงมันเป็นอย่างนี้ ก็ต้องเป็นอย่างนี้

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ ที่วัดชอนทุเรียน
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต

ตัวแสบจำเป็น 29-09-2013 16:51

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน
 
ปัญญานี่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร มันเป็นอะไรบางอย่างที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ที่เรียกว่าปัญญา แล้วก็ไม่ได้เป็นของคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่เป็นของฉัน
ไม่ใช่เป็นของโยม ไม่ใช่เป็นของใคร ๆ แต่มันเป็นสิ่งที่เป็นอิสระ
ถ้าเราเข้าถึงมัน มันจะมีความปลอดภัยในหัวใจ ไม่รู้จะใช้ศัพท์อะไร
ที่มันเหมาะ

คำว่าปัญญานี่ มันช่างวิเศษเหลือเกิน ถ้าเราเข้าถึงปั๊บ ใจมันจะเยือกเย็น
และปลอดภัย สมบูรณ์แบบทุกอย่างเลย โยมจะไม่มีอันตราย
พอเข้าถึงปัญญาปั๊บ โยมจะไร้ปัญหาเพราะความวิตก


๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ ที่วัดชอนทุเรียน
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต

สายท่าขนุน 29-09-2013 20:49

โยม : ความคิดส่วนใหญ่เกิดจากกิเลส ?
หลวงพ่อ : เกือบทั้งหมดนั่นละ คงมีน้อยมากที่เกิดจากปัญญา

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน

สายท่าขนุน 29-09-2013 20:57

ปฏิบัติธรรม อย่าไปบังคับ ไม่ต้องไปหาวิธีการ
อ่านแล้วมาทำก็ไม่ได้หรอกมันแค่ตัวหนังสือ คำพูดหรือตัวหนังสือ มันอธิบายธรรมะไม่ได้หรอก
ฝึกหยุดคิดให้ได้ ตามดูมันไป ใจเย็น ๆ ... ปฏิบัติธรรม ต้องใจสบาย ใจร้อนรุ่มไม่ได้

ดูสิว่า มีอะไรเที่ยงบ้าง สังขารเราก็ไม่เที่ยง สังขารคนอื่นก็ไม่เที่ยง วัตถุสิ่งของก็ไม่เที่ยง
ความคิดเราก็อยู่กับสิ่งที่ไม่เที่ยงนี้ทั้งนั้น แล้วความคิดเราจะไปเที่ยงได้อย่างไร
จะเอาสาระ ถูก ผิด ได้ที่ไหน
...

ดูมันไปเฉย ๆ ใจเย็น ๆ ไม่ต้องไปชอบ หรือไม่ชอบ อะไรกับมัน

หมายเหตุ :
บันทึกจากความจำ และนำมาเรียบเรียงเก็บไว้ในบันทึกของตัวเอง

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน

สายท่าขนุน 29-09-2013 21:10

โยม : หลวงพ่อสอนให้ฝึกหยุดคิด... ตอนนี้โยมฝึกจับลมหายใจ ก็ยึดลมหายใจ
ที่ถูกแล้วต้องตามรู้ลมหายใจ ถูกต้องหรือไม่ ?

หลวงพ่อ : ไม่ถูก ที่ถูกต้องตามรู้ความคิดของเราเอง
แต่ไม่ให้เอาสาระจากความคิดเรา ไม่เอาถูก ไม่เอาผิด...
ตามดูมันไปอย่างนั้น เรียกว่ามีอุเบกขากับความคิดตัวเอง


หมายเหตุ :
บันทึกจากความจำ และนำมาเรียบเรียงเก็บไว้ในบันทึกของตัวเอง

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน

ตัวแสบจำเป็น 30-09-2013 13:04

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน
 
ไม่มีใครทำให้เราเกิดปัญญา แม้แต่คุยกันนี่ ฉันก็ไม่สามารถทำให้โยม
มีปัญญาได้ นอกจากโยมใช้การพิจารณาของโยมเอง ปัญญาถึงจะเกิด


แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ทำให้โยมมีปัญญาเองไม่ได้

เพียงแต่โยมหยั่งคิดด้วยจิตเป็นอิสระ โยมจะเข้าใจของโยมเอง เขาเรียกว่า
หยั่งรู้ พอหยั่งรู้ ความรู้นั้นมันสามารถกำจัดปัญหาทั้งหมดได้ นั่นแหละ "ปัญญา"



๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ ที่วัดชอนทุเรียน
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต

ตัวแสบจำเป็น 30-09-2013 13:11

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน
 
โยมจะมีศีลหรือไม่มีศีล ถ้าตอนนั้นโยมหยุดนิ่งก็ถือว่าสมบูรณ์แล้ว
ศีลโยมจะสมบูรณ์ เพราะโยมไม่ได้คิดร้าย คิดอิจฉา คิดอาฆาตพยาบาท
คิดมีเมตตา ตัวนี้คือตัวนำซึ่งศีล ตัวนำของทางซึ่งปัญญา


ถ้าวันใดวันหนึ่งโยมไม่มีเมตตา ไม่มีความรัก เกื้อกูล
โยมจะเข้าถึงปัญญาไม่ได้
ให้โยมอ่านตำราสักเท่าไร ก็ไม่ได้
นี่เรียกว่าหยั่งรู้



๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ ที่วัดชอนทุเรียน
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต

ตัวแสบจำเป็น 30-09-2013 13:21

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน
 
แล้วก็ธรรมะเหมือนกัน ถ้าโยมมองดูด้วยใจคอมุ่งหวัง อยากได้
อยากเป็น อยากรู้ อยากเห็น โยมจะไม่ได้


โยมต้องวางอารมณ์สบาย ๆ ด้วยความนิ่มนวล ความรู้สึกของใจว่า
ไม่มีอะไรในหัวใจ สบาย ๆ เป็นคลื่นที่ถี่ โยมจะรับธรรมะได้
ธรรมะนี่เป็นธรรมชาติ มันเยือกเย็น



๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ ที่วัดชอนทุเรียน
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต

ตัวแสบจำเป็น 01-10-2013 16:47

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน
 
คำสอนของพระพุทธองค์ทั้งหมด มีไว้เพื่อการแก้ทุกข์ เพื่อความปลอดภัยของชีวิต
และศาสนามีไว้เพื่อ ถ้าเข้าถึงคือการไร้ปัญหาทั้งหมด ไม่ใช่มีเอาไว้เพื่อรบราฆ่าฟันกัน



๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ ที่วัดชอนทุเรียน
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต

ตัวแสบจำเป็น 01-10-2013 16:49

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน
 
ถ้าเราเข้าถึงในปัจจุบันได้ ไม่ต้องกลัวหรอกว่า อนาคตจะเข้าไม่ถึง


๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ ที่วัดชอนทุเรียน
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต

ตัวแสบจำเป็น 01-10-2013 16:52

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน
 
โยมปล่อยใจ อย่าไปผูกไว้ อานิสงส์แรงกว่าไปปล่อยปู ปล่อยปลา
ปล่อยหมา ปล่อยโค อย่าผูกมัดหัวใจตัวเอง ทำใจตัวเองให้รื่นเริง
เบิกบาน กว้างขวาง นั่นคือการปล่อยทุกข์ ใหญ่กว่า ยิ่งใหญ่กว่า
ตัวใหญ่กว่า มหาศาลกว่า



๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ ที่วัดชอนทุเรียน
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:53


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว