กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=43)
-   -   หากิเลสเข้าตัว (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1653)

ลัก...ยิ้ม 08-03-2010 11:44

หากิเลสเข้าตัว
 
หากิเลสเข้าตัว

หลวงพ่อฤๅษี ท่านเมตตามาสอน เรื่องคำว่าหากิเลสเข้าตัว มีความสำคัญดังนี้

๑. “คำว่าหากิเลสเข้าตัว อย่าคิดว่าจะหาแต่รูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศเท่านั้นที่เป็นกิเลส นั่นเป็นอารมณ์ที่ชอบใจ แต่ต้องหารูปไม่สวย เสียงไม่เพราะ กลิ่นไม่หอม รสไม่อร่อย สัมผัสระหว่างเพศที่ไม่สมหวังด้วย อันเป็นอารมณ์ที่ไม่ชอบใจ เพราะนี่ก็เป็นกิเลส ถ้าจะหาก็ต้องกระทบหมดทั้ง ๒ อารมณ์”

๒. “กิเลสมี ๓ ตัว คือ ราคะ ปฏิฆะ และโมหะ ต้องเรียนรู้ธรรมให้ทั่วว่า กุศลเป็นอย่างไร อกุศลเป็นอย่างไร”

๓. “ตัวธรรมล้วน ๆ ไม่มีอารมณ์ปรุงแต่ง อย่างกระทบคนรูปสวย ก็รู้ว่าธรรมอะไรเป็นปัจจัย กระทบคนรูปไม่สวย ก็รู้ว่าธรรมอะไรเป็นปัจจัย แล้วก็ต้องดูว่าอารมณ์ของเรา ว่าไหวไปกับความชอบใจ-ไม่ชอบใจหรือเปล่า ถ้าไหวกิเลสก็เอาไปกิน เพราะไม่ยอมรับความจริงของร่างกาย ว่าเป็นธาตุ ๔ มีอาการ ๓๒ ไม่เที่ยง เกิดแล้วเสื่อมดับ ๆ เป็นสันตติเหมือน ๆ กัน ธรรมที่แท้จริงเป็นอยู่อย่างนี้เป็นปกติ”

ลัก...ยิ้ม 09-03-2010 11:20

๔. “อย่างรสก็เหมือนกัน มะม่วงรสมันก็เป็นอย่างนั้น หมู เห็ด เป็ด ไก่ มันก็มีรสของมันประจำตัว (เฉพาะตัว) ถ้าเราเข้าใจธรรม มันก็เป็นของมันอย่างนั้นปกติ กลิ่นก็เหมือนกัน น้ำหอมกลิ่นมันก็ปกติอยู่อย่างนั้น ขยะมันก็มีกลิ่นปกติ เหม็นอยู่อย่างนั้น เสียงสรรเสริญ-นินทา มันก็เป็นธรรมปกติอย่างนั้น สัมผัสระหว่างเพศมันก็เป็นปกติอยู่อย่างนั้น เป็นธรรมดาของชาวโลก ยิ่งชาวโลกที่ไม่รู้เท่าทันธรรมปกตินั้น ก็ติดข้องอยู่ในดงกิเลส คือ ยังจิตให้ไหวไปในความชอบใจ ไม่ชอบใจ สร้างทุกข์-สุข แนบอิงร่างกายให้เกิดอยู่ตลอดเวลา”

๕. “แต่ชาวธรรม ต้องทำจิตให้เข้าถึงธรรม รู้ธรรมแท้ ๆ ที่ไม่ปรุงแต่ง เห็นทุกข์ เห็นโทษของกามคุณ ๕ อย่างชัดเจน จิตไม่ติดข้องอยู่ ในที่สุดก็เข้าถึงธรรมอัพยากฤต คือ เข้าถึงพระนิพพานนั่นเอง เอ็งว่าง่ายไหม ? (ตอบว่ายาก) ง่ายหรือยากไม่สำคัญ สำคัญที่กำลังใจ ทำให้มันจริงก็แล้วกัน”

๖. “จำไว้ ถ้ากายมันยังไม่หมดกามกำหนัด จิตมันยังไม่หมดอารมณ์กามกำหนัด ห้ามทิ้งอสุภะและมรณา และกายคตาออกไปจากจิตเป็นอันขาด กรรมฐานเหล่านี้พระอรหันต์ท่านก็ยังไม่ทิ้ง นับรวมไปถึงอานาปากับอุปสมาด้วย จิตท่านทรงอยู่เป็นปกติ เพราะฉะนั้นจิตท่านจึงมีสติ ไม่หลงลืมความจริง คือรู้แจ้งในธรรมทั้งปวง จิตท่านจึงมีความไม่ประมาท ด้วยรู้เท่าทันกองสังขารแห่งจิต และรู้เท่าทันกองสังขารแห่งกายตลอดเวลา”

๗. “จิตมีปัญญา โดยอาศัยศีลกับสมาธิบริสุทธิ์-บริบูรณ์เป็นพื้นฐาน เพราะฉะนั้นเอ็งอย่าทรงกรรมฐานกองสำคัญเหล่านี้แค่สัญญา คือ จำได้เท่านั้น มันก็ใช้ไม่ได้ ต้องพิจารณาด้วยปัญญาอยู่เนือง ๆ จนกระทั่งกาย วาจา ใจ มันสงบจากอารมณ์ชอบใจ-ไม่ชอบใจจริง ๆ มันจึงจะเป็นของแท้ เรามุ่งเอาดีกัน เอาปัญญาทางธรรม อย่าเอาแค่สัญญาทางโลก คือ ความจำซึ่งหยาบเกินไปใช้ไม่ได้”

ลัก...ยิ้ม 09-03-2010 11:21

ธรรมที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์ (เล่ม ๔)
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:40


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว