กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   ธรรมวิภาค (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=68)
-   -   จตุกกะ คือ หมวด ๔ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5766)

ตัวเล็ก 17-08-2017 22:39

จตุกกะ คือ หมวด ๔
 
วุฑฒิ คือ ธรรมเป็นเครื่องเจริญ ๔ อย่าง
๑. สัปปุริสสังเสวะ คบท่านผู้ประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ ที่เรียกว่า สัตบุรุษ
๒. สัทธัมมัสสวนะ ฟังคำสอนของท่านโดยเคารพ
๓. โยนิโสมนสิการ ตริตรองให้รู้จักสิ่งที่ดีหรือชั่วโดยอุบายที่ชอบ
๔. ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรมที่ได้ตรองเห็นแล้ว


วุฑฒิ คือ ธรรมเป็นเครื่องเจริญ หมายความว่า ถ้าทางคดีโลก ก็เป็นเหตุให้เจริญด้วย วิชาความรู้ ทรัพย์สินเงินทองและคุณความดี ถ้าเป็นคดีธรรมก็เป็นเหตุให้เจริญด้วยศีล สมาธิ และปัญญา

สัตบุรุษ คือ คนดีมีความรู้ ดังได้อธิบายแล้วในสัปปุริสสบัญญัติ
การคบ คือ การเข้าไปหาคนดีด้วยมุ่งหวังจะซึมซับเอาความดีจากท่านมาสู่ตน ฟังคำสอนของท่านโดยเคารพ คือให้ความสำคัญต่อคำสอนและผู้สอน ไม่ใช่ฟังพอเป็นมารยาท ไม่สนใจที่จะนำเอาไปปฏิบัติ


โยนิโสมนสิการ คือ พิจารณาด้วยปัญญา ถึงสิ่งที่ท่านสอนว่าชั่วนั้นชั่วจริงไหม และที่ท่านสอนว่าดีนั้นดีจริงไหม ชั่วคือเป็นเหตุให้เกิดทุกข์เกิดโทษ ดีคือเป็นเหตุให้เกิดประโยชน์เกิดความสุข ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น

ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ คือ
๑. ธัมมะ หมายถึง เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้
๒. อนุธัมมะ หมายถึง วิธีการที่จะทำให้บรรลุถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้
๓. ปฎิปัตติ หมายถึง การปฏิบัติ
คือการลงมือทำ
รวมกันแล้วเป็น
ธัมมานุธัมมปฏิบัติ ท่านแปลว่า ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรมที่ได้ตรองเห็นแล้ว ยกตัวอย่างเช่น นักเรียนต้องการจะมีงานทำที่ดี นักเรียนจะต้องขยันเอาใจใส่ ตั้งใจเรียน ไม่เอาแต่เที่ยวเตร่เสเพล


ที่มา http://nakthamtee.blogspot.com/2015/09/blog-post.html

ตัวเล็ก 24-10-2017 10:05

จักร ๔
๑. ปฏิรูปเทสวาสะ อยู่ในประเทศอันสมควร
๒. สัปปุริสูปัสสยะ คบสัตบุรุษ
๓. อัตตสัมมาปณิธิ ตั้งตนไว้ชอบ
๔. ปุพเพกตปุญญตา ความเป็นผู้ได้กระทำความดีไว้ในปางก่อน


จักร หรือ บางแห่งเรียกว่า จักรธรรม
แปลว่า ธรรมที่เปรียบเหมือนล้อรถ อันสามารถนำพาชีวิตของผู้ปฏิบัติตาม ไปสู่ความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม

๑. การอยู่ในประเทศอันสมควร หมายถึง อยู่ในสังคมของคนที่มีศีลธรรม มีความรู้
๒. การคบสัตบุรุษ มีอธิบายเหมือนในวุฑฒิธรรม คือ การคบคนที่พร้อมด้วยกาย วาจา ใจ อันประเสริฐ ด้วยมุ่งหวังจะซึมซับเอาความดีจากท่านมาสู่ตน
๓. การตั้งตนไว้ชอบ หมายถึง ประพฤติตนในศีลธรรม เคารพกฎหมายบ้านเมือง รักษาวัฒนธรรมและประเพณีที่ดีงาม
๔. ปุพเพกตปุญญตา ความเป็นผู้ได้กระทำความดีไว้ในปางก่อน หมายถึง ได้สร้างเหตุแห่งประโยชน์และความสุขไว้ในชาติก่อน ปีก่อน เดือนก่อน หรือวันก่อน เช่นนักเรียนตั้งใจเรียนในวันนี้ จะเป็นเหตุให้ได้หน้าที่การงานที่ดีในวันหน้า เป็นต้น


ที่มา http://nakthamtee.blogspot.com/2015/09/blog-post.html

ตัวเล็ก 25-10-2017 09:30

อคติ ๔
๑. ลำเอียงเพราะรักใคร่กัน เรียก ฉันทาคติ
๒. ลำเอียงเพราะไม่ชอบกัน เรียก โทสาคติ
๓. ลำเอียงเพราะเขลา เรียก โมหาคติ
๔. ลำเอียงเพราะกลัว เรียก ภยาคติ


อคติ ๔ ประการนี้ ไม่ควรประพฤติ

อคติ แปลว่า การถึงฐานะที่ไม่ควรถึง ท่านแปลเอาใจความว่า ความลำเอียง ในสิงคาลสูตรตรัสเรียกว่า เหตุให้ทำบาป บาปธรรมทั้ง ๔ นี้โดยมากเกิดกับผู้มีอำนาจ

คนที่ตนรัก ผิดก็หาทางช่วยเหลือไม่ลงโทษ ไม่มีความรู้ ความสามารถ ก็แต่งตั้งให้เป็นใหญ่ เป็นต้น ชื่อว่ามีฉันทาคติ
คนที่ตนเกลียด คอยจ้องจับผิด คอยขัดขวางความเจริญก้าวหน้าและทำลายล้างเป็นต้น ชื่อว่ามีโทสาคติ
ไม่รู้ข้อมูลที่แท้จริง ทำโทษหรือยกย่องคนไปตามคำบอกเล่าของผู้ประจบสอพลอ เป็นต้น ชื่อว่ามีโมหาคติ
หวังเกาะผู้มีอำนาจ กลัวเขาจะไม่ช่วยเหลือ จึงทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องอันผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม เป็นต้น ชื่อว่ามีภยาคติ


ผู้ประพฤติอคติ ๔ ประการนี้ ย่อมเป็นผู้ไร้เกียรติ ดังพระพุทธพจน์ว่า ผู้ล่วงละเมิดธรรมเพราะความรัก ความชัง ความหลง และความกลัว เกียรติยศของผู้นั้นย่อมเสื่อมจากใจคน เหมือนดวงจันทร์ข้างแรม

ที่มา http://nakthamtee.blogspot.com/2015/09/blog-post.html

ตัวเล็ก 25-10-2017 14:53

ปธาน คือความเพียร ๔ อย่าง
๑. สังวรปธาน เพียรระวังบาปไม่ให้เกิดขึ้นในสันดาน
๒. ปหานปธาน เพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว
๓. ภาวนาปธาน เพียรให้กุศลเกิดขึ้นในสันดาน
๔. อนุรักขนาปธาน เพียรรักษากุศลที่เกิดขึ้นแล้วไม่ให้เสื่อม
ความเพียร ๔ อย่างนี้ เป็นความเพียรชอบ ควรประกอบให้มีในตน


ปธาน เป็นชื่อของความเพียรที่แรงกล้า ไม่ย่นย่อท้อถอย ดังพระพุทธพจน์ว่า แม้เนื้อและเลือดในร่างกายจะเหือดแห้งไป เหลืออยู่แต่หนัง เอ็น และกระดูกก็ตาม เมื่อยังไม่บรรลุผลที่จะพึงบรรลุได้ด้วยเรี่ยวแรงของลูกผู้ชาย ความหยุดยั้งแห่งความเพียรจะไม่มี

ความเพียรมีอย่างเดียวแต่ทำหน้าที่ ๔ อย่าง คือ
๑. เพียรระวังความชั่วที่ยังไม่เคยทำ ไม่เคยพูด ไม่เคยคิด อย่าให้เกิดขึ้น
๒. เพียรละความชั่วที่เคยเผลอตัวทำ พูดและคิดมาแล้ว โดยจะไม่ทำอย่างนั้นอีก
๓. เพียรสร้างความดีที่ยังไม่เคยทำ ไม่เคยพูด ไม่เคยคิด
๔. เพียรรักษาความดีที่เคยทำ เคยพูด เคยคิดมาแล้ว โดยการทำ พูด และคิดความดีนั้นบ่อย ๆ


ที่มา http://nakthamtee.blogspot.com/2015/09/blog-post.html

ตัวเล็ก 26-10-2017 13:38

อธิษฐานธรรม ๔
คือธรรมที่ควรตั้งไว้ในใจ ๔ อย่าง
๑. ปัญญา รอบรู้สิ่งที่ควรรู้
๒. สัจจะ ความจริงใจ คือประพฤติสิ่งใดก็ให้ได้จริง
๓. จาคะ สละสิ่งที่เป็นข้าศึกแก่ความจริงใจ
๔. อุปสมะ สงบใจจากสิ่งที่เป็นข้าศึกแก่ความสงบ


อธิษฐานธรรม ท่านแปลว่า ธรรมที่ควรตั้งไว้ในใจ หมายความว่า ให้แสวงหาธรรมทั้ง ๔ นี้มาเก็บไว้ในใจตน โดยการฝึกฝนปฏิบัติตามให้ได้ จะทำให้เป็นคนมีค่าแก่สังคม และมีความสุขใจแก่ตนเองด้วย

ปัญญา รอบรู้สิ่งที่ควรรู้ ในทางธรรมหมายถึง รู้สภาวธรรม มีขันธ์เป็นต้น ตามความจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่ควรไปยึดมั่นถือมั่นให้เกิดทิฎฐิมานะ แบ่งชั้นวรรณะ เป็นต้น ในทางโลกหมายถึงรู้เหตุแห่งความเสื่อมและความเจริญ ตลอดถึงรู้วิชาการต่าง ๆ อันเป็นเหตุเกิดของทรัพย์ เกียรติ และความสุข เป็นต้น

สัจจะ ความจริงใจ หมายความว่า รู้ว่าอะไรไม่ดีก็ละให้ได้จริง รู้ว่าอะไรดีมีประโยชน์ก็ตั้งใจทำให้ได้จริง สัจจะนี้นำความดีทุกชนิดมาสู่ตน ดังโพธิสัตวภาษิตว่า สมณพราหมณ์ทั้งหลายข้ามพ้นชราและมรณะได้ เพราะตั้งอยู่ในสัจจะ

จาคะ สละสิ่งที่เป็นข้าศึกแก่ความจริงใจ หมายความว่า รู้จักกลับตัวกลับใจจากความไม่ดีทั้งหลายที่เคยทำ เคยพูด เคยคิด และเคยยึดติดมาก่อน

อุปสมะ สงบใจจากสิ่งที่เป็นข้าศึกแก่ความสงบ หมายความว่า รู้จักดับความขุ่นข้องหมองใจ ความวิตกกังวลต่าง ๆ อันเกิดจากกิเลสมีนิวรณ์ ๕ เป็นต้น


ที่มา http://nakthamtee.blogspot.com/2015/09/blog-post.html

ตัวเล็ก 30-10-2017 13:56

อิทธิบาท คือ คุณเครื่องให้สำเร็จความประสงค์ ๔ อย่าง
๑. ฉันทะ พอใจรักใคร่ ในสิ่งนั้น
๒. วิริยะ เพียรประกอบสิ่งนั้น
๓. จิตตะ เอาใจฝักใฝ่ในสิ่งนั้นไม่วางธุระ
๔. วิมังสา หมั่นตริตรองพิจารณาเหตุผลในสิ่งนั้น


คุณ ๔ อย่างนี้ มีบริบูรณ์แล้ว อาจชักนำบุคคลให้ถึงสิ่งที่ต้องประสงค์ ซึ่งไม่เหลือวิสัย
อิทธิ แปลว่า ความสำเร็จ บาท หรือ ปาทะ แปลว่า เหตุที่ทำให้ถึง
อิทธิบาท จึงแปลว่า เหตุที่ให้ถึงความสำเร็จ หมายถึง เหตุที่มีกำลังในการบรรลุความสำเร็จ
ฉันทะ คือ ความปรารถนา ความต้องการ ความประสงค์ ความมุ่งหมาย เมื่อต่อเข้ากับอิทธิบาท จึงมีความหมายว่า ความปรารถนา ความต้องการ ความประสงค์ ความมุ่งหมาย ที่มีกำลังในการบรรลุความสำเร็จ


อิทธิบาท คือ ฉันทะ ย่อมพาเอาความคิดจิตใจทั้งหมดไปรวมอยู่กับสิ่งที่ปรารถนา ที่พอใจ เหมือนกระแสน้ำที่ไหลมาอย่างแรง ย่อมพัดพาเอาต้นไม้ กอไผ่ กอหญ้า เป็นต้น
ไปกับกระแสน้ำด้วย วิริยะอิทธิบาท จิตตะอิทธิบาท และวิมังสาอิทธิบาท ก็มีอธิบายเหมือนอย่างนี้


วิริยะ คือ ความอาจหาญในการงาน ย่อมสำคัญงานใหญ่ว่างานเล็ก งานหนักว่างานเบา งานยากว่างานง่าย ทางไกลว่าทางใกล้ เป็นต้น
จิตตะ คือ ความคิดถึงการงานนั้นแบบใจจดใจจ่อ เปรียบเหมือนคนกระหายน้ำจัด ใจคิดถึงแต่น้ำตลอดเวลา
วิมังสา คือ การไตร่ตรองใช้ปัญญาพิจารณาหาเหตุผล และวิธีการที่จะทำงานนั้นให้สำเร็จลงให้ได้


ที่มา http://nakthamtee.blogspot.com/2015/09/blog-post.html

ตัวเล็ก 03-11-2017 10:23

ควรทำความไม่ประมาทในที่ ๔ สถาน
๑. ในการละกายทุจริต ประพฤติกายสุจริต
๒. ในการละวจีทุจริต ประพฤติวจีสุจริต
๓. ในการละมโนทุจริต ประพฤติมโนสุจริต
๔. ในการละความเห็นผิด ทำความเห็นให้ถูก


อีกอย่างหนึ่ง
๑. ระวังใจไม่ให้กำหนัด ในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
๒. ระวังใจไม่ให้ขัดเคือง ในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความขัดเคือง
๓. ระวังใจไม่ให้หลง ในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความหลง
๔. ระวังใจไม่ให้มัวเมา ในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความมัวเมา


ความประมาท คือ ความขาดสติอันก่อให้เกิดผลเสีย ๓ ประการ คือ
๑. ให้เกิดการทำความชั่ว
๒. ให้หลงลืมทำความดี
๓. ไม่ทำความดีอย่างต่อเนื่อง


ความไม่ประมาท คือ ความมีสติกำกับใจอยู่เสมอ ให้เกิดความคิดเป็นกุศล ดังนี้
๑. ไม่ทำความชั่ว
๒. ไม่ลืมทำความดี
๓. ทำความดีให้ดียิ่งขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง


เมื่อสรุปคำสอนทั้ง ๒ นัยนี้ ย่อมได้ความไม่ประมาท ๓ ประการ คือ
๑. ระวังอย่าไปทำความชั่ว
๒. อย่าลืมทำความดี
๓. อย่าปล่อยใจให้ไปคิดเรื่องบาปเรื่องอกุศล

ตัวเล็ก 06-11-2017 15:22

พรหมวิหาร ๔
๑. เมตตา ความรักใคร่ ปรารถนาจะให้เป็นสุข
๒. กรุณา ความสงสาร คิดจะช่วยให้พ้นทุกข์
๓. มุทิตา ความพลอยยินดี เมื่อผู้อื่นได้ดี
๔. อุเบกขา ความวางเฉย ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ เมื่อผู้อื่นถึงความวิบัติ


คำว่า พรหม แปลว่า ประเสริฐ เป็นใหญ่ โดยบุคคลาธิษฐาน หมายถึง บุคคลผู้อยู่ด้วยฌานสมาบัติ ไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องกามารมณ์ โดยธรรมาธิษฐาน หมายถึงจิตใจที่ประกอบด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา หรือดับนิวรณ์ได้

พรหมวิหาร แปลว่า ธรรมเป็นเครื่องอยู่ของพรหม หรือผู้ประเสริฐ ผู้เป็นใหญ่


ความรักด้วยความปรารถนาดี คือต้องการให้เขามีความสุข โดยไม่มีความใคร่อยากจะได้อะไรจากเขามาเป็นของตน ชื่อว่า เมตตา
ความเอื้อเฟื้อ ความเอาใจใส่ ความห่วงใยต่อผู้ตกทุกข์ประสบภัย อดอยากหิวโหย เป็นต้น เข้าช่วยเหลือด้วยกำลังกายและทรัพย์ ชื่อว่า กรุณา
ความยินดีด้วยกับบุคคลที่ได้ลาภ ได้ยศ ได้เกียรติ ได้รับความสำเร็จในอาชีพการงาน เป็นต้น ชื่อว่า มุทิตา
ความวางเฉย คือ มีใจเป็นกลาง ไม่ดีใจเมื่อผู้ที่เป็นศัตรูแก่ตนประสบทุกข์ภัยอันตรายและได้รับความวิบัติ ไม่เสียใจเมื่อผู้ที่ตนรักประสบทุกข์ เป็นต้นนั้น ในเมื่อตนได้ช่วยเหลืออย่างเต็มที่แล้ว แต่ช่วยไม่ได้ ชื่อว่า อุเบกขา

ตัวเล็ก 07-11-2017 10:35

อริยสัจ ๔
๑. ทุกข์ คือ ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ
๒. สมุทัย คือ เหตุให้ทุกข์เกิด
๓. นิโรธ คือ ความดับทุกข์
๔. มรรค คือ ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์


ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ได้ชื่อว่าทุกข์ เพราะเป็นของทนได้ยาก
ตัณหา คือความทะยานอยาก ได้ชื่อว่า สมุทัย เพราะเป็นเหตุให้ทุกข์เกิด


ตัณหา มี ๓ ประเภท คือ
๑. ตัณหา ความอยากในอารมณ์ที่น่ารักใคร่ เรียกว่า กามตัณหา
๒. ตัณหา ความอยากเป็นโน่นเป็นนี่ เรียกว่า ภวตัณหา
๓. ตัณหา ความอยากไม่เป็นโน่นเป็นนี่ เรียกว่า วิภวตัณหา


ความดับตัณหาได้สิ้นเชิง ทุกข์ดับไปหมดได้ชื่อว่านิโรธ เพราะเป็นความดับทุกข์
ปัญญาอันเห็นชอบว่าสิ่งนี้ทุกข์ สิ่งนี้เหตุให้ทุกข์เกิด สิ่งนี้ความดับทุกข์ สิ่งนี้ทางให้ถึงความดับทุกข์ ได้ชื่อว่า มรรค เพราะเป็นข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์


มรรคนั้นมีองค์ ๘ ประการ คือ
๑. ปัญญาอันเห็นชอบ
๒. ดำริชอบ
๓. เจรจาชอบ
๔. ทำการงานชอบ
๕. เลี้ยงชีวิตชอบ
๖. ทำความเพียรชอบ
๗. ตั้งสติชอบ
๘. ตั้งใจชอบ


อริยสัจ แปลว่า ความจริงอันประเสริฐ หมายความว่า เป็นความจริงที่หนีไม่พ้น เช่น ความแก่ ความตาย เป็นต้น มนุษย์ทุกรูปทุกนามเกิดมาแล้วสุดท้ายต้องแก่ และต้องตายทั้งสิ้น หรือเป็นกฎเกณฑ์ที่แน่นอน คือ เมื่อดับตัณหาได้ ความทุกข์ทั้งหลายก็ดับไป และตัณหานั้นก็มีวิธีดับโดยการปฏิบัติตามมรรคมีองค์ ๘

ทุกข์ ท่านให้ความหมายว่า ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ อธิบายว่า ทุกข์ในอริยสัจ ต่างจากทุกข์ในสามัญลักษณะ ทุกข์ในอริยสัจหมายเอาทุกข์ที่เกิดกับสิ่งที่มีวิญญาณครอง โดยเฉพาะคือมนุษย์ เช่น แก่ เจ็บ ตาย ผิดหวัง เป็นต้น ส่วนทุกข์ในสามัญลักษณะ หมายถึงสภาพที่ทนอยู่ไม่ได้ เพราะถูกสิ่งที่เป็นข้าศึกกันเบียดเบียนทำลาย เช่นผิวคล้ำเพราะถูกแสงแดด อาคารบ้านเรือนเก่า เพราะถูกแดดและฝน ตลิ่งพังเพราะถูกน้ำเซาะ เป็นต้น ส่วนอริยสัจข้ออื่น ๆ มีอธิบายชัดเจนแล้ว


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:34


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว