กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   อดีตที่ผ่านพ้น (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=25)
-   -   อดีตที่ผ่านพ้นตอนที่ ๒๗ : ความรู้สึกช้า (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=431)

คิมหันต์ 04-05-2009 09:47

อดีตที่ผ่านพ้นตอนที่ ๒๗ : ความรู้สึกช้า
 
๒๗. ความรู้สึกช้า

ตอนเป็นวัยรุ่นอาตมาเป็นคนเลือดร้อน เจ้าโทสะ ใครพูดผิดหูเป็นได้เรื่อง ไม่ต้องถึงพูดหรอก บางทีแค่มองหน้าก็ได้เรื่องแล้ว ไม่มีคนมาหาเรื่อง เราก็ไปหาซะเอง ฟาดกันจนปากปลิ้นเป็นครุฑกินน้ำพริกไม่ได้ ค่อยนอนหลับหน่อย...!

ต่อมาเมื่อฝึกกรรมฐานกับหลวงพ่อแล้ว ก็พยายามใช้กำลังใจข่มโทสะ ตามที่หลวงพ่อเมตตาสอนว่า “แรก ๆ เรายังละโทสะไม่ได้ ให้พยายามขังมันเอาไว้ เหมือนขังเสือไว้ในอก อย่าให้ความเลวมันไหลออกมาทางกายหรือวาจาได้” ยิ่งไปพบการฝึกแบบทหาร ถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลาเพื่อทดสอบความอดทนอดกลั้น จากเช้ายันค่ำ ค่ำยันเช้าเป็นปี ๆ จิตใจก็เริ่มหนักแน่นขึ้น มีความอดกลั้นต่อเรื่องราวต่าง ๆ มากขึ้นตามลำดับ อารมณ์ใจอยู่กับการภาวนาจนเคยชิน...

หลักสูตรจู่โจมเขาสอนวิธีฆ่า และทำลายล้างทุกรูปแบบ อาวุธทุกชนิดตั้งแต่เข็มเย็บผ้าขึ้นไป ต้องใช้ฆ่าคนได้ทุกอย่าง อาตมาจึงเกิดสลดใจขึ้นมาว่า ชีวิตคนช่างน้อยนิดเหลือเกิน แค่กระดิกนิ้วก็ตายเสียแล้ว เกิดอารมณ์สงสารขึ้นมาจับใจ....

เวลาเห็นวัยรุ่นยกพวกตีกัน ปกติชอบผสมโรงเป็นที่หนึ่ง อัดมันทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ...!แต่มาถึงตอนนี้ กลับคอยเลี่ยงห่าง ๆ เข้าไว้ เรามันคนมือไม้หนัก ฉวยพลาดพลั้งลงมือไปตามความเคยชิน จะกลายเป็นฆาตกรไปซะเปล่า ๆ...! ในซอยที่อาตมาอยู่ มีวัยรุ่นแสบ ๆ อยู่หลายกลุ่ม คอยระรานชาวบ้านเขาไปทั่ว ไม่มีใครกล้าเอาเรื่องกับมัน นอกจากอาตมากับพี่น้องเท่านั้น ตอนนั้นอาตมาเพิ่งออกจากราชการได้ไม่นาน ส่วนน้องแสงชัยเป็นครูฝึกของเหล่าราบอากาศอยู่...

“ตามธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ อย่างดีเลิศตามมีและตามเกิด ให้เพลินเพลิดกายากว่าจะกลับ” ผู้ใหญ่ท่านสอนไว้ คนว่าง่ายอย่างอาตมากับพี่น้อง จึงต้อนรับผู้มาหาเรื่องอย่างประทับใจ หามกันร่องแร่งกลับไปทุกที...! ได้รับการต้อนรับอย่างดีทุกครั้ง พวกเขาเลยมากันบ่อย ไม่ว่าจะเป็นหนึ่งต่อสี่ ตัวต่อตัวมีรุม หรือวันบายกลุ่ม โดนมาแล้วทั้งนั้น ครั้งที่หนักที่สุดคือ สองต่อสามสิบ เล่นยกขบวนปิดซอยกันเลยเป็นไร... มีมาเท่าไหร่ก็ยินดีต้อนรับ...!

คนที่ผ่านการฝึกมาโดยเฉพาะ กับคนที่มีแต่แรงกับความคะนอง มันห่างกันสุดกู่ ต่อให้มามากเท่ามาก พอคนหน้าลงไปนอนอมยิ้มสัก ๒-๓ คน ที่เหลือก็แตกฮือทั้งขบวน ในที่สุดก็ฝากเอาไว้ก่อน คราวหน้ามาใหม่ เลยได้ดอกทบต้นหนักเข้าไปอีก...! เป็นอย่างนี้มาตลอด แต่ไม่มีเสียละที่จะเข็ด พอรวบรวมขวัญและกำลังใจได้ บวกกับได้แรงยุจากเพื่อน ๆ ก็แห่กันมาอีก ส่วนใหญ่จะเป็นพวกหน้าใหม่ ๆ พวกเก่าที่รู้รสมือรสเท้าดีแล้วมักจะนกรู้ คอยหลบอยู่ห่าง ๆ เป็นฝ่ายยุลูกเดียว...!

อาตมาขอชมเชยวัยรุ่นประจำซอยทุกคนว่า มีความเป็นลูกผู้ชายดีมาก ไม่ยอมใช้เครื่องทุ่นแรงแบบซอยอื่นเขา อย่างดีก็แค่สนับมือ หนักหน่อยก็มีดหรือคมแฝก ของหนักประเภทปืนหรือระเบิด ไม่เคยเห็นใช้แบบซอยอื่นเขา (อาจจะกลัวเจอไอ้ที่หนักกว่า…!)

คืนหนึ่ง....อาตมาสะดุ้งตื่นกลางดึกด้วยเสียงตะโกน และเสียงถีบประตูโครม ๆ แอบดูก็เห็น “ขาใหญ่” ประจำซอย กำลังอาละวาดอยู่ด้วยความเมา แค่นี้ไม่หนักใจหรอก แต่ที่เสียวไส้ยิ่งกว่านั้นคือ พี่ประสิทธิ์ที่ยืนเงียบที่ข้างประตู ในมือถือดาบเปลือยคมขาววับ...! ขืนปล่อยไว้คงมีข่าวหน้าหนึ่งเป็นแน่ อาตมารีบเปิดประตูออกไป ยกมือไหว้ขอร้องให้เขากลับไป อย่ามาท้าตีท้าต่อยเลย อาตมาไม่สู้หรอก พยายามพูดให้พวกเขาได้ยิน เพราะรู้ดีว่าพวกนี้ไม่เคยไปเดี่ยว ตามมุมมืดต้องมีพรรคพวกของเขาแอบอยู่อย่างแน่นอน...!

เจอไม้นวมเข้าคงคาดไม่ถึงเลยยอมกลับไป นึกว่าหมดเรื่องแล้ว กำลังจะเข้านอนก็ต้องลุกขึ้นมาใหม่ เพราะเสียงท้าทายดังขึ้นอีกแล้ว เฮ้อ....กูละเบื่อ มันอยากเจ็บตัวซะจริง ๆ ออกไปเป็นทูตสันติอีกครั้ง ใจเกาะคำภาวนาแน่น เย็นเหมือนซุกน้ำแข็งไว้ในอก...! แต่คราวนี้ขาใหญ่ไม่ฟังเสียง ด่าพ่อล่อแม่ หยาบคายฟังไม่ได้ จนถึงประโยคสุดท้ายที่ว่า “ถุย…!ทหารมันจะแน่ซักแค่ไหนวะ...?” อาตมาก็ถูกดึงออกด้านข้าง น้องแสงชัยนั่นเอง ออกมาตอนไหนไม่รู้ บอกสั้น ๆ ว่า “ผมเอง…!”

ตูมแรกคือแข้งขวาพาดเข้าทัดดอกไม้ ฝ่ายตรงข้ามโค่นเหมือนท่อนซุงผุ ๆ แต่ไม่ได้ลงถึงพื้น เพราะแข้งซ้ายหวดรับเข้าที่ชายโครง จากนั้นก็เป็นการเตะเลี้ยงไม่ให้ล้ม พรรคพวกของมันกรูกันออกมา แต่ชะงักเมื่ออาตมาบอกว่า “อยากเจ็บตัวบ้างก็เข้ามา…!” น้องแสงชัยเตะไปสั่งสอนไป แต่อีกฝ่ายจะซึมซับได้เท่าไรไม่รู้...? เนื่องเพราะรับประทานแข้งแทบรากเลือด พอเลิกเตะก็กองกับพื้นเหมือนผ้าขี้ริ้ว อาตมาต้องแบกมันไปส่งถึงบ้าน ตอนกลับมาแล้วนี่ซิ มันโกรธจนสั่นไปทั้งตัว “รู้อย่างนี้กูเตะซะเองก็ดีหรอก…!”

ความโกรธเหมือนน้ำป่าบ่าไหล ทะลักทลายมาอย่างควบคุมไม่อยู่ พยายามภาวนามันก็ไม่เอาด้วย อีตอนมันอยู่ไม่รู้สึก เสือกมาโกรธตอนนี้ หาที่ระบายไม่ได้ซะด้วย กรรมฐานพังไปหลายวัน ความรู้สึกช้าแบบนี้ไม่ค่อยดีเลยแฮะ…!

๒ มีนาคม ๒๕๓๓
พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:01


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว