กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกงานฉลองบ้านวิริยบารมี ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4398)

เถรี 03-04-2015 05:33

พระอาจารย์กล่าวว่า “ตอนแรกเมื่ออาตมาจบนักธรรมชั้นเอก หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถามแล้วว่า "แกจะเรียนต่อหรือเปล่า ?" กราบเรียนท่านไปว่าไม่เรียนครับ เพราะว่าถ้าออกห่างท่านเดี๋ยวจะเลวเสียก่อน ท้ายสุดก็ต้องมาเรียนจนได้ แสดงว่าหลวงพ่อท่านเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าอาตมาจะต้องเรียน แต่อาตมาดื้อไม่ยอมเรียน เพราะตอนนั้นเอาแต่ภาวนา คราวนี้พองานภาวนาอยู่ตัวแล้ว มาเรียน แหม..สบายจริง ๆ เลย ขอยืนยันว่าการศึกษาระดับปริญญาเอกของอาตมาใช้ความสามารถตัวเองจริง ๆ มีคนถามว่าทำไมไม่ใช้ความสามารถพิเศษ บอกเขาไปว่าดูถูกตัวเองเกินไป”

เถรี 03-04-2015 05:37

“มีเด็กมูเซอคนหนึ่ง มาขอให้อาตมาส่งเรียนปริญญาตรี อาตมาก็กำลังเรียนปริญญาตรี ปีนี้อาตมาจบปริญญาเอก เขาก็ยังปริญญาตรีอยู่นั่นแหละ ต้องบอกว่าเขาเรียนคุ้มจริง ๆ ยังโชคดีที่เขาเรียนของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เพราะว่าเรียนได้ถึง ๑๒ ปี แต่อาตมาเองเรียนตั้งแต่มัธยมปลาย ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ใช้เวลา ๑๐ ปี ห้ามเลียนแบบ ถ้าเลียนแบบอาจจะประสาทกินเสียก่อน

โดนอาจารย์ มจร.ทางห้องเรียนวัดใต้จองตัวไปสอนที่วัดใต้ตั้งแต่เพิ่งจะเรียนปริญญาตรีปี ๒ อาตมายังสงสัยว่าเพราะอะไร พอเรียนจบแล้วมาดูทรานสคริป ถึงได้เห็นว่า ๗๕ วิชา อาตมาได้เอไป ๖๘ วิชา ส่วนที่เหลือท่านอาจารย์ไม่ยอมให้เอ ท่านบอกว่าได้เยอะแล้ว ถ้าใครมีลูกหลานแล้วดื้อ ๆ ไม่อยากเรียน เดี๋ยวจะถ่ายทรานสคริปของหลวงตาไปให้ดู”

เถรี 03-04-2015 05:41

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงพ่อพระราชวรเวที วัดราชคฤห์ ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดราชคฤห์อยู่ใกล้ ๆ นี่เอง แต่เป็นพระนักปฏิบัติระดับสุดยอดเลย ถ้าใครอยู่ใกล้แถวนี้ ไม่มีครูบาอาจารย์ที่จะสอบถามเกี่ยวกับปัญหาการปฏิบัติ มีโอกาสไปกราบเรียนถามปัญหากับท่านได้

อาตมาเองพบกับท่านตั้งแต่เรียนระดับประกาศนียบัตร ซึ่งเทียบเท่าม.๖ ปีแรกที่เรียนท่านก็มาเป็นอาจารย์บรรยายตอนงานปฏิบัติธรรมของพระนิสิต ถ้าท่านนั่งบรรยายเมื่อไร ท่านก็หลับตาพูดไปเรื่อย ๆ ท่านเริ่มพูดตอนหกโมงเย็น สามทุ่มครึ่งแล้วยังไม่หยุดเลย ลักษณะนั้นอย่างต่ำสุดต้องทรงฌานถึงจะพูดได้ อาตมาเห็นว่าถ้าขืนปล่อยไว้แบบนี้แย่แน่ เพราะว่าพวกเราเวลาพักผ่อนไม่พอ เดี๋ยวตีสามเขาก็ปลุกอีกแล้ว ก็เลยสะกิด พอท่านลืมตาก็กราบเรียนว่า “เลยเวลามากแล้วครับพระเดชพระคุณท่าน” พอท่านเหลือบไปดูนาฬิกาท่านก็สรุปจบ

อาตมายืนยันว่าคนที่พูดระดับนั้นได้ ถ้าไม่ใช่ทรงฌานจนคล่องตัวพูดไม่ได้หรอก โดยเฉพาะพูดถึงวิธีการปฏิบัติธรรม"

เถรี 03-04-2015 05:45

"ท่านเองแม้เป็นพระกรุงเทพฯ แต่นิยมเลื่อมใสการปฏิบัติธรรมสายวัดป่า ดังนั้น วัดราชคฤห์ก็มีการจัดปฏิบัติธรรมเหมือนกัน โดยเฉพาะช่วงนี้และวันนี้ ก็มีการบวชสามเณรภาคฤดูร้อนเพื่อปฏิบัติธรรม อาตมาเห็นท่านรบกับเณรแล้วยอมรับจริง ๆ ว่า ท่านนอกจากเมตตามหาศาลแล้ว ความอดทนอดกลั้นและให้อภัยของท่านนี่สุดยอดจริง ๆ เณรแต่ละรูปนี่ต้องบอกว่าลิงมาเกิดชัด ๆ..! ท่านก็ยังอุตส่าห์อนุเคราะห์สงเคราะห์เขาได้

นี่ถ้าไปบวชเณรวัดท่าขนุนรับประกันได้ บวชหมู่เณรคราวที่แล้วพระพี่เลี้ยงพกไม้คนละ ๓ อัน เหน็บเอวเป็นซามูไรเลย ถามว่าทำไมคุณต้องพกตั้ง ๓ อัน ? ท่านบอกว่าถ้าตีหักจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปหาใหม่ บวชไป ๓ วัน เณรทุกรูปเรียบกริบอย่างกับผ้าพับไว้เลย พ่อแม่มาเห็นนี่ยิ้มปลื้มใจ แต่ตอนเห็นพี่เลี้ยงตีเณรดันนั่งร้องไห้ แต่บางคนก็บอกว่า “หลวงพ่อตีแหละดีแล้ว พวกผมไม่กล้าตีแบบนี้หรอก”

ปรากฏว่าเรียบร้อยได้ครบ ๗ วันสึกหาลาเพศไป ทำโน่นทำนี่ด้วยตัวเองได้เพราะอยู่วัดให้ล้างจานเอง ให้กวาดวัดเอง ให้ซักผ้าเอง กลับบ้านไปไม่ถึง ๑๐ วันเหมือนเดิมทุกอย่าง ถามเณรว่าทำไมเหมือนเดิมทุกอย่าง ? เณรบอกว่า “แม่ทำให้ก็เลยปล่อยให้แม่ทำต่อไป”

สรุปว่าที่เด็ก ๆ เสียนี่เสียเพราะพ่อแม่รักและห่วงลูกจนเกินไป พอมาอยู่วัดได้ทำสิ่งที่ไม่เคยทำ เด็ก ๆ เขาสนุกด้วยซ้ำไป เรื่องซักผ้า กวาดบ้าน ถูกศาลา ล้างถ้วยจานอะไร เขาทำด้วยความสนุกสนาน แต่บางคนก็สนุกเกินเหตุ บางทีถ้วยจานก็มีแตกบ้างก็ลงโทษกันไป แต่เขาก็รู้ว่าเขาทำไม่ถูก เขาจึงยอมให้ลงโทษ"

เถรี 03-04-2015 05:52

"แต่เสียดายว่าทางบ้านไม่ได้สานต่อ พอถึงเวลาเรียบกริบออกจากวัดไปได้ไม่กี่วันก็เหมือนเดิม พอกลับไปแล้วส่วนใหญ่พ่อแม่ไม่เคยเห็นลูกโต เห็นลูกเป็นเด็กอยู่เสมอ ทั้งที่ก็เด็ก ป.๕ - ป.๖ หรือ ม.๑ - ม.๓ ไปแล้ว ม.ปลายก็มี ถึงเวลาก็ทำตัวเป็นคนรับใช้ของลูก ในเมื่อมีคนรับใช้สบายดี เด็กเขาก็เลิกทำงาน จากที่ทางวัดฝึกไปดี ๆ ก็กลายเป็นเหมือนเดิมทุกประการ

ฉะนั้น..ใครที่เป็นพ่อเด็กแม่เด็ก อาตมายืนยันว่า ถ้ารักลูกต้องให้ลูกทำอะไรด้วยตัวเองตั้งแต่เล็ก ๆ อยากให้ไปดูคลิปวีดีโอเกี่ยวกับน้องต้นข้าว เป็นเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่งชื่อเด็กหญิงต้นข้าว แล้วเราจะรู้ว่าเด็กกรุงเทพฯ เป็นง่อยชัด ๆ เลย อายุ ๒ ขวบกว่าน้องต้นข้าวเข้าป่าเก็บผัก หาฟืน หุงข้าว ทำเป็นหมด ลองเอาเด็กเด็กจบป.๖ ของเราไปอยู่กับน้องต้นข้าวดูสิ ถ้าน้องต้นข้าวไม่หาให้กินจะอดตายไหม ?

เราต้องมานึกว่าเด็ก ๓ - ๔ ขวบ พ่อแม่เขาหัดให้ทำอะไรต่อมิอะไรด้วยตัวเองจนเป็นหมดแล้ว เด็กก็สนุกด้วย ฝัดข้าวเองก็เป็น ไม่มีแรงจะตำข้าวก็ให้แม่ตำหรือสีให้ แล้วตัวเองก็ไปฝัดข้าว หุงข้าว สามารถที่จะบอกสาเหตุได้ด้วย ถึงเวลาชวนไปเก็บผักถามว่า ทำไมเด็ดแต่ใบล่าง ๆ ? เขาบอกว่า ก็เหลือใบบนไว้ให้แตกใหม่ แล้วทำไมไม่ถอนทั้งต้น ? เขาบอกว่าเพราะถ้าถอนแล้วจะตาย ต้องเสียเวลาปลูก เด็กเขารู้เหตุผลหมด

ถ้าใครมีเวลาลองไปโหลดวีดีโอมาดู น่าจะเป็นของรายการคนค้นคน ชื่อว่าต้นข้าว ลูกไม้ในเงา เสียดายว่าน้องต้นข้าวตายแล้ว เพราะว่าพ่อแม่ให้ลูกเป็นไปตามธรรมชาติ อยู่กับธรรมชาติ คราวนี้บรรดาลุงป้าน้าอาจากกรุงเทพฯ ไปเยี่ยม เอาไข้หวัดใหญ่ไปติด แล้วพ่อแม่ก็ปล่อยให้หายเองตามธรรมชาติ ดันไปเจอเชื้อไข้หวัดที่ก่อนจะหายชิงตายเสียก่อน ก็ต้องบอกว่าน่าเสียดาย แต่ไม่เป็นไรเพราะว่าน้อง ๆ ของเขาคนอื่น ๆ พ่อแม่ก็เลี้ยงแบบนั้น ถ้าเราสามารถให้ลูกหลานของเราทำอะไรด้วยตัวเองได้เร็วเท่าไร ก็เบาแรงตัวเองไปได้มากเท่านั้น"




พระครูวิลาศกาญจนธรรม
งานฉลองบ้านวิริยบารมีและงานหล่อสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเงิน
วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๘

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยรัตนาวุธ)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:46


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว