เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๔ |
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๒๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ กระผม/อาตมภาพหายไป ๓ วัน งานหลัก ๆ เลยก็ไปหาหมอ แล้วไปงานทำบุญอายุวัฒนมงคล ๗ รอบ ๘๔ ปี ของตุ๊พ่อสิงห์ วัดถ้ำป่าไผ่
เหตุที่ต้องไปหาหมอ เพราะว่าอยู่ดี ๆ ก็ตามัว เหมือนกับไม่โฟกัส ไปถึงแล้วหมอบอกว่า กระดูกคอเคลื่อนไปเบียดประสาท ยังดีที่หมอมีความชำนาญ ไม่อย่างนั้นคงหาอีกนาน แล้วอาตมภาพเป็นคนอ่านหนังสือทุกวัน อย่างน้อยวันละ ๑ เล่ม ถ้าสายตาโฟกัสไม่ได้ก็อ่านหนังสือไม่ได้ สมัยนี้มีหนังสือเสียงให้ฟังก็จริง แต่ก็ไม่เหมือนกับอ่านเอง เพราะว่าคนอ่านบางทีก็ไม่รู้จังหวะจะโคน ไม่รู้จักเน้นหนักเน้นเบา ในงานของตุ๊พ่อสิงห์ก็ยังดีที่ว่า มีการเว้นระยะและจำกัดคนเข้าวัด ไม่อย่างนั้น ถ้ามีใครติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ เข้าไปสักคนก็คงจะยุ่งน่าดู..! ส่วนช่วงนี้ ศบค. เริ่มประกาศคลายล็อก ซึ่งมีแต่จะทำให้การติดเชื้อหนักขึ้น..! การคลายล็อกดาวน์ต่าง ๆ ซึ่งบ้านเราก็ไม่ได้ล็อกอะไรจริงจังอยู่แล้ว มีต่างประเทศเป็นตัวอย่างมากเลยว่า เมื่อถึงเวลาคลายล็อก แล้วก็ไปนั่งกินอาหารในร้าน ส่วนใหญ่จะไปติดเชื้อกันตอนนั้น ส่วนบ้านเราที่ติดเชื้อกันมากนั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากความประมาทว่าฉีดวัคซีนแล้ว อาตมภาพยืนยันว่าวัคซีนไม่ได้รักษาโรคติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แล้วก็ไม่ได้ช่วยป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แต่วัคซีนช่วยให้เรามีภูมิในร่างกายสูงขึ้น สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีขึ้น ติดเชื้อแล้วตายยากขึ้นแค่นั้น แต่ก็ยังคงตายกันเป็นปกติ เพียงแต่พวกเราพอฉีดวัคซีนแล้วก็ประมาท คิดว่าไม่เป็นอะไร ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวตายได้เลย..! ยิ่งช่วงนี้ก็มีสารพัดม็อบ ไม่ว่าจะม็อบทะลุฟ้า ม็อบทะลุแก๊ส คาร์ม็อบ ว่ากันให้พอ ติดเชื้อมาก็ลำบากหมอ ลำบากพยาบาลรักษากันอีก แต่ก็อย่างว่า...ถ้าหากว่าชาวบ้านเขาเหลือทน ถึงจะให้เหตุผลอย่างไร เขาก็คงไม่ฟังแล้ว..! |
วันนี้กลับมา งานหนักที่สุดก็คือจัดวัตถุมงคลเข้าที่ เฉพาะเหรียญสมเด็จองค์ปฐมยิ้มรับทรัพย์อย่างเดียวก็ต้องแบกแทบตาย เพราะว่าตั้งแต่นำมาทีแรก ก็ไม่มีการจัดให้เข้าที่เข้าทาง จึงต้องไปปูผ้าขาว ไปจัดให้เข้าที่ว่าส่วนไหนที่จะเก็บเอาไว้ ส่วนไหนที่เจ้าหน้าที่จะมาเบิกไปจ่ายให้กับญาติโยมที่จอง ต้องคิดเผื่อทั้งหมดเพื่อความสะดวก วัตถุมงคลอื่นก็ร่อยหรอลงไปทุกที โดยเฉพาะส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือพระกริ่งสะท้านไตรภพ เนื่องเพราะว่าเป็นวัตถุมงคลที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้ด้วย
ในชีวิตของอาตมภาพ ครูบาอาจารย์ที่ใกล้ชิด และได้เห็นความสามารถพิเศษของท่านมากที่สุดก็คือ หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ได้ถวายการรับใช้ท่านตั้งแต่สมัยเป็นฆราวาส จนกระทั่งเข้าไปบวชพระ ก็ต้องไปเป็นเวรหน้าตึกของท่าน คอยรับท่านขึ้น..รับท่านลง มีอยู่วันหนึ่งท่านส่งย่ามให้ อาตมาก็ล้วงหมับ..! ด้วยความอยากรู้ว่าครูบาอาจารย์ใส่อะไรไว้ในย่ามบ้าง ปรากฏว่าเหมือนโดนไฟฟ้าเป็นหมื่นโวลต์ดูดจนสะดุ้ง..! ต้องบอกว่าสะบัดมือทิ้งแทบไม่ทัน หลวงพ่อท่านเหลือบมองด้วยหางตา แล้วก็หัวเราะชอบใจ ท่านบอกว่า "ถ้าจังหวะที่จิตเปิด..รับพลังวัตถุมงคลได้เต็มที่ ก็จะมีอาการอย่างนี้แหละ..!" ด้วยความสงสัยอาตมภาพก็เลยล้วงใหม่ เป็นท่านทั้งหลายคงจะบ้าไม่พอ..! ล้วงใหม่เพราะอยากรู้ว่าในย่ามท่านมีอะไรบ้าง ปรากฏว่ามีชุดยานัตถุ์ มีผ้าเช็ดน้ำมูก มีกล่องหมาก ก็คือครูนนทา อนันตวงศ์ ซึ่งคอยรับใช้หลวงพ่อ จะจีบหมากเป็นม้วน ๆ แล้วก็ใส่กล่องเอาไว้ในย่าม เพื่อที่หลวงพ่อจะได้สะดวกในการฉัน แล้วก็ไปเจอก้นย่ามว่ามีแก้วจักรพรรดิ ทั้งองค์ใหญ่องค์เล็ก มีดหมอ ๑ เล่ม ก็คือมีดหมอ ภปร.- สก. ที่บางคนเรียกว่า "ดาบฟ้าฟื้น" นั่นแหละตัวไฟดูด..! และพระบรมสารีริกธาตุ ๑ หลอด |
กราบเรียนถามหลวงพ่อท่านว่า "หลวงพ่อพกพระบรมสารีริกธาตุด้วยหรือครับ ?" ท่านบอกว่า "พระบรมสารีริกธาตุถือว่าเป็นวัตถุมงคลที่ใกล้ชิดองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สุด เพราะว่าเป็นส่วนหนึ่งของพระวรกายของพระองค์ท่าน ก็คือเป็นอัฐิที่แปรสภาพ ไม่มีวัตถุมงคลอะไรที่มีอานุภาพยิ่งไปกว่านี้อีกแล้ว..!"
อาตมภาพก็จำไว้ จนกระทั่งมาได้สร้างพระกริ่งสะท้านไตรภพในส่วนของตนเอง คือส่วนของวัดท่าขนุน ตอนแรกตั้งใจจะบรรจุแค่เกศาของตนเอง ปรากฏว่า "พระ" ท่านสั่งให้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุลงไปด้วย ก็เลยทำให้กลายเป็นวัตถุมงคลสำคัญ ที่ต้องพยายามไม่ไว้ในที่ต่ำอย่างเด็ดขาด นอกจากต้องไว้ในที่สูงแล้ว ถึงเวลายังต้องมีผ้าขาวรองรับอีก ปรากฏว่าเหลืออยู่แค่ ๓๐๐ กว่าองค์ เห็นแล้ว "น้ำตาจิไหล..!" อีกส่วนหนึ่งก็คือ ตอนแรกอาตมภาพได้รับคำสั่งให้สร้างพระสมเด็จคำข้าว แต่เป็นสมเด็จคำข้าวในรูปแบบของวัดท่าขนุน ก็คือไม่ได้สร้างขนาดหรือรูปแบบของวัดท่าซุง แต่อาตมภาพขอไว้ว่า สมเด็จคำข้าวของวัดท่าซุงราคายังไปไม่ถึงไหน ถ้าวัดท่าขนุนออกมา แล้วจำหน่ายราคาสูงกว่า จะดูไม่งามอย่างแน่นอน ในเมื่อห่วงหน้าพะวงหลัง พระท่านก็เลยให้ไปนั่งลบผง เพื่อที่จะสร้างพระยอดขุนพลกาญจนบุรีที่อาตมภาพหมายตาเอาไว้หลายปีแล้ว ถ้าหากว่าลบผงตามวิชา ต้องเริ่มจากผงปถมัง ต่อด้วยผงอิทธิเจ ผงตรีนิสิงเห ผงมหาราช แล้วไปจบที่ผงพุทธคุณ แต่ด้วยความที่อาตมภาพเคยชินกับการอาราธนาบารมีพระท่านสงเคราะห์ ก็เลยข้ามขั้นไปลบผงพุทธคุณอย่างเดียว เพราะว่าปกติเราต้องลบผงปถมัง เสร็จเรียบร้อยแล้วก็เอาผงนั้นมาปั้นแท่ง แล้วก็เขียนลบเพื่อลบเป็นผงอิทธิเจ ได้ผงอิทธิเจมาแล้วปั้นเป็นแท่ง เขียนลบเป็นผงตรีนิสิงเห จากผงตรีนิสิงเหได้มาก็ปั้นเป็นแท่ง แล้วลบเป็นผงมหาราช หลังจากนั้นก็ถึงจะเอาผงมหาราชมาปั้นแท่ง ลบเป็นผงพุทธคุณ เรียกว่าผง ๕ อย่าง ตำราลบผงที่อาตมภาพเรียนมาตั้งแต่เด็ก ๆ ซึ่งไม่ได้ตั้งใจเรียน เพราะว่าพระครูแสงท่านชอบเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เด็ก ถึงเวลาก็นั่งท่องคาถา นั่งเขียนยันต์ นั่งลบผงไปเรื่อย อาตมภาพถือว่าตัวเองเป็นคนความจำดี ท่านว่าอะไรมาก็จำได้หมด ปัจจุบันนี้พระครูแสงคงจะลืมไปเกลี้ยงแล้ว..! แต่ว่าสมัยนี้ถามกูเกิลได้ ตำรามีข้างในกูเกิลเยอะแยะ เริ่มจาก "ปะฐะมัง พินทุกัง ชาตัง" ไล่ไปเรื่อย ก็คือเริ่มตั้งแต่หัวตัวนะ "ทุติยัง ทัณฑะเมวะ จะ" ถ้ามีโอกาสก็ลองไปศึกษากันดู ในเรื่องของการลบผงนั้น โบราณเขาถือว่าช่วยให้ "ดีนอก" ก็คือวัตถุในการสร้างพระมีเนื้อหาดี แล้วการพุทธาภิเษกช่วยให้ "ดีใน" เพราะฉะนั้น..ส่วนใหญ่โบราณมักจะนิยมทั้งดีนอกและดีใน ในส่วนนี้เมื่อถึงเวลา จะรอดูวาระที่เหมาะสมเมื่อไรแล้วค่อยออกให้บูชา เพราะว่าระยะนี้แต่ละคนก็ต้องบอกว่า โดนเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ เล่นเอาจนแทบจะยืนไม่ติดไปตาม ๆ กัน |
อีกส่วนหนึ่งที่อยากจะเตือนก็คือ ภัยธรรมชาติต่าง ๆ รุนแรงขึ้นทุกวัน ขอให้มีการเตรียมพร้อมรับน้ำท่วม น้ำแล้งเอาไว้ด้วย เพราะว่าอากาศวิปริตผิดเพี้ยน ท่วมในเวลาที่ไม่ควรท่วม แล้งในเวลาที่ไม่ควรแล้ง
แล้วขณะเดียวกัน ต่างประเทศก็จ้องที่จะทำสงครามกัน โดยเฉพาะในส่วนของสหรัฐอเมริกา ที่ไม่อยากให้ประเทศจีนก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าโลกแทนตนเอง แต่ว่าทำอย่างไรก็กันจีนไม่อยู่ ดังนั้น...มีวิธีเดียวก็คือก่อสงคราม ซึ่งตรงนี้อาตมภาพก็ค่อนข้างจะกังวล เหตุที่กังวลเพราะถ้าสงครามเกิด บ้านเราจะมีผลกระทบ เนื่องจากว่าสงครามครั้งนี้มีการใช้นิวเคลียร์กันด้วย แล้วผลกระทบที่เกิดขึ้น เนื่องจากว่าอากาศด้านประเทศจีนอาจจะไหลลงมาทางบ้านเรา ฉะนั้น..ส่วนนี้ถึงเวลาก็คงจะต้องมีการกราบขอบารมีพระ ขอพรหม ขอเทวดา ขอครูบาอาจารย์ท่านช่วย จะอนุเคราะห์สงเคราะห์ได้เท่าไร ก็แล้วแต่ท่านจะเมตตา วันนี้ไม่มีหลักธรรมอะไรให้ฟัง เล่าแค่ว่าไปทำอะไรมา หรือว่าต้องทำอะไรเท่านั้น เนื่องจากว่าเหนื่อยจนจะนั่งไม่ติดอยู่แล้ว ถ้าใครไม่เคย ก็ลองมาแบกกล่องพระทีหนึ่ง ต้องบอกว่าเป็นพันลังดู ก็คือเกือบจะห้องหนึ่งเต็ม ๆ แล้วก็อย่าคิดว่ามาก เพราะว่าเป็นพระใส่กล่องก็เลยดูเยอะ ถ้าหากเป็นอาตมภาพสร้างก็แค่ใส่ถุงพลาสติก..ไม่เปลืองที่ แต่คราวนี้เมื่อมอบหมายหน้าที่ให้ท่านพระครูเทพ (พระครูปฐมสาธุวัฒน์) ไปช่วยสร้าง ท่านเองอยากจะทำให้ดีที่สุด ก็ต้องสิ้นเปลืองขึ้น เสียค่ากล่องไปอีกหลายแสน ตรงจุดนี้ต้องบอกว่านิสัยใครนิสัยมัน ในเมื่อรักที่จะคบท่านก็ต้องพร้อมที่จะจ่ายด้วย..! ..(หัวเราะ)... วันนี้ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณร และเจริญพรให้แก่ญาติโยมได้ทราบไว้แต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย) |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:49 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.