กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=39)
-   -   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๖ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3894)

เถรี 06-10-2013 11:42

เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๖
 
ให้ทุกคนขยับนั่งในท่าที่สบายของตัวเอง หายใจเข้าออกยาว ๆ สัก ๒ - ๓ ครั้ง ระบายลมหยาบทิ้งให้หมดก่อน จะได้ไม่อึดอัดเมื่อสมาธิเริ่มทรงตัว หลังจากนั้นปล่อยลมหายใจให้เป็นปกติ เอาความรู้สึกทั้งหมดจดจ่ออยู่ที่ลมหายใจเข้าออกของเรา หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๖ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานวันสุดท้ายของเดือนกันยายนของพวกเรา วันนี้มีข่าวที่น่าเสียใจและน่าเสียดายก็คือว่าหลวงปู่สุภา กนฺตสีโล พระอาจารย์ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นที่พึ่งของญาติโยมจำนวนมากได้มรณภาพลง เมื่อก่อนเวลาปฏิบัติกรรมฐานของพวกเราแค่ครู่เดียวเท่านั้น หลวงปู่ท่านอยู่มาจนอายุ ๑๑๗ ปีแล้ว คาดว่ามีญาติโยมจำนวนมาก ที่จะต้องเสียใจและคร่ำครวญถึงขนาดขาดสติเลยก็มี

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ขอบอกกับทุกท่านว่า นั่นเป็นเพราะเรายึดเกาะในส่วนที่ผิด การยึดเกาะในส่วนที่ผิดก็คือ ไปเกาะกายสังขารของท่านว่าเป็นที่พึ่งของเรา เมื่อท่านมรณภาพไป ก็รู้สึกว่าตนเองขาดที่พึ่ง อาจจะต้องร่อนเร่เป็นสัมภเวสีไปสักระยะหนึ่ง จนกว่าจะหาครูบาอาจารย์ใหม่ที่ตนเองเคารพเลื่อมใสได้ ก็จะไปเกาะครูบาอาจารย์ใหม่อีก ถ้าท่านทั้งหลายทำดังนี้ ก็ต้องเสียใจอยู่ร่ำไป เพราะว่าครูบาอาจารย์ท่านไม่ได้อยู่ให้เราเกาะไปตลอดชาติ ถึงเวลาท่านก็มรณภาพไป ตามสภาพของแต่ละท่าน

ถ้าเราจะเกาะครูบาอาจารย์ ให้เกาะในส่วนของคุณความดี ให้เกาะในคำสอนของท่าน ว่าท่านสอนเราอย่างไร แล้วนำไปปฏิบัติ ถ้าเราสามารถทำอย่างนี้ได้ จึงได้ชื่อว่าเกาะในส่วนที่ถูกต้อง คือเราเกาะในสังฆคุณ ไม่ได้เกาะในอัตภาพร่างกายของท่าน ถึงแม้ท่านจะมรณภาพไป คุณความดีของท่าน ตลอดจนคำสอนของท่าน ก็ยังคงเป็นที่พึ่งที่ระลึก ที่ยึดถือปฏิบัติของเราอยู่ เราก็จะมีหลักให้ยึดโยงจิตใจของตนเอง ไม่ต้องล่องลอยไปตามกระแส โดยคิดว่าสิ้นครูบาอาจารย์แล้วเราจะไปพึ่งใคร

เถรี 08-10-2013 11:21

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าญาติโยมประพฤติปฏิบัติไป จนกำลังใจทรงตัวถึงระดับหนึ่ง ก็จะเริ่มมีปัญญามองเห็นความเป็นจริงว่า สภาพร่างกายของเราก็ดี ของบุคคลอื่นก็ดี ของสัตว์อื่นก็ดี แม้กระทั่งผู้ทรงคุณความดีที่ยิ่งใหญ่ อย่างหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ก็มรณภาพจากเราไปแล้ว หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล ที่เป็นครูบาอาจารย์ใหญ่ มีลูกศิษย์ลูกหาทั้งในและนอกประเทศจำนวนมาก อายุกาลผ่านวัยมาถึง ๑๑๗ ปีก็ยังมรณภาพจากเราไปเช่นกัน

เราจะได้เห็นชัดว่า ความตายมาถึงตัวเราเป็นปกติ ถ้าเราตายแล้วตกสู่อบายภูมิ ก็ถือว่าขาดทุนยับเยิน เสียชาติที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ดังนั้น..เราจึงต้องเร่งปฏิบัติในศีล สมาธิและปัญญาให้มากเข้าไว้ จนกระทั่งกำลังใจของเรามั่นคง ไม่หวั่นไหว ไม่คลอนแคลนไปกับสิ่งต่าง ๆ ที่มากระทบรอบด้าน ไม่เกรงกลัวแม้กระทั่งความตายที่มาถึง ถ้าทำดังนี้ได้ ท่านก็จะมีสุคติเป็นที่ไป

หรือถ้าท่านเบื่อหน่ายแล้วซึ่งร่างกายที่เต็มไปด้วยความทุกข์ เบื่อหน่ายโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากเร่าร้อน หาความสุขที่แท้จริงไม่ได้ ไม่ปรารถนาการเกิดเป็นเทวดา เป็นนางฟ้าหรือเป็นพรหม เราก็ถอนจิตจากการยึดเกาะในร่างกายของตนเอง ในร่างกายของผู้อื่น ในโลกนี้ ในสรรพสิ่งทั้งหลาย ก็สามารถที่จะหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานได้

ดังนั้น..ท่านทั้งหลายเมื่อปฏิบัติของเราแล้ว ก็ควรที่จะพินิจพิจารณาอยู่เสมอว่า เมื่อสิ่งต่าง ๆ มากระทบกำลังใจของเรา ยังมีความหวั่นไหว มีความโศกเศร้าเสียใจอยู่หรือไม่ ? ถ้าไม่มีความหวั่นไหว ไม่มีความโศกเศร้าเสียใจ ก็อย่าเพิ่งคิดว่าดี เพราะอาจจะเป็นเรื่องไกลตัว ถ้าเรื่องใกล้ตัวเข้ามา เป็นพ่อแม่ เป็นพี่น้อง เป็นคนที่เรารัก เรามีความหวั่นไหวหรือไม่ ? ถ้าไม่มีความหวั่นไหว ก็ยังต้องระมัดระวังว่า นั่นยังเป็นเรื่องของคนอื่น ถ้าความตายมาถึงตัวเรา เรามีความหวั่นไหวบ้างหรือไม่ ?

จำเป็นที่จะต้องทบทวนดูกำลังใจของตนอย่างนี้อยู่เสมอ ๆ ถ้าไม่หวั่นไหวแม้ความตายมาถึง ก็ให้เรากำหนดจุดหมายไปเลยว่า ถ้าหากว่าตายลงไปเมื่อไร เราปรารถนาพระนิพพานแห่งเดียวเท่านั้น เมื่อกำลังของเรายึดโยงแน่วแน่แล้ว ก็ให้จับลมหายใจเข้าออกภาวนาต่อไป เพื่อสร้างความมั่นคงให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป

ลำดับต่อไป ก็ให้พวกเราภาวนาหรือพิจารณาไปตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๖

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยรัตนาวุธ)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:01


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว