กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=39)
-   -   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5469)

เถรี 10-03-2017 19:12

เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๐
 
ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตนเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกเอาไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลเข้าไปกับลมหายใจ หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลออกมากับลมหายใจ จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ จะขอกล่าวถึงเรื่องการปฏิบัติธรรมของพวกเรา ส่วนใหญ่แล้วพวกเรามักจะใจร้อน หวังผลในลักษณะของการเร่งรัด ซึ่งเป็นไปไม่ได้

การปฏิบัติธรรมเหมือนกับการเดินทางไกล หรือการวิ่งระยะไกล พวกเราเป็นนักกีฬาที่ลงแข่งขันวิ่งระยะไกล อย่างเช่นว่าวิ่ง ๑๐,๐๐๐ เมตร หรือวิ่งมาราธอน เราต้องรู้ว่าเราจะใจร้อนไม่ได้ ถ้าอยากชนะในการแข่งขันต้องใจเย็น ๆ ค่อย ๆ ถนอมแรง เหมือนกับการปฏิบัติธรรรม ที่ต้องค่อย ๆ ตามดูตามรู้ลมหายใจของเราไป

หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกแนบชิดติดกับลมหายใจเข้าไปจนสุด หายใจออก...ให้ความรู้สึกแนบติดกับลมหายใจออกมาจนสุด พร้อม ๆ กับคำภาวนาที่เราถนัด ให้ทำใจว่าเรามีหน้าที่ภาวนา ส่วนผลจะเกิดหรือไม่เกิดก็ช่าง เพราะถ้าเราทำด้วยความอยาก ตัวอยากนั่นแหละคือความฟุ้งซ่าน ทำให้ใจของเราไม่รวมตัว ภาวนาเมื่อไรก็อยากได้โน่น อยากได้นี่ อยากเป็นอย่างนั้น อยากเป็นอย่างนี้ ถ้าสภาพจิตฟุ้งซ่านแล้วจะเอาความรวมตัวมาจากไหน ? เมื่อสภาพจิตไม่รวมตั้งมั่น แล้วจะเอากำลังที่ไหนไปสู้กิเลส

เถรี 10-03-2017 19:15

โดยเฉพาะนักปฏิบัติรุ่นใหม่ ๆ มักจะขาดความอดทน การปฏิบัติเหมือนกับการวิ่งระยะไกล หรือว่าการเดินทางไกล ต้องอดทน พากเพียร บากบั่นไปทีละก้าว ๆ โดยสม่ำเสมอไม่ท้อถอย ถ้าใจร้อนใจเร็ว โอกาสที่ปฏิบัติแล้วจะได้ผลย่อมเป็นไปไม่ได้

เราต้องทำตัวเหมือนกับคนทิเบต ที่นับลูกประคำเม็ดหนึ่งก็เท่ากับเดินใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง หมุนกงล้อมนต์รอบหนึ่งก็ใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง ภาวนาจบหนึ่งก็ใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง ต้องมีความพากเพียร อดทน พยายาม กระทำอย่างสม่ำเสมอถึงจะเกิดผล ความใจร้อนใจเร็วช่วยอะไรไม่ได้ นอกจากทำให้เราท้อถอยหมดกำลังใจ

การปฏิบัติธรรมแล้วอยากได้ดี อยากมีความสามารถพิเศษ อยากเห็นโน่น อยากเห็นนี่ เป็นเรื่องปกติ เราสามารถอยากได้ เพราะว่าถ้าไม่อยากเราก็ไม่คิดที่จะทำ แต่เวลาที่เราตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรม ขอให้ลืมความอยากเหล่านั้นเสีย วางกำลังใจสบาย ๆ ว่าเรามีหน้าที่ภาวนา ส่วนผลที่ต้องการจะเกิดหรือไม่เกิด ก็แล้วแต่ว่าสิ่งที่เราบำเพ็ญมาจะเพียงพอหรือไม่ โดยใช้คำว่า "ช่างมัน" "ช่างเถอะ" จะเกิดผลหรือไม่ก็ช่างมัน จะเกิดผลหรือไม่ก็ช่างเถอะ

ถ้าสามารถวางกำลังใจอย่างนี้ได้ การปฏิบัติของเราจึงจะมีความก้าวหน้า เพราะว่าจิตใจไม่ฟุ้งซ่านส่งส่ายไปถึงผลของการปฏิบัติ และสิ่งที่เราจะลืมไม่ได้เลยก็คือ ลมหายใจเข้าออกของเราควบกับคำภาวนา

เถรี 15-03-2017 08:48

เมื่อกำลังใจทรงตัวตั้งมั่นแล้ว ก็มาทบทวนศีลของเราทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ กำหนดใจแผ่เมตตาไปสู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกภพทุกภูมิ ทุกหมู่ทุกเหล่า หลังจากที่ภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัว ทบทวนศีลทุกสิกขาบทจนบริสุทธิ์บริบูรณ์แล้ว ก็ส่งกำลังใจไปเกาะพระบนพระนิพพาน

ถ้าไม่สามารถทำได้ก็ให้นึกถึงพระพุทธรูปองค์หนึ่งที่เรารักเราชอบมากที่สุด ว่านั่นเป็นภาพพระพุทธนิมิตขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน เราเห็นพระองค์ท่านคือเราอยู่กับพระองค์ท่าน เราอยู่กับพระองค์ท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน แล้วตั้งกำลังใจจดจ่อปักมั่นอยู่กับภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเช่นนั้น

ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ก็กำหนดดูกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ถ้ามีคำภาวนาอยู่ก็กำหนดคำภาวนาไปด้วย ถ้าลมหายใจเบาลงกำหนดรู้ว่าลมหายใจเบาลง ถ้าคำภาวนาหายไป ลมหายใจหายไป ให้กำหนดรู้ว่าคำภาวนาหายไป ลมหายใจหายไป อย่าดิ้นรนกลับมาหายใจใหม่ ให้ทำกำลังใจรับรู้เหตุการณ์นั้นไว้เฉย ๆ แล้วสภาพจิตจะดิ่งลึกลงไปเป็นสมาธิเข้าไปจนถึงระดับที่ต้องการ

ลำดับต่อไปให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันศุกร์ที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๐

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:45


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว