กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   กระทู้ธรรม (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=2)
-   -   "ดูกรท่านทั้งหลาย ดาบสผู้นี้เธอสั่งสมบรมโพธิสมภาร เป็นพุทธังกรูหน่อพระชินสีห์โพธิสัตว์" (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=210)

วาโยรัตนะ 03-03-2009 16:38

ครั้งที่พระองค์เสวยพระชาติเป็นพญาสกุณา ในศาสนาแห่งพระเรวัตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ข้าพระบาทเกิดเป็น นางพญาสกุณี อาศัยอยู่ที่หิมวันตประเทศ

วันหนึ่งเกิดอาเพศบันดาลให้ นางพญาสกุณี มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะดื่มน้ำในสระอโนดาตที่นำมาโดยจะงอยปากของพญานกผู้สามี หาไม่แล้วตนจะต้องวายชีพลงเป็นแน่แท้ ด้วยความรักที่มีต่อภรรยาพญานกผู้เป็นสามีก็รีบมุ่งหน้าไปยังสระอโนดาตที่แสนไกล

ครั้นได้เอาจะงอยปากอมน้ำเอาไว้แล้วรีบบินกลับยังไม่ทันถึงรัง น้ำก็แห้งหายไปหมดสิ้น พญานกก็ต้องบินกลับไปอมน้ำมาใหม่น้ำก็ยังแห้งหายไปหมดเหมือนเดิมทำอยู่เจ็ดครั้งก็ยังไม่สำเร็จ จึงกลับไปเล่าให้ภรรยาฟังนางเกิดโทสะด่าว่าจิกตีสามี หาว่ามีใจหลงสกุณาตัวอื่นแล้วจะแกล้งให้ตนตายแต่พญาสกุณาหาได้โกรธไม่ด้วยความรักที่มีต่อนาง

"ความผิดของข้าพเจ้ามากมายนักขอพระองค์จงทรงพระกรุณางดโทษทั้งปวงให้แก่ข้าผู้ซึ่งจะดับขันธ์เข้าสู่นิพพานในกาลวันนี้ด้วยเถิดพระเจ้าข้า"

วาโยรัตนะ 03-03-2009 16:54

"เมื่อถึงชาติสุดท้าย ขณะที่พระองค์ทรงเป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญพุทธบารมีใกล้จักสมบูรณ์ เสวยพระชาติเป็น พระเวสสันดร ฝ่ายข้าพระบาทเป็นอัครมเหสี นามว่า พระนางมัทรี มีราชบุตรราชธิดาแสนน่ารัก ทรงพระนามว่า ชาลีและ กัณหา

กาลครั้งนั้นพระองค์ทรงบริจาคทานเป็นช้างเผือกให้แก่พราหมณ์ เมืองกลิงคะ จึงถูกชาวพระนครขับไล่ออกจากเมือง พวกเราพ่อแม่ลูกไปทรงพรต ณ เขาวงกตแห่งห้องหิมเวศ ต่อมามีพราหมณ์ ชื่อว่า ชูชก มาทูลขอเจ้ากัณหาและชาลีไปเป็นคนรับใช้ พอพระองค์ทรงประทานบริจาคเจ้าชูชกก็เร่งรีบนำสองกุมารไปโดยเร็วกลัวว่าพระนางมัทรีกลับมาทันขัดขวาง

เมื่อพระนางกลับมาจากหาผลไม้ในป่าและไม่เห็นกุมารทั้งสอง ก็ให้ระทดพระทัยมีความเศร้าโสกาออกตามหาสองกุมารทั้งคืนพร้อมกับกรรแสงตลอด จนเช้าวันรุ่งขึ้นก็สิ้นกำลังสลบไปพระเวสสันดรทรงตกตะลึงรีบไปปฐมพยาบาลแล้วก็เล่าเหตุการณ์ต่างๆและเหตุผลให้มเหสีฟัง

องค์อินทราธิราชเจ้าบนเทวโลกทรงมองเห็นเรื่องราวทั้งหมด จึงมีพระดำริว่าหากมีใครมาขอพระนางมัทรีพระเวสสันดรจะอยู่อย่างไรถ้าปราศจากพระนางมัทรีคอยปรนนิบัติดูแล จึงแสร้งแปลงกายเป็นพราหมณ์เฒ่า ไปขอนางมัทรีไปเป็นข้ารับใช้พระนางก็ได้ฟังก็ไม่หวั่นไหวด้วยทรงเข้าพระทัยดี ว่าการยินยอมพร้อมใจในครั้งนี้จะช่วยให้พระสวามีสำเร็จพระโพธิญาณในภายภาคหน้า ท้ายที่สุดพระอินทราธิราช ก็จำแลงแสดงตนพร้อมคำอำนวยพรแล้วเสด็จกลับดาวดึวส์เทวโลก

"ข้าแต่พระองค์ ความผิดที่ข้าพระบาททำให้พระองค์มิอาจกำหนดว่าตนเป็นบรรพชิต วิ่งมาปฐมพยาบาลทำให้พรหมจรรย์ของพระองค์เศร้าหมอง ขอพระองค์จงทรงพระกรุณางดโทษทั้งปวงให้แก่ข้าผู้ซึ่งจะดับขันธ์เข้าสู่นิพพานในกาลวันนี้ด้วยเถิดพระเจ้าข้า"

วาโยรัตนะ 03-03-2009 17:08

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ suthamma (โพสต์ 1469)
:1025c640: ผิดเยอะมากกกก...ย้อนกลับไปแก้ไขด้วยครับ..! :1025c640:

กราบขอบพระคุณขอรับที่ตักเตือน:154218d4:

วาโยรัตนะ 03-03-2009 18:10

สมเด็จพระนางพิมพาภิกษุณีรำลึกอดีตชาติหนหลังที่ตนเคยพลั้งพลาดอาจมีโทษผิดต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

"พ่อราหุล มารดานี้จะเห็นหน้าลูกเป็นปัจฉิมสุดท้ายแล้วในวันนี้ โทษใดที่มารดาเคยทำให้ลูกโกรธเคืองเจ้าจงอภัยให้แก่มารดาในวันนี้เถิด" พระนางกล่าวกับพระราหุลพุทธปิโยรส

พระราหุลค่อยๆก้มลงกราบ "อันพระเดชพระคุณที่มารดามีต่อราหุลนี้มีมากมายอุ้มท้องประคองเลี้ยงรักษามาจนเติบใหญ่ บางครั้งก็ตบศีรษะตบปากบ้าง หากโทษผิดเหล่านั้นจะบังเกิดแก่ลูก ขอโปรดประทานอภัยด้วยเถิด"

"ดูกร เจ้าพิมพา อันตัวเจ้านี้มีคุณแก่เราตถาคตมาแต่กาลก่อนเราจักได้สำเร็จแก่พระบวรสัมโพธิญาณก็เพราะเจ้าเป็นสำคัญ เราทั้งสองเคยร่วมสุขร่วมทุกข์กันมาโทษผิดที่เจ้ามีต่อเราตถาคตในแต่ปางก่อน วันนี้เราขอยกโทษให้แก่เจ้าจนหมดสิ้น อนึ่งโทษานุโทษอันใดที่เราได้ล่วงเกินเจ้าในชาติที่ผ่านมา ตลอดจนถึงชาติปัจจุบัน ขอเจ้ายกโทษให้แก่เราตถาคตเสียให้สิ้น แล้วจงดับขันธ์เข้าสู่ปรินิพพานอันเป็นเอกัตคตาบรมสุขไปก่อนเถิดนะ เจ้าพิมพา"

แล้วพระองค์ทรงตรัสโอวาทแก่เหล่าภิกษุเพื่อรำลึกถึงพระนางเป็นครั้งสุดท้าย

"ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ตลอดเวลาอันยาวนานของการบำเพ็ญบารมีสะสมความดีเพื่อตรัสรู้ พระนางพิมพายโสธราเถรีซึ่งเป็นคู่รักเพื่อนชีวิต ในอดีตชาติได้เสียสละทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือ การสั่งสมบารมีของเรา เธอยอมสละแม้กระทั่งความสุขความสบายส่วนตน จนกระทั่งเราได้มาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในชาตินี้ อันเป็นชาติสุดท้ายของเราทั้งสอง อันเป็นประโยชน์ที่จะได้เผยแผ่สัจธรรมสู่มวลมนุษย์ เพื่อการหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง จักมีใครที่สร้างคุณอยู่เบื้องหลังการบรรลุธรรมเทียบเท่ากับเธอเช่นนั้นแล้วไม่มีอีกแล้ว"

วาโยรัตนะ 04-03-2009 07:13

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ suthamma (โพสต์ 1495)
:1025c640: เรื่องวรรคตอนด้วยครับ :1025c640:

ขอรับ ขอกราบขอบพระคุณอย่างยิ่งที่ขัดเกลาขอรับ :fea27916:

เถรี 04-03-2009 12:05

๕๕๕๕๕๕๕ โชคดีจริงๆ มีคนเมตตาท้วงติง
:onion_love1: แอบอิจฉาเล็กน้อย

วาโยรัตนะ 04-03-2009 12:20

จะเอาบ้างไหมละครับ ขนาดพิมพ์ผมต้องเกร็งนิ้วตลอดกลัวพลาด พยายามประคองกำลังใจในการพิมพ์ตลอดครับ สาธุ
ในความเมตตาของท่านนับเป็นบุญของกระผมขอรับ

ชินเชาวน์ 04-03-2009 12:26

เห็นกำลังใจของพี่ขนาดนี้แล้ว ผมจะกล้าขอพี่เปิดกระทู้อีกหรือเปล่านะ...

แต่เพื่ออนาคตของลูกหลาน การสะกดยังผิดอยู่ครับ เช่น พระราหลุ เป็นต้น

วาโยรัตนะ 04-03-2009 12:32

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ahhaboy (โพสต์ 1526)
เห็นกำลังใจของพี่ขนาดนี้แล้ว ผมจะกล้าขอพี่เปิดกระทู้อีกหรือเปล่านะ...

แต่เพื่ออนาคตของลูกหลาน การสะกดยังผิดอยู่ครับ เช่น พระราหลุ เป็นต้น

ขอบพระคุณครับ ดีครับ ช่วยกันคนละไม้คนละมือ
พี่มันแย่ พี่แพ้ป.๔ "ผมจะกล้าขอพี่เปิดกระทู้อีกหรือเปล่านะ...":l438412717dh8:

สายท่าขนุน 05-03-2009 01:33

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ wonderisland (โพสต์ 1528)
ขอบพระคุณครับ ดีครับ ช่วยกันคนละไม้คนละมือ
พี่มันแย่ พี่แพ้ป.๔ "ผมจะกล้าขอพี่เปิดกระทู้อีกหรือเปล่านะ...":l438412717dh8:

ขอให้ช่วยเกร็งนิ้ว และประคองกำลังใจในการพิมพ์ต่อไป จะเสริมเมตตาบารมียิ่ง:onion_wink:
หากพอมีความรู้ว่าตรงไหนผิดพลาด จะพยายามเตือนด้วยคน

วาโยรัตนะ 05-03-2009 05:30

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สายท่าขนุน (โพสต์ 1571)
ขอให้ช่วยเกร็งนิ้ว และประคองกำลังใจในการพิมพ์ต่อไป จะเสริมเมตตาบารมียิ่ง:onion_wink:
หากพอมีความรู้ว่าตรงไหนผิดพลาด จะพยายามเตือนด้วยคน

ขอบพระคุณครับทุกท่าน แต่:154218d4: เหมือนโดนซ้ำ ยังงัยไม่ทราบครับ ประมาณว่าต้องกระหน่ำให้ตัวกิเลส ตัวประมาท ให้มันตายไปเลยใช่ไหมครับ "สงสารผมบ้างนะครับ" แต่พวกตัวกิเลส ตัวประมาท ก็เชิญซ้ำให้มันตายไปเลยครับผม

เจ้าตัวที่ทำท่าจะทนไม่ได้ ไม่ใช่"ผม" มันคือตัวกิเลส พระอาจารย์ท่านสอนไว้ครับ (ลองใครแซวอีกครั้งพ่อจะยิ่งให้ดับ:8dcf9699: ตัวกิเลสมันเอาเรื่องนะครับ ขอไปทะเลาะกับตัวกิเลสอีกยกนะครับ:45ed7b5f:)

นางมารร้าย 05-03-2009 11:04

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ wonderisland (โพสต์ 1592)
ขอบพระคุณครับทุกท่าน แต่:154218d4: เหมือนโดนซ้ำ ยังงัยไม่ทราบครับ ประมาณว่าต้องกระหน่ำให้ตัวกิเลส ตัวประมาท ให้มันตายไปเลยใช่ไหมครับ "สงสารผมบ้างนะครับ" แต่พวกตัวกิเลส ตัวประมาท ก็เชิญซ้ำให้มันตายไปเลยครับผม

เจ้าตัวที่ทำท่าจะทนไม่ได้ ไม่ใช่"ผม" มันคือตัวกิเลส พระอาจารย์ท่านสอนไว้ครับ (ลองใครแซวอีกครั้งพ่อจะยิ่งให้ดับ:8dcf9699: ตัวกิเลสมันเอาเรื่องนะครับ ขอไปทะเลาะกับตัวกิเลสอีกยกนะครับ:45ed7b5f:)

:d16c4689: รีบแก้ก่อนเถอะค่ะ..เดี๋ยวเป็นเรื่อง...ก่อนจะจบเรื่อง(ที่โพสต์)

วาโยรัตนะ 05-03-2009 11:45

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ นางมารร้าย (โพสต์ 1603)
:d16c4689: รีบแก้ก่อนเถอะค่ะ..เดี๋ยวเป็นเรื่อง...ก่อนจะจบเรื่อง(ที่โพสต์)

ขอบคุณครับ ที่เมตตา :1894c7a1:

วาโยรัตนะ 05-03-2009 11:55

:a03cbf1e:ขอหลบไปพิจารณาตัวเองก่อนครับ ตั้งแต่ท่านเตือนมา ผมว่าผมมีสติขึ้นเยอะ ขนาดใน เอ็มเอสเอ็น(msn) เวลาโต้ตอบข้อความกับท่านทั้งหลาย เมื่อก่อน ผมไม่เคยทราบว่า ท่านๆทั้งหลายต้องใช้ "จินตนาการ"ในการทำความเข้าใจกับข้อความที่ผมโต้ตอบไปมากมายขนาดไหน........:baa60776:
เอาครับ สิบนิ้วยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ขออภัยครับ ทุกๆท่าน (ที่ต้องให้ใช้จิตนการประกอบการอ่าน):A4672615-5:

วาโยรัตนะ 05-03-2009 12:59

จะขอกล่าวความตามพระอรรถกถา "จันทกินนรชาดก" ว่าด้วย "นางจันทกินนรี"

พระศาสดา เมื่อทรงอาศัยกรุงกบิลพัสดุ์ ประทับอยู่ ณ นิโครธาราม ทรงพระปรารภพระมารดาของพระราหุล ตรัสเรื่องนี้ในพระราชนิเวศน์ มีคำเริ่มต้นว่า อุปนียติทํ มญฺเญ ดังนี้.

ที่จริงชาดกนี้ควรจะกล่าวตั้งแต่"ทูเรนิทาน"
ก็แต่นิทานกถานี้นั้น จนถึงพระอุรุเวลกัสสปบันลือสีหนาทในลัฏฐิวัน กล่าวไว้ใน "อปัณณกชาดก" ต่อจากนั้นจนถึงเสด็จกรุงกบิลพัสดุ์ จักแจ้งใน เวสสันดรชาดก.
ก็แล พระศาสดาประทับนั่งในพระนิเวศน์ของพุทธบิดา ในเวลากำลังเสวย ตรัส "มหาธัมมปาลชาดก" เสวยเสร็จทรงดำริว่า เราจักนั่งในนิเวศน์ของมารดาราหุล กล่าวถึงคุณของเธอ แสดง"จันทกินนรชาดก" ให้พระราชาทรงถือบาตรเสด็จไปที่ประทับแห่ง พระมารดาของพระราหุล กับพระอัครสาวกทั้งสอง.

ครั้งนั้น นางระบำ ๔๐,๐๐๐ ของพระนางพากันอยู่พร้อมหน้า. บรรดานางทั้งนั้นที่เป็นขัตติกัญญาถึง ๑,๐๙๐ นาง. พระนางทรงทราบว่าพระตถาคตเสด็จมา ตรัสบอกแก่นางเหล่านั้นว่า จงพากันนุ่งผ้าย้อมน้ำฝาดทั่วกันทีเดียว. นางเหล่านั้นพากันกระทำอย่างนั้น พระศาสดาเสด็จมาประทับนั่งเหนือพระแท่นที่เตรียมไว้.

ครั้งนั้น พวกนางเหล่านั้นทั้งหมดก็พากันร้องไห้ประดังขึ้นเป็นเสียงเดียวกันอื้ออึงไป เสียงร่ำให้ขนาดหนักได้มีแล้ว ฝ่ายพระมารดาของพระราหุลเล่าก็ทรงกันแสง ครั้นทรงบรรเทาความโศกได้ ก็ถวายบังคมพระศาสดา ประทับนั่งด้วยความนับถือมาก เป็นไปกับความเคารพอันมีในพระราชา.

ครั้งนั้น พระราชาทรงพระปรารภคุณกถาของพระนาง ได้ตรัสเล่าพรรณนาคุณของพระนางด้วประการต่างๆ เช่น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สะใภ้ของโยม ฟังว่าพระองค์ทรงนุ่งกาสาวพัสตร์ ก็นุ่งกาสาวพัสตร์เหมือนกัน

ฟังว่า พระองค์เลิกทรงมาลาเป็นต้น ก็เลิกทรงมาลาเป็นต้น
ฟังว่า ทรงเลิกบรรทมเหนือพระยี่ภูอันสูงอันใหญ่ ก็บรรทมเหนือพื้นเหมือนกัน
ในระยะกาลที่พระองค์ทรงผนวชแล้ว นางยอมเป็นหญิงหม้าย มิได้รับบรรณาการที่พระราชาอื่นๆ ส่งมาให้เลย นางมีจิตมิได้เปลี่ยนแปลงในพระองค์ถึงเพียงนี้.

พระศาสดาตรัสว่า มหาบพิตร ไม่น่าอัศจรรย์เลย ที่นางมีความรักไม่เปลี่ยนแปลงในอาตมภาพอย่างไม่ไยดีในผู้อื่นเลย ในอัตภาพสุดท้ายของอาตมภาพครั้งนี้ แม้บังเกิดในกำเนิดดิรัจฉาน ก็ยังได้มีจิตไม่เปลี่ยนแปลงในอาตมภาพอย่างไม่ไยดีในผู้อื่นเลย

แล้วทรงรับอาราธนานำอดีตนิทานมาดังต่อไปนี้.

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดกินนรในหิมวันตประเทศ ภรรยาของเธอนามว่า จันทา ทั้งคู่เล่าก็อยู่ที่ภูเขาเงินชื่อว่า จันทบรรพต

ครั้งนั้น พระเจ้าพาราณสีมอบราชสมบัติแก่หมู่อำมาตย์ ทรงผ้าย้อมฝาดสองผืน ทรงสอดพระเบญจาวุธ เข้าสู่ป่าหิมพานต์ลำพังพระองค์เดียวเท่านั้น ท้าวเธอเสวยเนื้อที่ทรงล่าได้เป็นกระยาหารเสด็จท่องเที่ยวไปถึงลำน้ำน้อยๆ สายหนึ่งโดยลำดับ ก็เสด็จขึ้นไปถึงต้นสาย ฝูงกินนรที่อยู่ ณ จันทบรรพต เวลาฤดูฝนก็ไม่ลงมา พากันอยู่ที่ภูเขานั่นแหละ ถึงฤดูแล้งจึงพากันลงมา.

ครั้งนั้น จันทกินนรลงมากับภรรยาของตน เที่ยวเก็บเล็มของหอมในที่นั้นๆ กินเกษรดอกไม้ นุ่งห่มด้วยสาหร่ายดอกไม้ เหนี่ยวเถาชิงช้าเป็นต้น เล่นพลางขับร้องไปพลาง ด้วยเสียงจะแจ้วเจื้อยจนถึงลำน้ำน้อยสายนั้น หยุดลงตรงที่เป็นคุ้งแห่งหนึ่ง โปรยปรายดอกไม้ลงในน้ำ ลงเล่นน้ำแล้วนุ่งห่มสาหร่ายดอกไม้ จัดแจงแต่งที่นอนด้วยดอกไม้ เหนือหาดทรายซึ่งมีสีเพียงแผ่นเงิน ถือขลุ่ยเลาหนึ่ง นั่งเหนือที่นอน.

ต่อจากนั้น จันทกินนรก็เป่าขลุ่ยขับร้องด้วยเสียงอันหวานฉ่ำ จันทกินรีก็ฟ้อนหัตถ์อันอ่อนยืนอยู่ในที่ใกล้สามีฟ้อนไปบ้าง ขับร้องไปบ้าง. พระราชานั้นทรงสดับเสียงของกินนรกินรีนั้น ก็ทรงย่องเข้าไปค่อยๆ ยืนแอบในที่กำบัง ทรงทอดพระเนตรกินนรเหล่านั้น ก็ทรงมีจิตปฏิพัทธ์ในกินรี ทรงดำริว่า จักยิงกินนรนั้นเสียให้ถึงสิ้นชีวิต ถึงสำเร็จการอยู่ร่วมกินรีนี้ แล้วทรงยิงจันทกินนร.

เธอเจ็บปวดรำพันกล่าวคาถา ๔ คาถาว่า

ดูก่อนนางจันทา ชีวิตของพี่ใกล้จะขาดอยู่แล้ว พี่กำลังเมาเลือด จันทาเอ๋ย พี่เห็นจะละชีวิตไปแม้ในวันนี้ ลมปราณของพี่กำลังจะดับ ชีวิตของพี่กำลังจะจม ความทุกข์กำลังเผาผลาญหัวใจพี่ พี่ลำบากยิ่งนัก ความโศกของพี่ครั้งนี้ เป็นความโศกยิ่งใหญ่กว่าความโศกเหล่าอื่น เพราะเหตุแห่งเจ้าจันทาผู้จะเศร้าโศกถึงพี่โดยแท้ พี่จะเหี่ยวแห้งเหมือนต้นหญ้าที่ถูกทิ้งไว้บนแผ่นหินร้อน เหมือนต้นไม้มีรากอันขาด พี่จะเหือดหายเหมือนแม่น้ำที่ขาดห้วง ความโศกของพี่ครั้งนี้เป็นความโศกยิ่งใหญ่กว่าความโศกเหล่าอื่น เพราะเหตุแห่งเจ้าจันทาผู้จะเศร้าโศกถึงพี่โดยแท้ น้ำตาของพี่ไหลออกเรื่อยๆ เหมือนน้ำฝนที่ตกลงที่เชิงบรรพตไหลไปไม่ขาดสายฉะนั้น ความโศกของพี่ครั้งนี้เป็นความโศกยิ่งใหญ่กว่าความโศกเหล่าอื่น เพราะเหตุแห่งเจ้าจันทาผู้จะเศร้าโศกถึงพี่โดยแท้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุปนียติ ความว่า ชีวิตของพี่ใกล้จะขาดอยู่แล้ว.
บทว่า อิทํ ได้แก่ ชีวิต.
บทว่า ปาณา ความว่า ดูก่อนจันทา ลมปราณคือชีวิตของพี่ย่อมจะดับ.
บทว่า โอสธิ เม ความว่า ชีวิตของพี่ย่อมจะจมลง.
บทว่า นิตมานิ แปลว่า พี่ย่อมลำบากอย่างยิ่ง.
บทว่า ตว จนฺทิยา ความว่า นี้เป็นความทุกข์ของพี่.
บทว่า น นํ อญฺเญหิ โสเกหิ ความว่า โดยที่แท้นี้เป็นเหตุแห่งความโศกของเธอผู้ชื่อว่าจันที เมื่อกำลังเศร้าโศกอยู่ เพราะเหตุที่เธอเศร้าโศก เพราะความพลัดพรากของเรา.
ด้วยบทว่า ติณมิว มิลายามิ เธอกล่าวว่า ข้าจะเหี่ยวเฉา เหมือนต้นหญ้าที่ถูกทอดทิ้งบนแผ่นหินอันร้อน เหมือนป่าไม้ที่ถูกตัดรากฉะนั้น.
บทว่า สเร ปาเท ความว่า เหมือนสายฝนที่ตกบนเชิงเขาไหลซ่านไปไม่ขาดสายฉะนั้น.

พระมหาสัตว์คร่ำครวญด้วยคาถาสี่เหล่านี้ นอนเหนือที่นอนดอกไม้นั่นเอง ชักดิ้นสิ้นสติ.ฝ่ายพระราชายังคงยืนอยู่.

จันทากินรี เมื่อพระมหาสัตว์รำพัน กำลังเพลิดเพลินเสียด้วยความรื่นเริงของตน มิได้รู้ว่าเธอถูกยิง แต่ครั้นเห็นเธอไร้สัญญานอนดิ้นไป ก็ใคร่ครวญว่า ทุกข์ของสามีเราเป็นอย่างไรหนอ พอเห็นเลือดไหลออกจากปากแผล ก็ไม่อาจสะกดกลั้นความโศกอันมีกำลังที่เกิดขึ้นในสามีที่รักไว้ได้ ร่ำไห้ด้วยเสียงดัง.
พระราชาทรงดำริว่า กินนรคงตายแล้ว ปรากฏพระองค์ออกมา จันทาเห็นท้าวเธอหวั่นใจว่าโจรผู้นี้คงยิงสามีที่รักของเราจึงหนีไปอยู่บนยอดเขา พลางบริภาษพระราชา ได้กล่าวคาถา ๕ คาถา ดังนี้

พระราชบุตรใด ยิงสามีผู้เป็นที่ปรารถนาของเรา เพื่อให้เป็นหม้ายที่ชายป่า พระราชบุตรนั้นเป็นคนเลวทรามแท้ สามีของเรานั้นถูกยิงแล้วนอนอยู่ที่พื้นดิน
พระราชบุตรเอ๋ย มารดาของท่านจงได้รับสนองความโศกในดวงหทัยของข้าผู้เพ่งมองดูกินนรผู้สามีนี้
ชายาของท่านจงได้รับสนองความโศกในดวงหทัยของข้าผู้เพ่งมองดูกินนรผู้สามีนี้
พระราชบุตรเอ๋ย ท่านได้ฆ่ากินนรผู้ไม่ประทุษร้าย เพราะความรักใคร่ในเรา ขอมารดาของท่านอย่าได้พบเห็นบุตรและสามีเลย
ท่านได้ฆ่ากินนรีผู้ไม่ประทุษร้าย เพราะความรักใคร่ในเรา ขอชายาของท่านจงอย่าได้พบเห็นบุตรและสามีเลย.

วาโยรัตนะ 05-03-2009 13:04

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วรากิยา แปลว่า ผู้กำพร้า.
บทว่า ปฏิมุจฺจตุ ได้แก่ จงกลับได้ คือถูกต้องบรรลุ.
บทว่า มยฺหํ กามาหิ ได้แก่ เพราะความรักใคร่ในฉัน.

พระราชา เมื่อจะตรัสปลอบนางผู้ยืนร่ำไห้เหนือยอดภูเขาด้วย ๕ คาถา จึงตรัสคาถาว่า
ดูก่อนนางจันทา ผู้มีนัยน์ตาเบิกบานดังดอกไม้ในป่า เธออย่าร้องไห้ไปเลย เธอจักได้เป็นอัครมเหสีของฉันมีเหล่านารีในราชสกุลบูชา.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า จนฺเท ความว่า เพราะได้สดับชื่อของพระโพธิสัตว์เวลาคร่ำครวญ จึงได้ตรัสอย่างนั้น.
บทว่า วนติมิรมตฺตกฺขิ แปลว่า ผู้มีนัยน์ตาเสมอด้วยดอกไม้ที่มืดมัวในป่า.
บทว่า ปูชิตา ความว่า เธอจะได้เป็นอัครมเหสีผู้เป็นหัวหน้าของบรรดาหญิง ๑๖,๐๐๐ คน.

นางจันทากินรีฟังคำของท้าวเธอแล้วกล่าวว่า ท่านพูดอะไร เมื่อจะบันลือสีหนาท จึงกล่าวคาถาต่อไปว่า ถึงแม้ว่าเราจักต้องตาย แต่เราจักไม่ขอยอมเป็นของท่านผู้ฆ่ากินนรสามีของเรา ผู้มิได้ประทุษร้าย เพราะความรักใคร่ในเรา.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อปิ นูนาหํ ความว่า ถึงแม้เราจักต้องตายอย่างแน่นอนทีเดียว.
ท้าวเธอฟังคำของนางแล้วหมดความรักใคร่ ตรัสคาถาต่อไปว่า แน่ะนางกินรีผู้ขี้ขลาด มีความรักใคร่ต่อชีวิต เจ้าจงไปสู่ป่าหิมพานต์เถิด มฤคอื่นๆ ที่บริโภคกฤษณาและกระลำพัก จักยังรักใคร่ยินดีต่อเจ้า.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อปิ ภีรุเก แปลว่า ผู้มีชาติขลาดเป็นอย่างยิ่ง.
บทว่า ตาลิสตคฺครโภชนา ความว่า มฤคอื่นๆ ที่บริโภคใบกฤษณาและใบกระลำพัก จักยังรักษาความยินดีต่อเจ้า.

ท้าวเธอได้กล่าวกะนางว่า เธอจงอย่าไปจากความลับในราชตระกูล.
ก็แลครั้นตรัสอย่างนี้แล้ว ก็เสด็จหลีกไปอย่างหมดเยื่อใย. นางทราบว่าท้าวเธอไปแล้ว ก็ลงมากอดพระมหาสัตว์ อุ้มขึ้นสู่ยอดภูเขา ให้นอนเหนือยอดภูเขา ยกศีรษะวางไว้เหนือขาของตน พลางพร่ำไห้เป็นกำลัง จึงกล่าวคาถา ๑๒ คาถาว่า

ข้าแต่กินนร ภูเขาเหล่านั้น ซอกเขาเหล่านั้นและถ้ำเหล่านั้นตั้งอยู่ ณ ที่นั้น ฉันไม่เห็นท่านในที่นั้นๆ จะกระทำอย่างไร
ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่เทือกเขาซึ่งเราเคยร่วมอภิรมย์กัน จะกระทำอย่างไร
ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่แผ่นผาอันลาดด้วยใบไม้เป็นที่น่ารื่นรมย์ พวกมฤคร้ายกล้ำกลาย จะทำอย่างไร
ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่แผ่นผาอันลาดด้วยดอกไม้ เป็นที่น่ารื่นรมย์ พวกมฤคร้ายกล้ำกลาย จะทำอย่างไร
ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ลำธารอันมีน้ำใสไหลอยู่เรื่อยๆ มีกระแสเกลื่อนกล่นไปด้วยดอกโกสุม จะกระทำอย่างไร
ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ยอดเขาหิมพานต์อันมีสีเขียว น่าดูน่าชม จะกระทำอย่างไร
ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ยอดเขาหิมพานต์มีสีเหลืองอร่าม น่าดูน่าชม จะกระทำอย่างไร
ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ยอดเขาหิมพานต์อันมีสีแดง น่าดูน่าชม จะกระทำอย่างไร
ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ยอดเขาหิมพานต์อันสูงตระหง่าน น่าดูน่าชม จะกระทำอย่างไร
ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ยอดเขาหิมพานต์อันมีสีขาว น่าดูน่าชม จะกระทำอย่างไร
ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ยอดเขาหิมพานต์อันงามวิจิตร น่าดูน่าชม จะกระทำอย่างไร
ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่เขาคันธมาทน์ อันดารดาษไปด้วยยาต่างๆ เป็นถิ่นที่อยู่ของหมู่เทพเจ้า จะกระทำอย่างไร
ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ภูเขาคันธมาทน์ อันดารดาษไปด้วยโอสถทั้งหลาย จะกระทำอย่างไร.

วาโยรัตนะ 05-03-2009 13:08

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เต ปพฺพตา ความว่า ภูเขาเหล่านั้น ซอกเขาเหล่านั้นและถ้ำเขาเหล่านั้นที่เราเคยขึ้นร่วมอภิรมย์ ตั้งอยู่ ณที่นั้นนั่นแล บัดนี้ เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่เทือกเขานั้น เราจะทำอย่างไรเล่า เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่แผ่นผาลาดอันงดงามไปด้วยใบไม้ดอกและผลเป็นต้น ร่ำไรอยู่ว่าเราจะอดกลั้นได้อย่างไร.
บทว่า ปณฺณสณฺฐตา ความว่า ดารดาษด้วยกลิ่นและใบ ของใบกฤษณาเป็นต้น.
บทว่า อจฺฉา ได้แก่ มีน้ำใสสะอาด.
บทว่า นีลานิ ได้แก่ สำเร็จด้วยแก้วมณี.
บทว่า ปีตานิ ได้แก่ สำเร็จด้วยทองคำ.
บทว่า ตมฺพานิ ได้แก่ สำเร็จด้วยมโนศิลา.
บทว่า ตุงฺคานิ ความว่า มีปลายคมสูง.
บทว่า เสตานิ ได้แก่ สำเร็จด้วยเงิน.
บทว่า จตฺรานิ ได้แก่ เจือด้วยรัตนะ ๗ ประการ.
บทว่า ยกฺขคณเสวิเต ความว่า อันภุมเทวดาเสพแล้ว.

นางร่ำไห้ด้วยคาถาสิบสองบทด้วยประการฉะนี้แล้ว วางมือลงตรงอุระพระมหาสัตว์ รู้ว่ายังอุ่นอยู่ ก็คิดว่า พี่จันท์ยังมีชีวิตเป็นแน่ เราต้องกระทำการเพ่งโทษเทวดา ให้ชีวิตของเธอคืนมาเถิด. แล้วได้กระทำการเพ่งโทษเทวดาว่า เทพเจ้าที่ได้นามว่าท้าวโลกบาลน่ะไม่มีเสียหรือไรเล่า หรือหลบไปเสียหมดแล้ว หรือตายหมดแล้ว ช่างไม่ดูแลผัวรักของข้าเสียเลย.
ด้วยแรงโศกของนาง พิภพท้าวสักกะเกิดร้อน. ท้าวสักกะทรงดำริทราบเหตุนั้น แปลงเป็นพราหมณ์ถือกุณฑีน้ำมาหลั่งรดพระมหาสัตว์. ทันใดนั้นเองพิษก็หายสิ้น แผลก็เต็ม แม้แต่รอยที่ว่าถูกยิงตรงนี้ก็มิได้ปรากฏ. พระมหาสัตว์สบายลุกขึ้นได้ จันทาเห็นสามีที่รักหายโรค แสนจะดีใจ ไหว้แทบเท้าของท้าวสักกะ กล่าวคาถาเป็นลำดับว่า

ข้าแต่ท่านพราหมณ์ผู้เป็นเจ้า ฉันขอไหว้เท้าทั้งสองของท่านผู้มีความเห็นดู มารดาสามีผู้ที่ดิฉันซึ่งเป็นกำพร้าปรารถนายิ่งนักด้วยน้ำอมฤต ดิฉันได้ชื่อว่าเป็นผู้พร้อมเพรียงด้วยสามีผู้เป็นที่รักยิ่งแล้ว.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อมเตน ความว่า นางจันทากินรีสำคัญว่า เป็นน้ำอมฤตจึงกล่าวอย่างนั้น.
บทว่า ปิยตเมน แปลว่า น่ารักกว่า บาลีก็อย่างนั้นเหมือนกัน.

ท้าวสักกะได้ประทานโอวาทแก่กินนรทั้งคู่นั้นว่า ตั้งแต่บัดนี้ เธอทั้งสองอย่าลงจากจันทบรรพตไปสู่ถิ่นมนุษย์เลย จงพากันอยู่ที่นี้เท่านั้นนะ ครั้นแล้วก็เสด็จไปสู่สถานที่ของท้าวเธอ.
ฝ่ายจันทากินรีก็กล่าวว่า พี่เจ้าเอ๋ย เราจะต้องการอะไรด้วยสถานที่อันมีภัยรอบด้านนี้เล่า มาเถิดค่ะ เราพากันไปสู่จันทบรรพตเลยเถิดคะ แล้วกล่าวคาถาสุดท้ายว่า

บัดนี้ เราทั้งสองจักเที่ยวไปสู่ลำธารอันมีกระแสสินธุ์อันเกลื่อนกล่นด้วยดอกโกสุม ดารดาษไปด้วยบุบผชาติต่างๆ เราทั้งสองจะกล่าววาจาเป็นที่รักแก่กันและกัน.

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในครั้งก่อนนางก็ไม่ได้เอาใจออกห่างเรา มิใช่หญิงที่ผู้อื่นจะนำไปได้เหมือนกัน
ทรงประชุมชาดกว่า
พระราชาในครั้งนั้น ได้มาเป็น เทวทัต
ท้าวสักกะได้มาเป็น อนุรุทธะ
จันทากินรีได้มาเป็น มารดาเจ้าราหุล
ส่วนจันทกินนรได้มาเป็น เราตถาคต แล.
พระบรมศาสดาตรัสพระธรรมเทศนานี้ ทรงแสดงถึงความจงรักภักดีของจันทากินนรีที่มีต่อจันทกินนร คราวนั้นพระนางพิมพาจึงบรรลุโสดาปัตติผล ณ ที่นั้นเอง จากนั้นพระพุทธองค์ก็เสด็จกลับไปพระวิหาร

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก
http://www.84000.org/tipitaka/attha/jataka.php?i=271883

และข้อมูลที่ เป็นไฟล์สกุล .pdf วิทยานิพนธ์:การศึกษาวิเคราะห์การสร้างบารมีของพระนางพิมพาที่ปรากฏในชาดก ขอเชิญท่านที่สนใจใคร่อ่านหาความรู้ครับดั่งในรายละเอียดด้านล่างนี้ครับ
http://www.mcu.ac.th/site/thesisdeta...?thesis=254613

วาโยรัตนะ 05-03-2009 15:31

กราบแทบเท้าขอบพระคุณขอรับ:fea27916:

เถรี 05-03-2009 15:40

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ suthamma (โพสต์ 1619)
:A4672615-5: ขอทำความเข้าใจกันสักนิดนะครับ ในชาดกนั้นจะมีส่วนประกอบหลักๆ ดังนี้

:c6a3ddb3: ปัจจุบันนิทาน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วพระพุทธเจ้าทรงประชุมสงฆ์เพื่อตรัสถึงเรื่องนั้น

:onion_chew: ทูเรนิทาน เป็นเรื่องในอดีตที่พระพุทธเจ้าทรงยกมาตรัสเล่า เพื่อให้ทราบว่า เรื่องที่คล้ายคลึงกันแบบนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

:da4c2d5e: คาถา เป็นเหมือนหัวใจของเรื่องนั้น ๆ ที่ทรงยกขึ้นมาตรัสเล่า

:8f337f1c: เวยยากรณภาษิต เป็นคำแปลหรือคำขยายคาถาให้ชัดเจนขึ้น

:1894c7a1: ธรรมสโมทาน เป็นการสรุปเรื่องว่า บุคคลในอดีตนั้น ปัจจุบันนี้มาเกิดเป็นใครกันบ้าง

:967339c1: คิดว่าคงช่วยให้อ่านชาดกได้แบบมีอรรถรสมากขึ้นนะครับ

พึ่งทราบว่ามีแบบนี้ด้วย
ปกติรู้แค่ว่าชาดกมีองค์ประกอบ ๓ อย่าง คือ ปรารภเรื่อง อดีตนิทาน และประชุมชาดก

วาโยรัตนะ 08-03-2009 11:06

กราบเรียนแทบเท้าท่านสุธัมมาขอรับ

กระผมไปเจอคำว่า "ธรรมสโมธาน" (ออกเสียงเหมือนกันกับ "ธรรมสโมทาน" )
ซึ่งตามที่เจอในที่นี้หมายถึง" ธรรมสโมธาน ๘ประการ "อันแปลได้ว่า


ก็เมื่อบุคคลปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้าอยู่ ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่จะสำเร็จ

ได้เพราะประมวลมาซึ่งธรรม ๘ ประการ (ธรรมสโมธาน) คือ:-

๑. ความเป็นมนุษย์

๒. ความถึงพร้อมด้วยเพศ

๓. ความถึงพร้อมด้วยเหตุ (แห่งการบรรลุพระอรหัต)

๔. การเห็นพระศาสดา

๕. การบรรพชา

๖. การสมบูรณ์ด้วยคุณ (อภิญญา ๕, สมาบัติ ๘)

๗. การกระทำยิ่งใหญ่ (บริจาคชีวิต)

๘. ความพอใจ (ฉันทะอันใหญ่หลวง อุตสาหะ ความพยายาม)

ใคร่ขอกราบเรียนสอบถามว่าที่ค้นเจอมานั้นถูกต้องหรือไม่ขอรับ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:26


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว