กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๖๑ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6006)

เถรี 30-01-2018 08:41

ถาม : เรื่องไม้ครูของหลวงปู่ภู วัดอินทร์ ถ้าบรรจุด้านเดียวกันทั้งสองด้าน ใช้เหมือนกันหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : คนไหนได้สองด้านถือว่าได้รับการโปรดเป็นพิเศษ คงเป็นบารมีส่วนตัวของเขา เพราะว่าก่อนที่หลวงปู่ท่านจะทำให้ ท่านต้องนั่งมองฟ้าจนกว่าจะได้รับอนุญาต

เถรี 30-01-2018 08:48

ถาม : น้องสาวทำอยู่ฝ่ายการเงินค่ะ คุณครูที่โรงเรียนมารังควาน ?
ตอบ : เป็นเรื่องปกติของคนดีที่มักจะโดน คนชั่วเขาไม่ค่อยจะคิดกันหรอก เขาทำได้เขาก็ทำ ให้เขาไปภาวนาคาถาเงินล้าน เฉพาะบท นาสังสิโม ฯ เป็นบทกลับร้ายกลายเป็นดี

ถาม :คำเดียวหรือเจ้าคะ ?
ตอบ : คำเดียวนั่นแหละ ให้ภาวนา ตั้งใจขอบารมีพระสงเคราะห์ให้เปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดี ภาวนาไปเรื่อย ๆ ทั้งวันทั้งคืนได้ยิ่งดี

เถรี 30-01-2018 09:17

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครรู้บ้าง โบราณเขาใช้สีผึ้งไว้ทำอะไร ? สีผึ้งเขาไว้กันปากแห้งกันปากแตก โดยเฉพาะคนที่กินหมาก น้ำหมากจะกัดริมฝีปากจนแห้งผาก เขาก็เลยทาสีผึ้ง มายุคนี้สมัยนี้ของเราไม่เหลืออะไรแล้ว มีครีม มีลิปสติก ใช่ไหม ? สีผึ้งก็เลยเหลืออยู่อย่างเดียว คือ เอาไปให้หลวงพ่อเสกเป็นมหาเสน่ห์"

เถรี 30-01-2018 09:45

ถาม : ลูกสาวหนูกำลังจะแต่งงานกับผู้ชาย มีคนเข้ามายุ่ง มาทำมนต์ดำใส่ ?
ตอบ : บอกเขาว่าให้พกยันต์เกราะเพชรไว้แล้วสวด อิติปิ โส ฯ ทุกวัน ต้องขยันนะ ถ้าไม่ขยันเดี๋ยวก็โดนอีก บอกเขาว่าต้องขยันสวดมนต์ทุกวัน

เถรี 30-01-2018 22:29

หลวงปู่หลวงพ่อบางรูปบางท่านทำแต่ความดี ปรากฏว่าโดนคนทำไสยศาสตร์ใส่ อาตมาเองก็สงสัยว่าเป็นเพราะอะไร ? หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า พวกหมอไสยศาสตร์มีการแข่งขันกันว่า ใครจะล้มพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังได้มากกว่ากัน ก็เลยกลายเป็นว่า แม้ว่าบางคนจะไม่เคยทำผิดคิดร้ายอะไรกับใครในชาติปัจจุบัน ก็ยังมีคนไม่หวังดีคอยทำอันตราย ก็แสดงว่าในอดีตชาตินั้นท่านเคยสร้างกรรมมาเหมือนกัน

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านโดนไสยศาสตร์มาเป็น ๑๐ ปี ถามหลวงพ่อว่าส่วนใหญ่เกิดจากอะไรครับ ? ท่านบอกว่าเกิดจาก ๒ ส่วน ส่วนหนึ่งก็คือมีฝ่ายที่ตั้งใจจะทำลายสถาบันศาสนา เห็นพระที่มีชื่อเสียงเป็นที่เคารพนับถือของประชาชน ซึ่งเท่ากับว่าเป็นหลักยึดให้เกิดความรักใคร่สามัคคีกัน ก็จะทำลายหลักนั้นเสีย เพื่อที่จะให้แตกสามัคคี จะได้ยึดครองประเทศของเราได้ง่าย

อีกฝ่ายหนึ่งนั้นมาจากนักบวชด้วยกันอิจฉาริษยา ประเภทว่าคนแห่ไปวัดโน้นเป็นแสนเลย ทำไมไม่มาวัดของเราบ้าง ? ถ้าหากว่าล้มท่านลงได้ คนก็อาจจะมาวัดของเราบ้าง แล้วก็ทำไสยศาสตร์ใส่ เรื่องความคิดแบบนี้ไม่น่าจะมีในหมู่นักบวชด้วยกัน แต่ก็ปรากฏว่ามี อาตมาจึงไปนึกถึงที่หลวงวิจิตรวาทการท่านบอกว่า

อันที่จริงคนเขาอยากเห็นเราดี
แต่ถ้าเด่นขึ้นทุกทีเขาหมั่นไส้
จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย
ไม่มีใครเขาอยากเห็นเราเด่นเกิน

เถรี 30-01-2018 22:31

ระยะหลังเวลาอาตมาไปงานพุทธาภิเษกในที่ต่าง ๆ ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นพระอาจารย์ที่อายุค่อนข้างน้อยในสายตาคนอื่น ก็เลยมีคนสงสัยในเรื่องของความสามารถ มีการทดสอบกันอยู่เป็นปกติ ซึ่งเรื่องพวกนี้ต้องบอกว่า ถ้าหากว่าเราตอบโต้ก็จะเป็นการผูกเวรไม่รู้จบ ก็ทำอยู่อย่างเดียวคือทำไม่รู้ไม่ชี้ เขาให้อะไรมา เราไม่รับเสียอย่างก็หมดเรื่องไป

เพราะฉะนั้น...ใครทำใครได้ ที่โบราณบอกว่า วัวใครเข้าคอกใคร วัวของเขาก็เข้าคอกเขาเอง การกระทำของเขา เขาก็รับไปเอง อะไรประมาณนั้น

เถรี 30-01-2018 23:59

ถาม : (พระถาม) โยมแม่ทะเลาะกับผม หนีกลับบ้าน ขนของไปด้วย เพราะว่าผมไม่จัดการกับคนที่ทำให้วัดมีปัญหา ถ้าเราจะจัดการคนที่ทำผิดควรทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ต้องดูความหนักเบา แต่ทีนี้ความหนักเบาของเหตุการณ์แต่ละอย่าง มีตั้งแต่ประเภท ตำหนิโทษ ภาคทัณฑ์ ลงโทษ จะไปตามลำดับชั้น ต้องดูสถานการณ์ใหญ่ด้วย เพราะว่าบางอย่างวัดอาจจะยังต้องพึ่งเขา

คนที่เป็นฝ่ายปกครองจะทำให้ถูกใจทุกคนย่อมเป็นไปไม่ได้ มีอยู่อย่างเดียวคือ ทำอย่างไรจะปกครองสถานการณ์ให้ออกมาให้ดีที่สุด เดี๋ยวแม่เขาเข้าใจเขาก็กลับมาเองแหละ

ต้องว่าไปตามลำดับ ส่วนใหญ่แล้วเขาต้องการตูมเดียวให้รู้เรื่องไปเลย ซึ่งสถานการณ์ที่เราต้องมองภาพรวม ถ้าเราเองเป็นแค่จุดเล็ก ๆ จุดเดียวก็ทำได้ แต่พอทั้งวัดนี่ลำบากแล้ว บรรดาเจ้าอาวาสหลายแห่งที่มีปัญหา ส่วนใหญ่แล้วบางคนเราต้องรอเวลาที่เหมาะสมก่อน

ตำหนิโทษ ภาคทัณฑ์ ถ้ายังทำอีกแล้วค่อยบอกว่าจะทำอย่างไรกับเขา ประเภทว่าจะไล่ออกหรือห้ามเข้าวัด ๑ เดือน ๑ ปี อะไรก็ว่าไป ยังดีวัดเป็นวัดใหม่ ถ้าเป็นวัดเก่าจะมีปัญหามากกว่านี้ เพราะว่าพวกมัคคนายก พวกกรรมการวัด ส่วนใหญ่จะมีอิทธิพลฝังรากลึกอยู่ จัดการยากกว่านี้อีก

วิธีที่ดีที่สุดก็คือแขวนลอยไว้เฉย ๆ ให้คนอื่นทำงานแทน ถ้ายังไม่รู้ตัว ไม่แก้ไข ก็ไม่ต้องให้ทำงานต่อไป ก็จะได้ด้วยกันทั้ง ๒ ฝ่าย ก็คือตัวเขาไม่ต้องเสียหน้าว่าโดนขับไล่ออกไป ในขณะเดียวกันคนอื่นก็เห็นว่าโดนลงโทษไปแล้ว

เถรี 31-01-2018 00:11

พูดถึงเรื่องหล่อพระ "หล่อออกมา ๒ องค์แล้ว สถานการณ์บ้านเมืองจะดีขึ้นเรื่อย ๆ พอองค์ที่ ๓ ก็เริ่มเงยหน้าอ้าปากได้แล้ว"

ถาม : ขโมยยกไปไม่ไหว ?
ตอบ : เป็นเรื่องยากมาก มั่นใจว่าถ้าเป็นยุคหลังนี่ ก็คงเป็นวัดท่าขนุนที่สร้างพระทองคำองค์ใหญ่ที่สุด ส่วนใหญ่ก็ทำกันเล็ก ๆ ๕ นิ้ว ๙ นิ้ว เล่นกันที ๒๑ นิ้ว น้ำหนัก ๑๐๐ กว่ากิโลกรัมไม่ใช่เรื่องง่ายนะ

แล้วที่สงสัยมาตั้งแต่แรกก็คือโครงการหลายปี กราบเรียนถามหลวงพ่อ กราบเรียนถามพระท่านว่า ถ้าหากว่าเราได้ทองครบก่อน จะทำก่อนได้ไหม ? ท่านบอกว่าไม่ได้ เพราะว่าองค์นี้ทำขึ้นมาเพื่อค้ำจุนสถานะของประเทศที่ตกต่ำ ต้องเป็นช่วงนั้นถึงจะดีขึ้น ผิดวาระไปก็ไม่มีประโยชน์ พอทำแล้วก็เลยเถิดกลายเป็นหลวงพ่อ ๓ กษัตริย์ไปเลย

จังหวัดกาญจนบุรีไม่มีพระสำคัญชนิดที่คนเขารู้จักกันทั่วประเทศ มีพระพุทธนวราชบพิตรก็เก็บเงียบอยู่ที่ศาลากลางจังหวัด ร้อยวันพันปีจะหลุดออกมาที แล้วก็ไม่ได้ประกาศเป็นสาธารณะ พระพุทธนวราชบพิตรออกมา ๒ ครั้งล้วนแล้วแต่งานหลวง ก็คือเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙

อีกองค์หนึ่งคือหลวงพ่อดำ วัดตะคร้ำเอน ส่วนใหญ่จะรู้จักกันในจังหวัด พอออกไปจังหวัดอื่นก็ไม่รู้แล้ว ถ้า
เราสร้างหลวงพ่อทองคำขึ้นมา เมื่อคนรู้จักกันมากขึ้น ต่อไปก็กลายเป็นแหล่งเที่ยวอีกอย่างหนึ่งของจังหวัดได้

เถรี 31-01-2018 00:14

ปัจจุบันนี้วัดท่าขนุนเป็น ๑ ใน ๙ วัดที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแนะนำให้ว่า ไปไหว้พระ ๙ วัดที่จังหวัดกาญจนบุรี คราวนี้ถ้าเราสร้างพระเงิน พระนาก พระทองคำเสร็จ การท่องเที่ยวช่วยโฆษณากลายเป็นแหล่งเที่ยว จะสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นอีกเยอะ ทำแล้วประโยชน์ได้แก่คนส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่น่าทำ

ส่วนของพวกเราก็ได้ในส่วนของบุญกุศล เรื่องของพุทธานุสติ หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกแล้วว่า การสร้างสมเด็จองค์ปฐม ถ้าไม่ทำอนันตริยกรรมนี่ลงอบายภูมิยาก พระยายมราชจะพยายามช่วยสุดชีวิต ถ้าเอ็งลงได้ ถือว่าเซียนจริง ๆ ขนาดเซ่นพัสดีใหญ่แล้วยังลงได้อีกก็สมควรแล้ว...!

แต่ว่าสมเด็จองค์ปฐมทองคำจะหล่อเป็น ๒ องค์ องค์แรกจะดูว่าใช้โลหะอะไรถึงเหมาะสม เพราะว่าต้องมีการแห่ทุกปี ก็คือเมื่อสร้างแล้วจะจัดงานสมโภชแห่กันทุกปี เท่ากับว่าเป็นการโฆษณาการท่องเที่ยวด้วย คราวนี้เท่าที่ดูไว้ก็น่าจะเป็นช่วงลอยกระทง แต่ว่าทองผาภูมิจะมีงานถนนคนนั่งยองส่งท้ายปี ก็อาจจะไปร่วมกันช่วงนั้น
อีกก็ได้ ได้คุยกับทางนายกเทศมนตรีล่วงหน้าไว้หลายปีแล้ว พอถึงเวลาแล้วเป็นชื่อเสียงของอำเภอเรา ทางวัดสร้างพระทองคำ ทางเทศบาลช่วยจัดขบวนแห่ก็แล้วกัน

เถรี 31-01-2018 00:16

ปรากฏว่าปัจจุบันอาตมาเองเป็นประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ กลายเป็นงานของสภาวัฒนธรรมก็ได้ ฉะนั้น...ในส่วนของงบประมาณก็สามารถที่จะสั่งจ่ายได้ ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น ลงตัวขึ้น ถ้าปีไหนสนุกขึ้นมาก็เลิกแห่ด้วยรถ ไปเช่าช้างสัก ๙ เชือก ๑๐ เชือกมาแห่กัน

ของพวกนี้บางอย่างเราต้องสร้างจุดขายขึ้นมาเอง แม้ว่าในเรื่องของพระพุทธศาสนาก็เหมือนกัน บ้านเราเมืองเราพระพุทธศาสนาอยู่ในลักษณะตั้งรับมาตลอด ก็คืออยู่แต่ในวัดให้คนไปหา ทำอย่างไรที่เราจะดึงให้คนเข้าวัดโดยอัตโนมัติได้ ถ้าไม่สามารถออกไปหาเขาได้ ก็ต้องหาทางดึงเขาเข้าวัดมาให้ได้

เถรี 01-02-2018 01:19

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงปลายเดือนต่อปีใหม่ เป็นช่วงหนึ่งที่วัดวาต่าง ๆ จัดงานปิดทองฝังลูกนิมิตหรือยกช่อฟ้าอุโบสถกัน โดยเฉพาะทองผาภูมิช่วงประมาณ ๗-๘ ปีที่ผ่านมา ไม่มีใครจัดงานตอนตรุษจีนอีกแล้ว เพราะว่าทองผาภูมิเป็นแหล่งเที่ยว ปีใหม่คนไปเที่ยวกันมาก ช่วงตรุษจีนก็ไม่ค่อยมีคนขึ้นไปกัน เพราะว่าระยะหลังตรุษจีนมีความสำคัญน้อยลง คนไม่ค่อยจะหยุดกันแล้ว ไม่เหมือนกับสมัยก่อน ตรุษจีนหยุดกันจนกรุงเทพฯ ร้างไปเลย

พอทางทองผาภูมิจัดงานช่วงปีใหม่ แรก ๆ ใคร ๆ ก็บอกว่า “เจ๊งแน่” ปรากฏว่าไม่มีวัดไหนเจ๊ง มีแต่ได้กำไรมาก เพราะว่าทองผาภูมิเป็นแหล่งเที่ยวที่เขาต้องการไปกันอยู่แล้ว พอมีงานบุญก็ฉวยโอกาสไปเที่ยวด้วย ในเมื่อเป็นอย่างนี้ บ้านใกล้เรือนเคียงก็เลียนแบบกันบ้าง ถึงเวลาก็จัดงานช่วงปีใหม่กัน ไม่ไปจัดตรุษจีนกันแล้ว

ทีนี้พระครูสมุห์บุญเลิศ สุทฺธาโส วัดกกเต็น อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี จัดงานช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เหมือนกัน ท่านจัดงานปิดทองฝังลูกนิมิต เป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก เพราะว่าวัดอายุร้อยกว่าปีมีเจ้าอาวาสแค่ ๓ รูปเท่านั้น เนื่องจากว่ามีเจ้าอาวาสรูปหนึ่งอายุยืนถึง ๑๐๖ ปี นึกเอาก็แล้วว่าทำไมร้อยกว่าปีที่ผ่านมาวัดกกเต็นมีเจ้าอาวาสแค่ ๓ รูป ก็รูปหนึ่งปาเข้าไปร้อยกว่าปีแล้ว"

เถรี 01-02-2018 01:25

"คราวนี้งานปิดทองฝังลูกนิมิตก็ต้องมีวัตถุมงคลไว้แจกญาติโยม ท่านจึงนิมนต์อาตมาไปพุทธาภิเษก ไปกัน ๔ รูป ต้องบอกว่าเป็นพระอาจารย์ในท้องถิ่น มีอาตมาต่างถิ่นไปคนเดียว ที่ไปมีหลวงปู่สมบุญ วัดลำพันบอง ท่านอายุ ๙๖ ปีแล้ว หลวงพ่อสมพงษ์ วัดองค์พระ ก็ ๗๐ กว่าปี อีกท่านก็หลวงพ่อป่วน วัดบรรหารแจ่มใส น่าจะประมาณ ๗๐ ปีเหมือนกัน

อาตมาชอบไปที่อย่างนี้เพราะว่าไม่มีคนรู้จัก ไปแล้วสนุกมาก โฆษกเขาก็ประกาศ “พระครูวิลาศกาญจนธรรมมาแล้ว ญาติโยมเข้าไปกราบท่านได้” สักพักก็ออกมาบอกว่า “ขออภัยญาติโยมทุกท่าน มีแต่หลวงปู่สมบุญที่มา ท่านพระครูวัดท่าขนุนยังไม่มา” ทั้งที่อาตมาเดินผ่านหน้าเขาไป ๔ ครั้งแล้ว ถึงบอกว่าชอบไปที่แบบนี้มากเลย เพราะว่าเขาไม่รู้จักเรา จะเล่นอะไรก็ได้


พอได้เวลาอาตมาก็เข้าไปก่อน ๑๐ นาที เข้าไปนั่งประจำที่ ปรากฏว่าทุกคนก็มองแบบงง ๆ ว่า "ไอ้เด็กนี่มาจากไหนวะ ?" อาตมาก็ไม่ได้ใส่ใจหรอก ถึงเวลาก็ดัดเทียนน้ำมนต์ เตรียมตัวจะเข้าพิธีพุทธาภิเษก อีก ๑๐ นาทีให้หลังหลวงพ่อสมพงษ์ตามเข้ามา

หลวงพ่อสมพงษ์ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงมาก เพราะว่าเรื่องสมาธิของท่านถือว่าสุดยอด แต่ทีนี้ท่านเก่งแต่เข้า ไม่ถนัดในการออก ถึงเวลานั่งสมาธิท่านก็จะแข็งทื่อเป็นหินไปเลย แบบเดียวกับท่านอาจารย์เตชะของวัดท่าขนุน หลวงพ่อสมพงษ์มาพุทธาภิเษกที่วัดไร่ขิง จนกระทั่งเขาเก็บสถานที่กันหมดแล้วท่านก็ยังนั่งแข็งทื่ออยู่นั่นแหละ จน "ท่านเจ้าคุณแย้ม" บอกว่า “เฮ้ย...ช่วยกันยกท่านไปเก็บด้วย” พวกเราต้องยกกันไปทั้งอาสนะเลย"

เถรี 01-02-2018 01:29

"พอหลวงพ่อสมพงษ์ไปถึง พวกกรรมการวัด พวกญาติโยมก็ฮือเข้ามา คนโน้นก็ประเคนน้ำ คนนั้นก็ประเคนหมาก หลวงพ่อสมพงษ์ท่านบอก “เฮ้ย ๆ ผิดธรรมเนียม เอาไปให้อาจารย์ข้าก่อน” พวกนั้นก็ยกไปทางหลวงพ่อป่วน หลวงพ่อสมพงษ์ก็บอก “เฮ้ย...มึงจะไปไหน ?” แล้วชี้มาทางอาตมา “นี่ ๆ อาจารย์ข้าอยู่ทางนี้..!”

ไม่มีใครเชื่อ ก็เลยเรียนบอกไปว่า “หลวงพ่อ...ขนาดหลวงพ่อบอกว่าผมเป็นอาจารย์เขายังไม่เชื่อ เขาคิดว่าผมเป็นเด็ก” สรุปว่าต้องให้ลูกศิษย์ยืนยัน พอลูกศิษย์อย่างหลวงพ่อสมพงษ์ยืนยันให้ คราวนี้คนนั้นก็มา คนนี้ก็มา คนนั้นก็จะสัมภาษณ์ คนนี้ก็จะนิมนต์ อาตมาบอกไปว่า "ไปห่าง ๆ กูจะพุทธาภิเษกแล้ว" ว่าแล้วก็นั่งเงียบไปเลย ชอบไปที่แบบนี้ ถ้าเขาไม่รู้จักเราจะเล่นอะไรก็ได้ ไปที่รู้จักนี่ไม่ไหว แห่กันมาทีเป็นร้อย

เรื่องบางอย่างถ้าผิดที่ผิดเวลานี่มีโอกาสอดได้เหมือนกัน ไปนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปเยี่ยมพระเรวตะ เทวดาเอาข้าวปลาอาหารถวายแต่พระสีวลี ...(หัวเราะ)... ความจริงเขาก็น่าจะรู้ว่าพระพุทธเจ้ามีความดีขนาดไหน แต่เนื่องจากว่าบุญสัมพันธ์ที่เคยร่วมกันมาแต่ปางก่อน ทำให้สนใจแต่พระสีวลี ไม่สนใจพระพุทธเจ้าเลย"

เถรี 01-02-2018 01:45

ถาม : วันงานพุทธาภิเษกที่วัดบ้านแค ได้มีโอกาสสนทนากับหลวงพ่อสำเริง ท่านบอกว่าท่านเป็นหลานหลวงปู่มุม วัดปราสาทเยอร์ ?
ตอบ : ก็ว่าไปเรื่อย ท่านเป็น “มวยแทน” นะ ตัวจริงนิมนต์แล้วมาไม่ได้ ส่งท่านมาแทน อาตมาก็เพิ่งจะได้คุยกันวันนั้น จะไปรู้จักอะไรมากมายเล่า ?

ถาม : หลวงปู่พร้าไม่ได้มา ?
ตอบ : หลวงปู่พร้ามาเองเลย องค์ที่พรมน้ำมนต์แล้วโปรยดอกไม้ถัดจากอาตมานั่นแหละ นั่นนะสุดยอดฝีมือเลย

ปกติเวลาไปไหนอาตมาไม่เคยไปนั่งตีกบาลญาติโยมคนไหนเหมือนกับที่วัดหลวงพ่อกวย แต่ที่โน่นเขาเล่นกันหนักขนาดจึงต้องกันเอาไว้ก่อน ไม่กันคนของเราไว้เดี๋ยวก็แย่

ขำ ๆ ตรงที่เห็นหลวงพ่อกวยเป็นนารายณ์ ๘ กรเลย มือนี้กันให้คนนั้น มือนั้นกันให้คนนี้ยุ่งไปหมด มีดหมอหลวงพ่อกวยเล่มนั้นตั้งแต่ได้มาได้ออกงานหนัก ๆ ก็งานนี้แหละ ปกติแล้วแค่ติดรถเอาไว้เฉย ๆ

จริง ๆ แล้วหลวงพ่อกวยท่านก็มาสายไสยศาสตร์เต็ม ๆ แต่ท่านศึกษาไว้ช่วยคน ไว้ช่วยลูกศิษย์ ไว้รักษาคน แต่คราวนี้บรรดาลูกศิษย์บางคนก็อย่างว่าแหละ ซ้อมไว้เล่นชาวบ้านเขา ทั้งพระทั้งฆราวาสเลย พอเป็นแล้วก็ประเภทร้อนวิชา

อาตมาเองก็ขี้เกียจไปรบกันเขานะ เทียนน้ำมนต์ที่อยู่ตรงหน้าแตกเปรี๊ยะแล้วก็ดับไป อาตมาก็สบายใจ เขาอยากจะทำอะไรก็ทำไป ปรากฏว่าทิดเฟิร์ส ทิดดอยมือคัน ดันไปจุดใหม่ จุดใหม่แล้วโดนดับอีกก็เสียหน้า ก็เลยต้องรักษาไว้ คราวนี้ขีปนาวุธบินให้ว่อนเลย ไอ้สองตัวแทบจะไม่มีที่ไป ดันทะลึ่งไปจุดเอง สมน้ำหน้า...! ที่โดนเยอะเพราะว่าแปลกหน้าไป ส่วนใหญ่ของเขาประเภทคุ้นเคยกันอยู่แล้ว

เถรี 01-02-2018 23:15

พระอาจารย์กล่าวว่า “มีวัตถุมงคลอะไรของหลวงพ่อสมปองให้รีบเก็บนะ เดี๋ยวท่านจะไม่อยู่ทำให้แล้ว

แต่ละคนในเรื่องของวัตถุมงคลจะมีความถนัดที่ไม่เหมือนกัน พวกเราจะเห็นว่าหลวงปู่หลวงพ่อหลายท่านทำวัตถุมงคลหลายอย่าง อย่างหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ทำไว้ไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร แต่ว่าดังที่สุดกลายเป็นเบี้ยแก้ กับ ยาเม็ดจินดามณี ในเมื่อความถนัดความนิยมต่างกันไป ก็ต้องดูว่าของแต่ละท่านถนัดด้านไหน”

เถรี 01-02-2018 23:18

โยมยกพระสังฆทานองค์สีแดงมา (ถวายองค์นี้จะได้เลิกโกรธง่ายเจ้าค่ะ) "จริง ๆ แล้วอยู่ที่สันดานของเรา บาลีว่า สันตติ แปลว่า สืบเนื่องต่อ ๆ กันมา ทีนี้เรามาทางโทสจริต ก็ต้องพยายามแก้ให้ตรง หมั่นแผ่เมตตาหรือไม่ก็ฝึกกสิณสี ต้องแก้ให้ถูกจุด ถ้าแค่ถวายสังฆทานแล้วเลิกโมโหได้ ก็คงจะเลิกโกรธกันไปทั่วประเทศแล้ว"

เถรี 01-02-2018 23:21

(โยมมาถวายสังฆทานกันมาก หนังสือกระโถนข้างธรรมาสน์แจกจนหมด) "เดือนนี้หนังสือหมดแล้ว เป็นที่น่ายินดีว่าญาติโยมยังใฝ่บุญใฝ่กุศลกันมากอยู่ แต่ว่าเรื่องของบุญกุศลให้เราเข้าใจด้วยว่า เป็นส่วนของกามาวจร คือการที่เรายังต้องเวียนว่ายตายเกิด ไปได้ไม่เกินเรื่องของเทวดา

ถ้าจะเอามากกว่านั้น อย่างขึ้นไปเป็นพรหมนี่ต้องทรงสมาธิได้ด้วย ถ้าจะใช้ทานบารมีจนทรงสมาธิได้ก็ต้องบริจาคจนเคยชิน ถึงเวลาไม่ได้บริจาคจะรู้สึกประหลาด ๆ แปลก ๆ จะหงุดหงิดก็ไม่ใช่ ประมาณว่าอยากจะทำ ถ้าภาษาอังกฤษก็ประมาณว่า โฟเบีย..! ...(หัวเราะ)..."

เถรี 01-02-2018 23:32

พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อปีที่แล้วตอนมาบ้านนี้ใหม่ ๆ อาตมาทำบังสุกุลเป็น แล้วบอกว่าจะทำให้ข้าง ๆ (โชว์รูมร้าง) นี้ให้ "เป็น" ขึ้นมาด้วย ตอนนี้เขากำลังฟื้นกิจการแล้ว ปิดไปนานเห็นแล้วสงสาร ทำแล้วก็เลยเผื่อเขาด้วย”

เถรี 01-02-2018 23:56

พระอาจารย์กล่าวว่า “มีดหมอสะกดวิญญาณของหลวงปู่แจ่ม วัดวังแดงเหนือ ใช้คาถา พา มา นา อุ กะ สะ นะ ทุ ทุ สะ นิ มะ ๑๒ คำ”

เถรี 02-02-2018 15:29

พระอาจารย์กล่าวว่า “วันก่อนมีคนส่งคลิปมาให้ดู เขาบอกว่าเป็นงูตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาไปถล่มป่าที่ไหน น่าจะหัวรถจักรขุดไปโดนเข้าพอดีแล้วก็ตาย เขาใช้รถขุดแบคโฮลยกขึ้นไปโดยที่ตัว ๒ ข้างห้อยลงมาเกือบติดพื้น เราลองนึกว่าหัวตักของรถยกได้สูงขนาดไหน น่าจะไม่หนี ๑๐ เมตร แล้วงูห้อยสองข้างลงเกือบถึงพื้น ก็แปลว่าอย่างต่ำ ๆ งูตัวนั้นน่าจะไม่หนี ๒๐ เมตร ส่วนความใหญ่ไม่ต้องพูดถึง ใกล้เคียงกับก้านของรถตักเลย

งูเป็นสัตว์เลือดเย็น ลอกคราบปีละครั้งโดยประมาณ ถ้าไม่เป็นโรคตายหรือว่าโดนฆ่าตายก็อยู่ไปได้เรื่อย ๆ ต้องบอกว่าอยู่ได้แบบไม่จำกัดอายุ"

เถรี 02-02-2018 15:36

"ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ งูใหญ่ที่ถ้ำกระแซนั้นโด่งดังไปทั่วโลก กินทหารญี่ปุ่นไปไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร ส่วนใหญ่แล้วสัตว์ใหญ่ที่เอาตัวรอดมาได้นานขนาดนั้น ต้องมีความสามารถในการพรางตัว แทบจะมีญาณหยั่งรู้ว่าทำอย่างไรถึงจะปลอดภัย

ส่วนอีกประเภทหนึ่งเป็นงูที่พวกผีหรือเทวดาเขาแปลงขึ้นมา หรือไม่ก็พวกอชคราทิเปรต พวกนั้นตัวใหญ่ขนาดไหนก็ตาม ไม่ต้องไปถ่ายรูปเขาหรอก ไม่ได้อย่างแน่นอน

ที่อาตมาเองไปเจอก็ไม่รู้ว่าตัวใหญ่แค่ไหน เพราะว่าเป็นเวลากลางคืน อยู่ในถ้ำ มองอะไรก็ไม่เห็น รู้แต่ว่าตื่นขึ้นมา ๕ ทุ่มกว่า ปวดปัสสาวะก็ไปถ่ายที่หน้าถ้ำ เสร็จแล้วก็กลับเข้ามาข้างใน กะเหรี่ยงเขาทำเป็นกระต๊อบไม้ไผ่เล็ก ๆ อยู่ในถ้ำ ความกว้างก็แค่กางกลดได้ พอกางกลดแล้วก็ชนผนังซ้ายขวาพอดี ตอนกลับเข้ามาในกุฏิ ความรู้สึกบอกชัด ๆ เลยว่า "ให้ปิดประตูซะ เดี๋ยวงูใหญ่จะมา"

ด้วยความรั้น ง่วงก็ง่วง หนาวก็หนาว ไม่สนใจที่จะไปปิดหรอก พอมุดเข้ากลดได้ก็นอนภาวนาเอาจีวรตีโปงแก้หนาว ไม่กี่นาทีประตูกุฏิที่เปิดอยู่ก็มีสิ่งแปลกปลอมมุดเข้ามา อาตมานอนอยู่ เขาเองก็มาลักษณะเหมือนกับเลื้อยล้อมตัวรอบที่ ๑ รอบที่ ๒ โห...ตัวจะยาวแค่ไหน ? อาตมาเองก็เกือบ ๑๘๐ เซ็นติเมตรเหมือนกัน รอบหนึ่งก็ ๓ เมตรกว่าแล้วนะ”

เถรี 02-02-2018 20:15

พระอาจารย์นิลเอารูปหลวงปู่โลกอุดรมาถวาย พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงปู่ใหญ่โลกอุดรถือว่าเป็นตำนานลึกลับที่คนจำนวนมากได้พบ แต่ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าท่านไปอย่างไรมาอย่างไร ขึ้นอยู่กับบุญสัมพันธ์แต่เก่า ท่านจะไปสงเคราะห์เอง

อาตมาไล่ตามท่านอยู่ ๔-๕ รอบ แต่ตามท่านไม่ทัน หวุดหวิด ๆ ทุกครั้ง ตอนหลังท่านบอกว่าไม่ต้องเสียเวลาตามท่านหรอก งานของท่านเยอะอยู่แล้ว แค่เก็บคนในสายของท่านก็ทำไม่หวาดไม่ไหวอยู่แล้ว ของอาตมานั้นนอกสายจนเกินไป อย่าไปรบกวนท่านเลย

ท่านเป็นตัวอย่างที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า บุคคลที่มีความคล่องตัวในอิทธิบาท ๔ สามารถอธิษฐานอายุให้อยู่เป็นกัปได้ แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ...ถึงเวลาคนก็ไปรบกวนท่าน พอกวนมาก ๆ เข้าท่านก็ตายเสียทีหนึ่ง เผาเสร็จสรรพก็ไปโผล่ที่อื่นต่อ พวกนี้คิดว่าตายก็จบแล้ว ไม่ไปกวนอีก

หลวงปู่ใหญ่ท่านปรารถนาพระโพธิญาณ แล้วตัดสินใจปุบปับเลี้ยวเข้าหามรรคหาผล บริวารยังเพลินอยู่จึงตามไม่ทัน ก็เลยต้องมาคอยเก็บ ถ้าใครมีบุญสัมพันธ์สร้างบารมีร่วมกันมาแต่ปางก่อน ท่านก็จะไปสงเคราะห์เอง"

เถรี 02-02-2018 20:23

บริษัทฟาฟาทราเวลนิมนต์ไปอินเดีย พระอาจารย์กล่าวว่า “อาตมายังไม่มีอารมณ์ไปอินเดียเลย ต้องบอกว่าอยู่ที่นั่นจนเข็ด แต่แปลกนะ...ตอนนั้นทั้ง ๆ ที่เลื่อมใสศรัทธาพระพุทธเจ้า แต่ก็ไม่บวช ชาตินั้นก็ยังเป็นพราหมณ์อยู่เหมือนเดิม คราวที่เขาสังคายนาพระไตรปิฎกก็ยังไปทำบุญเป็นปกติ ต้องบอกว่าเวลายังไม่ถึง

เรื่องของอินเดียนี่ไม่ต้องไปก็เหมือนกับไปนั่นแหละ เพียงแต่ว่าถ้าไปก็ไปสังเวชนียสถานตามที่เขาไปกัน แต่ว่าบางจุดก็ไม่ใช่ที่แท้จริง เคลื่อนไปเยอะเหมือนกัน”

เถรี 02-02-2018 20:38

ถาม : หลวงพ่อบอกว่าให้พิจารณามาก ๆ พอเข้าไปก็คิด ๆ ๆ เหมือนมีเหตุมีผล แล้วไปเจอคำว่าสัญญา มันก็เด้งออกมาตลอดเลยค่ะ ?
ตอบ :สภาพใจของเรายังไม่ยอมรับก็จะเป็นแค่สัญญา ถ้าสภาพใจของเรายอมรับว่าทุกอย่างเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็จะเป็นปัญญา คราวนี้ในเมื่อใจยังไม่ยอมรับ ถึงเวลาก็ดีดกลับ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ก็แค่เอาใหม่

เหมือนอย่างกับว่าเราเดินเส้นทางสักเส้นหนึ่ง ย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีกไปเรื่อย ๆ เราก็จะมีความคล่องตัวมากขึ้นไป คุ้นเคยกับเส้นทางนั้นมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ท้ายสุดเราก็จะเดินทะลุตลอดได้เอง บางอย่างต้องค่อย ๆ สั่งสมไปเรื่อย ๆ ต้องให้สติ สมาธิ ปัญญารวมตัวกันเพียงพอจริง ๆ จึงจะก้าวข้ามไปได้

เถรี 02-02-2018 20:40

ถาม : ได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊ง ๆ อยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ จะทำอย่างไรให้เงียบ ?
ตอบ : แค่ไปกระโดดโลดเต้น ดูหนังฟังเพลงอะไรก็เงียบแล้ว พอสมาธิหลุดออกมาก็เงียบแล้ว ถ้าสมาธิอยู่ในช่วงตรงนั้นก็จะได้ยินตลอด

เถรี 02-02-2018 20:42

ถาม : หนูเห็นสัตว์เป็นคนละคะ ?
ตอบ : ก็ปกติอีกนั่นแหละ เพราะว่าสัตว์ก็คือคน เพียงแต่ว่าเขาสร้างกรรมไว้ ก็เลยต้องไปอยู่ในร่างของสัตว์เดรัจฉานเท่านั้นเอง

ถาม : แล้วเห็นคนอยู่ในสภาพเป็นสัตว์ ทั้งที่เขายังไม่ตายละคะ ?
ตอบ : อันนั้นคือสภาพจิตที่แท้จริงของเขา ถ้าเราเห็นทะลุตลอดไปจริง ๆ ก็จะเห็นว่าสภาพจิตของเขาเหล่านั้นเป็นอย่างไร สภาพจิตของใครทรงความดีไว้ เราก็เห็นเขาเป็นเทวดานางฟ้า ถ้าหากว่าสภาพจิตมีแต่เวรแต่กรรมมากมาย เราก็เห็นเขาเป็นเปรต เป็นสัตว์นรก เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นเรื่องธรรมดา

เถรี 02-02-2018 20:46

ถาม : ควายกินหญ้าเพราะเขารู้ว่าตัวเองเป็นควาย แต่หนูโง่กว่าควาย ทำไมไม่ยอมรับ ขนาดควายยังยอมรับเลยว่าตัวเองเป็นควาย ?
ตอบ : ถ้าเราอยากยอมรับอย่างควายก็คงต้องไปกินหญ้าด้วย...! ปัญญายังไม่ถึงแล้วจะไปยอมรับอย่างไร ? ก็ต้องยอมทนไปก่อน เดี๋ยวปัญญาถึงก็จะพ้นไปเอง

ไม่มีใครฉลาดมาตั้งแต่เกิด ยกเว้นพระอริยเจ้าระดับพระโสดาบันขึ้นไป ซึ่งก็มีมาไม่กี่คนหรอก ที่เหลือก็ล้วนแล้วแต่ต้องโง่ไปก่อนทั้งนั้น แบบที่หลวงพ่อฤๅษีท่านถามหลวงปู่บุดดาว่า “หลวงปู่...เกิดมาทุกข์ไหม ?” หลวงปู่บอกว่า “ทุกข์สิ” ท่านสวนกลับทันทีเลยว่า “แล้วหลวงปู่เสือกเกิดมาทำไมละ ?” หลวงปู่ตอบทันควันว่า “อ้าว...ก็ยังโง่นี่”

เถรี 02-02-2018 20:48

:cebollita_onion-17: เก็บตกเดือนมกราคม ๒๕๖๑ หมดแล้วค่ะ :cebollita_onion-17:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี รัตนาวุธ และเผือกน้อย


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:41


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว