กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=26)
-   -   เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๓ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1656)

เถรี 14-03-2010 12:26

พระอาจารย์กล่าวว่า "งานสร้างสมเด็จองค์ปฐม ๔๐ ศอก ยังไม่ทันจะปิดโครงการเลย งานสร้างสมเด็จองค์ปฐม ๕๐ ศอก โผล่ขึ้นมาแล้ว เขาวางศิลาฤกษ์วันที่ ๑๘ เมษายน ที่วัดพระพุทธบาทเขาน้อย จ.กาญจนบุรี

รอกฐินปลดหนี้สมเด็จองค์ปฐม ๔๐ ศอก เสร็จเรียบร้อยก่อน แล้วจึงจะปิดโครงการ ไปเปิดโครงการสมเด็จองค์ปฐม ๕๐ ศอกต่อ ถึงเวลานั้นแล้วค่อยทำบุญ

เราเองไม่ชอบเปิดศึกหลายด้าน เพราะเปลืองกำลังพล เปิดศึกหลายด้านต้องกระจายกำลังพลออกไป อาจจะมีรบแพ้ในบางที่ เพราะฉะนั้น..เอาทีละด้าน ทุ่มไปเลยที่เดียว"

เถรี 14-03-2010 14:33

พระอาจารย์กล่าวถึง การเปิดตำราดูดวงว่า "การเปิดตำราดูดวงนั้น จะให้จำได้แม่นยำ ต้องอ่านทุกวัน อ่านจนจำได้หมด ประเภทเปิดไพ่ออกมาแล้วบอกความหมายได้เลย หลังจากนั้นค่อยไปหัดดูให้คนอื่น ไม่อย่างนั้นถ้าไปดูให้คนอื่นเขา ประเภทดูไปเปิดตำราไป จะไม่ขลัง ถ้าจะเปิดตำราดูแล้วขลัง ต้องเป็นพระระดับหลวงปู่หลวงตา เพราะว่าท่านเปิดตำราเพื่อบังตัวเอง

กำนันเถาไปซื้อไม้ที่ปากน้ำโพ หายออกจากบ้านไปเป็นเดือน เมียก็ไปกราบหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก ให้ช่วยดูให้หน่อยว่า "พี่เถาแกหายไปเป็นเดือนแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร ?"

หลวงปู่จงก็เปิดตำรา "สิทธิการิยะ พระท่านว่า ขณะนี้กำนันเถาเอาเรือมาจอดหน้าบ้านแล้ว" ว่าจบก็ปิดตำรา หลวงปู่เอากระดาษคั่นหน้าไว้เลยนะ หลวงพ่อท่านก็เล็งไว้

พอหลวงปู่เผลอท่านก็คว้าตำรามาเปิดดู "มีที่ไหนวะ ตำรานาคสมพงษ์ หลวงปู่ดูคู่ให้ใครก็ไม่รู้ ?" หลวงพ่อท่านอยากรู้จริง ๆ ว่าตำราไหนที่บอกได้กระทั่งชื่อคน พอไปถามทีหลัง หลวงปู่ท่านก็บอกว่า พูดไปส่งเดชอย่างนั้นแหละ ปรากฏว่าเมียกำนันเถากลับบ้านไป เจอผัวก็เลยหน้าบาน รุ่งเช้าหิ้วปิ่นโตมาถวาย

เพราะฉะนั้น..ถ้าพระแก่ ๆ เปิดตำราได้ เปิดแล้วแม่น ถ้าพวกหนุ่ม ๆ สาว ๆ เปิดตำราแล้วไม่ขลัง"

เถรี 14-03-2010 14:46

พระอาจารย์บอกว่า "คนรุ่นใหม่ใจร้อน อะไรที่ยาว ๆ แล้วข้อมูลมามาก ๆ ไม่ค่อยอ่านกันหรอก อย่างเก่งก็แค่กวาดตาผ่านไปทีหนึ่ง หรือไม่บางคนหนักกว่านั้นอีก เห็นหัวเรื่องแล้วไม่สนใจ ก็ข้ามไปเลย คลิกเข้าไปดูสักหน่อยยังไม่ทำเลย"

เถรี 14-03-2010 15:06

ถาม : ที่หลวงพ่อบอกให้หนูไปดูเรื่องศีล หนูจะมั่นใจตัวเองได้อย่างไรว่าศีลบริสุทธิ์ ?

ตอบ : ไม่ต้องมั่นใจก็ได้ รักษาให้ได้ก็พอ ถ้าสติไม่สมบูรณ์ โอกาสพลาดก็มีบ้าง รู้ตัวก็รีบแก้ไข

เถรี 14-03-2010 15:16

ถาม : คนที่ฝึกมโนมยิทธิได้แล้ว แล้วถ้าศีลบกพร่อง มโนฯ จะลดลงมา?

ตอบ : เวลาใช้มโนฯ ถ้าศีลบกพร่องก็จะมัว แต่ถ้าหากเราไม่คล่องตัวจริง ๆ จะใช้ไม่ได้เลย แต่ถ้าหากมีความคล่องตัวมาก ๆ แล้วศีลบกพร่อง ก็จะไม่ชัดเจน

เถรี 14-03-2010 16:29

ถาม : อยากจะให้อุทิศให้กับพี่สะใภ้ เขามีนิสัยค่อนข้างแรง
ตอบ : คิดต่อเขาด้วยความเมตตา พูดกับเขาด้วยความเมตตา ทำกับเขาด้วยความเมตตา พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้อย่างนี้ ถ้าทำอย่างนี้ได้ จะเป็นการยึดโยงบุคคลให้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

นั่งแผ่เมตตาให้เขาไป คิดเสียว่าถ้าเขายังไม่รู้ดีรู้ชั่ว ก็ขอบารมีพระสงเคราะห์ให้เขารู้ตัวด้วย เมื่อเราเองรู้ตัวมากกว่า ก็แปลว่า เรายืนอยู่ในฐานะที่ควรจะช่วยเหลือเขา เขาเองก็ควรจะได้รับการช่วยเหลือจากเรา ถ้าหากคิดด้วยใจเมตตาต่อกัน ทุกอย่างก็จะดีขึ้น

เถรี 14-03-2010 16:31

ถาม : ถ้าเมตตาแล้วยังเป็นลบอยู่ละครับ ?
ตอบ : ถ้าเมตตาจริง ๆ จะไม่ลบ ถ้าลบแปลว่าเมตตายังไม่จริง

ถาม : แม้แต่มาร ?
ตอบ : ใครก็ได้ ถ้าคุณเห็นเขาเป็นเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย จริง ๆ จะไม่มีลบหรอก เพราะว่าเราไม่เห็นใครเป็นศัตรู

ถาม : ถ้าเมตตาแล้วยังทำร้ายอยู่ แสดงว่ากำลังเราไม่พอใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไปทำให้เยอะ ๆ ไว้ เดี๋ยวก็รู้เอง

เถรี 14-03-2010 23:16

ถาม : หนูเลี้ยงกุมารนี่จะดีไหม?
ตอบ : ก็เลี้ยงไปสิ ดีกว่าอยู่ว่าง ๆ ตั้งเยอะ

ถาม : หนูเอามาด้วย ดีไหมคะ ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับเรา หมั่นปฏิบัติตามแบบที่เขาบอกมา ถ้าหากหมั่นทำเสมอ ก็จะเกิดผลดีแก่เรา ถ้าหากว่าขาดความสม่ำเสมอ บางทีก็ไม่ค่อยจะดี ฉะนั้น..อยู่ที่เรา เขาบอกว่าต้องเลี้ยงวิธีไหน ต้องอาราธนาอย่างไร ก็ทำตามนั้น

ถาม : แล้วอันนี้ดีไหมคะ ? เขาให้มาค่ะ
ตอบ : วัตถุมงคลมีพลังงานส่งเป็นปกติ สำคัญตรงใจเรา ถ้าใจเรายึดมั่น กำลังก็จะสูง ถ้าใจเราไม่ยึดมั่น ขาดความมั่นใจ กำลังก็จะต่ำ
เพราะฉะนั้น..อยู่ที่ตัวเราครึ่งหนึ่ง เครื่องส่งก็ส่งไป สำคัญตรงเครื่องรับ ว่าเปิดรับหรือไม่

วิธีที่เปิดรับที่ดีที่สุด ก็ต้องประกอบด้วยศรัทธา ถ้าไม่ศรัทธา ไม่เชื่อมั่น ก็กลายเป็นว่าขลังสู้คนอื่นเขาไม่ได้ ถ้ามีความศรัทธามาก มีความเชื่อมั่นมาก กำลังใจของเราเปิดมาก ก็ได้ผลเยอะ

เถรี 15-03-2010 00:30

ถาม : ทุกเวลาที่มีสติ จะนึกจับภาพพระตลอด และตอนเช้าจะมีการอาราธนาขอยันต์เกราะเพชรตามที่หลวงพ่อแนะนำ ระหว่างวัน จังหวะที่เราออกไปพบเพื่อนฝูง โดนของ..
ตอบ : ถ้าอาราธนาแล้วตอนเช้า รับประกันได้ทุกครั้งว่าปลอดภัย

ถาม : ในทุกครั้งที่เราเผลอ ก็ไม่มีปัญหาใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่เป็นไร ถ้าหากจะเอาแน่ ๆ ก็อาราธนาเช้าเย็นเลย ถึงเวลาก่อนนอนก็อาราธนาอีกรอบหนึ่ง กันพวกเล่นกลางคืน

ถาม : โดยปกติเวลาเราคุยกับเพื่อน ก็ไม่คิดว่าจะโดนทำของอะไรทั้งสิ้น
ตอบ : ไม่เป็นไรหรอก ถ้าอย่างนั้นใครทำก็ซวยเอง

ถาม : ก็คือ เราไม่ต้องกังวลสิ่งใดนะเจ้าคะ
ตอบ : กังวลอย่างเดียว อย่าให้แรง เดี๋ยวเขาตายเสียก่อน ถ้าเขาคิดจะทำเราหนัก เขาก็รับหนักเหมือนกัน

เถรี 15-03-2010 20:56

พระอาจารย์กล่าวให้ฟังว่า "อชครังคเปรต เป็นเปรตประเภทหนึ่ง เปรตพวกนี้จะอยู่ในร่างสัตว์เดรัจฉาน ถ้าเป็นพวกที่บุญกุศลส่งเสริมอยู่ พยายามถือศีลปฏิบัติภาวนา บางทีเขาก็สามารถจะกลายร่างเป็นคนได้ คราวนี้ถ้าหากว่าฉุกเฉิน สภาพความเป็นสัตว์ก็จะปรากฏ ก็จะเหมือนกับพวกจิ้งจอกในนิยายจีน ที่แปลงร่างเป็นสาว ถ้าเผลอแล้วหางจะโผล่ ต้องคอยเอียง ๆ บัง ๆ ไม่ให้พระเอกเห็น

เช่นเดียวกับพญานาค พญานาคแปลงเป็นคนได้ก็จริง แต่ในวาระสำคัญ ๆ อย่างเช่นว่า อยู่ในเขตของเขาอย่างหนึ่ง เวลาผสมพันธุ์อย่างหนึ่ง เวลาเผลอสติ หลับไปอย่างหนึ่ง จะกลายสภาพกลับไปเป็นร่างเดิม

อย่างกรณีที่มีนาคท่านหนึ่งเข้ามาบวช เพื่อนพระเห็นก็ตกใจ เพราะตอนหลับท่านกลายเป็นงูตัวใหญ่เต็มกุฏิเลย จนกระทั่งพระพุทธเจ้าต้องสั่งห้ามบวช เนื่องจากเป็นสัตว์เดรัจฉาน ไม่มีโอกาสได้มรรคผล"

เถรี 16-03-2010 00:50

ถาม : ถ้าสร้างพระในที่กลางแจ้ง บุญกับบาปอันไหนเยอะกว่ากัน?
ตอบ : บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาปจ้ะ ถึงเวลาก็ไปรับผลบุญ ถ้าหากพลาดก็ไปรับบาปก่อน

ถาม : แล้วอย่างนี้ถ้ามีคนมาบอกบุญ ให้ช่วยร่วมสร้างพระกลางแจ้ง เราควรจะร่วมบุญด้วยไหม?
ตอบ : ทำไว้ก่อน อะไรที่เป็นบุญทำไว้ก่อน เพราะเราไม่ได้ตั้งใจที่จะสร้างท่านให้ตากแดดอยู่แล้ว คนสร้างเขาทำก็ปล่อยเขาไป

เรื่องนี้ต้องถามอาจารย์เต้ (พระครูประทีปกาญจนธรรม) ท่านเห็นอาจารย์วิโรจน์ (พระครูไพโรจน์ภัทรคุณ) สร้างพระหน้าตัก ๑๐ ศอกบ้าง ๔๐ ศอกบ้าง พออาจารย์เต้คิดจะสร้างบ้าง คืนนั้นก็ฝันเห็นโยมแก่ ๆ ถือไม้เท้า นุ่งขาวห่มขาวเดินมา บอกว่า "อย่าเอาพ่อเรามาตากแดดตากฝนเป็นอันขาด" เห็นอย่างนั้นมาสามคืนติดกัน ท่านก็เลยเลิกคิดที่จะสร้างเลย

พอท่านมาปรารภ ก็เลยบอกท่านไปว่า "คุณคิดถูก" เพราะฉะนั้น..ของอาตมาที่จะสร้างพระชำหนี้สงฆ์ก็แปลว่าต้องสร้างอาคารเสร็จก่อนแล้วจึงค่อยสร้างพระ

เถรี 16-03-2010 17:03

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของการสร้างสมเด็จองค์ปฐม ๔๐ ศอก จะปิดงานให้ได้ภายในกฐินปีนี้ เพราะว่ากฐินปีนี้จัดเป็นกฐินปลดหนี้สมเด็จองค์ปฐม ๔๐ ศอก ปรากฏว่า ๔๐ ศอกไม่ทันจะเสร็จเรียบร้อย เขาขอให้เป็นประธานช่วยสร้าง ๕๐ ศอกอีกองค์แล้ว แต่อย่าเพิ่งทำบุญมา รอให้ปิดบัญชีของ ๔๐ ศอก แล้วจะเปิดใหม่เป็น ๕๐ ศอกแทน ถึงเวลาจะประกาศบอกให้ทราบ

งานนี้สร้างที่วัดพระพุทธบาทเขาน้อย ที่ตัวเมืองกาญจนบุรี วัดนี้เขาดีตรงที่ว่ามีหน้าผาสูงอยู่ ถ้าอากาศดี ๆ มองจากกรุงเทพฯ ขึ้นไปก็จะเห็นพระเลย

ท่านอาจารย์เต้ (พระครูประทีปกาญจนธรรม วัดพุน้ำร้อน) เขาก็รออาตมา "ปี ๒๕๕๓ ท่านอาจารย์ไปวางศิลาฤกษ์สร้างเจดีย์ให้ผมหลังหนึ่ง"

ส่วนอาจารย์สมคิด (พระครูบวรกาญจนธรรม วัดตะเคียนงาม) ท่านเซ็งมากเลย ตอนแรกจะปิดทอง ฝังลูกนิมิต ผูกพัทธสีมา ถอนโบสถ์ ปี ๒๕๕๒ เลยย้ายไป ๒๕๕๕ ท่านบอกว่า "รอให้พระอาจารย์ว่างก่อน"


ถาม : ท่านจองไว้ล่วงหน้า?
ตอบ : ไม่ใช่จองไว้ล่วงหน้า ท่านจองก่อนคนอื่นเลย แต่คนอื่นมาเบียด ท่านก็เลยต้องย้ายไปปี ๒๕๕๕

เถรี 16-03-2010 17:10

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อเช้ามีโยมมาขอฤกษ์แต่งงาน เขาขอฤกษ์มกราคมปีหน้า แต่อาตมายังไม่ได้ดูเอาไว้ให้ บอกว่าปีหน้าค่อยมาขอใหม่

ถ้าหากว่าดูเด็ก ๆ ในยุคปัจจุบันนี้แล้ว สงสารเด็กที่มันจะเกิดมา ถ้าเขาไม่ได้สร้างบุญไว้ดีจริง ๆ ไม่รู้ว่าเขาจะเอาชีวิตรอดจากสังคมในยุคหน้าได้หรือเปล่า ? เพราะว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เร่งรัดเข้ามา ที่ภาษาราชการเขาเรียกว่า บริโภคนิยม ทำให้ทุกคนต้องไขว่คว้าหาทุกอย่างเข้าตัว จนกระทั่งบางทีก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องของศีลของธรรม ขอให้ได้ไว้ก่อน

ก็เลยจะอยู่ในลักษณะแบบปลาใหญ่กินปลาเล็ก คนที่แข็งแรงกว่า โหดร้ายกว่า จึงจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้ คนที่อ่อนแอกว่าก็จะอยู่ในลักษณะโดนข่มเหง รังแกไปเรื่อย ดังนั้น..เขาแต่งงานเราไม่ได้หนักใจหรอก แต่ถ้ามีลูกเมื่อไร สงสารลูกที่เกิดมา..!"

เถรี 16-03-2010 17:16

พระอาจารย์กล่าวถึงการที่เราไปนั่งขวางทางบุญของคนอื่นว่า

"บางอย่างเราไม่ได้มีเจตนา แต่ก็กลายเป็นกรรม อย่างเช่นเขาจะทำบุญ เรานั่งขวางเขาอยู่ อย่างนี้ก็ซวยไปเลย เวลาพอเราจะทำอะไร แทนที่เราจะได้ กลับมีก้างขวางคอเสียทุกทีไป กลายเป็นคนอื่นเขาเอาไปกินหมด "

เถรี 16-03-2010 19:16

พระอาจารย์กล่าวถึงพระอภิธรรม ๗ บท ว่า "พระพุทธเจ้าขึ้นไปโปรดพุทธมารดา ปรากฏว่ามีพรหมเทวดาบรรลุมรรคผลในตอนนั้นแปดหมื่นโกฏิ (๑ โกฏิ เท่ากับ สิบล้าน)

สมัยก่อนเขาก็เลยถือว่าพระอภิธรรมเป็นมงคลใหญ่มาก เพราะว่าเทศน์แล้วสงเคราะห์ให้ผู้คนเข้าถึงมรรคผลได้มากขนาดนั้น สมัยก่อนเขาก็เลยใช้สวดในงานขึ้นบ้านใหม่ งานแต่งงาน งานทำบุญปีใหม่ งานทำบุญสงกรานต์ ฯลฯ มาตอนหลังเขาเอาไปสวดในงานศพ คนก็เลยถือว่าเป็นอวมงคล แล้วก็เลยกลายเป็นยึดถืออย่างนั้นตลอดมา

พอขึ้น กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา เราก็ไปคิดว่าเป็นงานศพ เป็นของอวมงคล แต่ความจริงแล้วถือว่าเป็นมงคลใหญ่ที่สุด"

เถรี 16-03-2010 19:39

ถาม : หนูสู้กิเลสจนแทบตาย พอตอนหลังใช้วิธีรวบรวมกำลังใจ ตายเป็นตาย สุดท้ายกิเลสมันก็เลยยอม
ตอบ : ถ้าเราตาย เขาก็ไม่รู้จะเล่นใคร ถ้าหากเอากันให้ตายไปข้างหนึ่ง งานก็จะง่ายขึ้น

ถาม : ตอนหลังพอโดนตีก็เลยใช้วิธีนี้ อีกอย่างหนึ่งก็คือ จะมีบางคนที่เข้ามาปรึกษาการปฏิบัติกับหนู หนูก็โยนให้ไปทางหลวงพ่อ ไม่อยากให้เขามาอะไรกับหนูมาก บางทีก็กลัวเขาจะมายึดติดอะไรกับเรา แต่ขณะเดียวกัน ถ้าหนูไม่บอกเขา เดี๋ยวเขาจะเคว้งขึ้นมา ควรทำอย่างไรดี ?
ตอบ : แนะนำอยู่ในกรอบของศีล สมาธิ และปัญญา ถ้าไม่กล้าไปไกลก็เอาเบื้องต้นไว้ก่อน

ถาม : เวลาปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้น หนูต้องตั้งกำลังใจเพื่อพระพุทธศาสนา เพื่อหลวงพ่อ เพื่อเป็นที่พึ่ง คือ ถ้าตั้งกำลังใจเพื่อตัวเอง จะไม่ฮึด ต้องตั้งกำลังใจเพื่อคนอื่น เพื่ออย่างอื่น
ตอบ : อย่างไหนดีเอาอันนั้น เพียงแต่อย่าทิ้งนิพพานก็แล้วกัน

เถรี 16-03-2010 20:23

ถาม : การที่เรามองเห็นว่า สิ่งที่คน ๆ หนึ่งคิด รู้สึก หรือกระทำ เป็นทางที่น่าสงสาร คือเรารู้สึกสงสาร เศร้าสลด เขาเรียกว่า สลดในธรรมได้หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : เรียกว่า ธรรมสังเวช

ถาม : แล้วความรู้สึกนี้ ทำให้เศร้าหมอง
ตอบ : ไม่ใช่หมอง เราต้องเปลี่ยนเป็นเข็ด เป็นเบื่อ คือ สงสารว่าเขาไม่รู้จักทางที่หลุดพ้น ในเมื่อเราเบื่อแล้ว เราเห็นทางแล้ว เราก็รีบไปของเราให้เต็มที่

ถาม : แล้วความรู้สึกนี้สงสารนี้คาอยู่ในใจ จะผิดพลาดทางเทคนิคอะไรหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ไม่ได้ผิดพลาด ตัวนั้นควรจะมีอยู่ แต่ว่าให้ดูข้อผิดพลาดของเขาเป็นบทเรียน แล้วเราก็รีบไปของเรา

ถาม : แล้วทำอย่างไร ที่จะหยุดความรู้สึกนี้ ?
ตอบ : ไม่ต้องหยุด ถ้าหยุดแล้วจะเดินผิดทาง

ถาม : แต่มันห่อเหี่ยวนะคะ
ตอบ : แสดงว่าเราแบก ก็แค่เลิกแบก ดูเป็นบทเรียน เก็บเอามาใช้งาน ดูว่าเขาเป็นอย่างไร เสร็จแล้วก็ใช้อุเบกขา

รู้ไหมว่าพระพุทธเจ้าให้อุเบกขาไว้ เพื่อกันพวกเราบ้า..! ไม่อย่างนั้นก็จะมีแต่เมตตา กรุณา จนไม่บันยะบันยัง พอช่วยเหลือเขาไม่ได้ ตัวเองก็เครียดแทน แล้วก็บ้า ฉะนั้น..ของเราขาดอุเบกขา ใช้พรหมวิหารไม่ครบ รีบเบรกซะ เบรกทั้งสองขาเลย

เถรี 16-03-2010 21:01

พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องการล็อกประตู ไม่ว่าจะเป็นประตูรถหรือประตูห้อง ถ้าไม่อยู่ควรจะล็อกให้เป็นนิสัย

"หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ถ้าเราไม่เปิดโอกาสให้เขา การลักขโมยก็จะไม่เกิด เพราะว่าบางคนแรก ๆ ก็ไม่คิดจะขโมย แต่พอเห็นโอกาสแล้ว การตัดสินใจชั่ววูบทำให้เขาทำในสิ่งที่ผิดศีลผิดธรรมได้ ท่านก็เลยให้พวกเราล็อกประตูเสียจนชิน จะได้เท่ากับว่าไม่สนับสนุนเขาให้ทำผิด"

เถรี 16-03-2010 23:10

พระอาจารย์กล่าวว่า "การเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นเศษกรรมปาณาติบาตโดยตรง ถ้าทำไว้มากก็ป่วยบ่อย ทำไว้น้อยก็ป่วยน้อย ไม่ทำเลยก็ไม่ป่วยเลย พระพากุละเถระ ตลอดทั้งชีวิตท่าน แม้แต่สมอชิ้นหนึ่งที่จะฉันเพื่อรักษาโรคก็ไม่ต้อง สุดยอดของบุญจริง ๆ"

ถาม : ท่านไม่ทำปาณาติบาตเลยหรือคะ ?
ตอบ : น่าจะมีบ้าง แต่ท่านไปได้บุญสร้างส้วมถวายพระมาค้ำเอาไว้ ก็เลยเป็นเกราะป้องกัน อยู่จนเบื่อ อายุ ๑๕๐ แต่ไม่ตายเสียที ท่านก็เลยเข้าสมาธิแล้วไปเฉย ๆ เป็นบุคคลที่อายุยืนที่สุดที่ปรากฏในพระไตรปิฎก

สมัยนั้นบุคคลอายุ ๑๐๐ ปีเป็นประมาณ แต่ส่วนมากมักจะตายตอนอายุ ๑๒๐ แสดงว่าบุคคลที่อายุ ๑๒๐ สร้างปาณาติบาตไว้น้อยมาก

เถรี 16-03-2010 23:55

ในเรื่องของเส้นผมนั้น พระอาจารย์ท่านกล่าวว่า "บางทีก็ขึ้นอยู่กับกำลังใจของเรา เฉพาะเรื่องผมเรื่องเดียว..คนผมหยิกก็ไปยืด คนผมตรงก็ไปดัด คนไม่มีผมก็อยากจะมี

ถ้าหากว่าตราบใดที่ยังขาดสันโดษ คือ ความยินดีตามมีตามได้ จะเพิ่มทุกข์ให้เราเยอะ ถ้าหากมีสันโดษอยู่ ทุกข์จะน้อยลงมา เพราะไม่ไปดิ้นรนอะไรที่เกินสภาพของตัวเอง"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:03


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว