กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=40)
-   -   ปกิณกธรรมก่อนแจกวุฒิบัตร ช่วงงานบวชเนกขัมมะสงกรานต์ปี ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6625)

เถรี 26-05-2019 23:57

ปกิณกธรรมก่อนแจกวุฒิบัตร ช่วงงานบวชเนกขัมมะสงกรานต์ปี ๒๕๖๒
 
ก่อนอื่นก็ขออนุโมทนากับญาติโยมทุกท่าน แทนที่จะไปเที่ยวกันก็มานั่งลำบากลำบน โดนบังคับอยู่ทุกวันให้ต้องปฏิบัติธรรม ใครจะเข็ดหรือไม่เข็ดก็แล้วแต่ คราวหน้าปฏิบัติธรรมเดือนพฤษภาคมใช่ไหม ? เตรียมตัวมาโดนขังในศาลาต่อไป

คราวนี้สิ่งหนึ่งที่พวกเราได้ไปหรือไม่ได้ไปก็ตาม คือการปฏิบัติธรรมช่วงเช้า อาตมาเริ่มปฏิบัติธรรมแบบทุ่มเทจริงจังชนิดมอบกายถวายชีวิตตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี ปีนี้ ๖๐ ปีถ้วน ๔๔ ปีผ่านไปคือสิ่งที่สอนพวกเราเมื่อเช้านี้ ไม่ว่าจะกรรมฐาน ๔๐ สติปัฏฐาน ๔ อยู่ในนั้นหมด มีทั้งรูปฌาน อรูปฌาน มีทั้งกสิณ มีทั้งทิพจักขุญาณ ปนอยู่ในที่เดียวกันหมด

แม้กระทั่งสิ่งที่ยากสุด ๆ อย่างเช่นในเรื่องของพรหมวิหาร ๔ ก็อยู่ในนั้น อาตมายืนยันว่าที่ปฏิบัติมาในกรรมฐาน ๔๐ ส่วนที่ยากที่สุดคือพรหมวิหาร ๔ กับอรูปฌาน ๔ เมื่อเช้าได้สอนพวกเราไปแล้ว หาให้เจอก็แล้วกันว่าอยู่ตรงไหน ถามว่าสอนแค่ครั้งเดียวกรรมฐาน ๔๐ กองเลยหรือ ? ถ้ามีมากกว่านั้นก็...คงจะใส่ไปมากกว่านั้น


ถ้าอยากเก่ง อยากดี อยากมีฤทธิ์ อยากมีเดช อยากมีทิพจักขุญาณ อยากเห็นผีเห็นเทวดา อยากเห็นหวย ก็ไปทำตามที่บอก ทุกอย่างอยู่ในนั้นหมดแล้ว ๔๔ ปีผ่านไปสรุปลงมาเหลืออยู่เท่านั้น อาตมามั่นใจว่าทั่วประเทศปัจจุบันนี้ไม่มีใครสอนได้ เพราะว่าส่วนใหญ่ทำกรรมฐานกองเดียวก็เกือบตายแล้ว

เถรี 27-05-2019 00:00

ใครก็ตามที่ตื่นสาย..ขาดทุนยับเยิน ใครที่ตื่นแล้วไม่มา ยิ่งแย่หนักเข้าไปใหญ่ เมื่อเช้าเดินไปดู เห็นนอนผึ่งพุงอยู่ในศาลา อยู่ในห้องสมุด นอนอยู่หน้าตู้หนังสือ...ปล่อยเขาไป คนเราไม่อยากได้ดี เราก็ไม่ควรที่จะไปบังคับ

สิ่งที่ท่านทั้งหลายควรจะได้จากวัดท่าขนุน อาตมามีเท่าไรก็ให้แค่หมด ไม่เคยปิดบัง แต่ระยะเวลาในการปฏิบัติจะต้องยาวนานพอ เพราะว่าอย่างน้อยต้องวางพื้นฐานใน ๒ วันแรกให้เรามีความเคยชิน วันท้าย ๆ ถึงจะได้เทที่เหลือลงไปได้

คราวนี้ส่วนหนึ่งที่พึงจดจำก็คือว่า การกำหนดภาพพระอย่าเพิ่งเอาความชัดเจน ให้มั่นใจว่ามีพระอยู่กับเราก่อน เห็นหรือไม่เห็นก็ไม่เป็นไร ภาพพระจะชัดเจนแจ่มใส ก็ต่อเมื่อสมาธิของเราทรงตัวมากขึ้น ความสว่างไม่ต้องไปสนใจว่าสว่างมาก สว่างน้อย ขอให้เรารู้สึกว่าพระสว่างขึ้นก็ใช้ได้

ที่แน่ ๆ คือ อย่าเผลอใช้สายตามอง เพราะว่าถ้าเผลอเมื่อไรทิพจักขุญาณจะใช้ไม่ได้ ถามว่าทำไมถึงใช้ไม่ได้ ทิพจักขุญาณเป็นการส่งใจออกจากกาย ไปถึงที่ไหนก็เห็นที่นั้น พอเราใช้สายตามอง การนึกถึงตาก็คือนึกถึงตัว ก็คือดึงจิตกลับ ในเมื่อเราไม่อยู่ตรงนั้นแล้วจะไปเห็นอะไร ?

ท่านใดที่เคยฝึกมโนมยิทธิมา จะเจอกับปัญหานี้ทั้งนั้น ก็คือทำไมภาพมา ๆ หาย ๆ ? แต่ตัวเองไม่เคยรู้เลยว่าหายเพราะอะไร เพราะว่าเราเผลอไปใช้สายตา นึกถึงตาคือนึกถึงตัว นึกถึงตัวคือดึงจิตกลับ แล้วถ้าใช้สายตาเพ่งมาก ๆ
หลังจากเลิกปฏิบัติไปแล้วก็จะปวดหัวมากอีกด้วย

เถรี 27-05-2019 20:34

ในส่วนที่ท่านทั้งหลายได้ไป สิ่งสำคัญที่สุดก็คือรักษาอารมณ์ใจไว้ให้ได้...ไม่เหลือแล้ว แม้กระทั่งพระ เหลือท่านสรวิชย์อยู่คนเดียวที่ยังประคองอารมณ์อยู่ได้ นอกนั้นก็หลุดเกลี้ยงแล้ว คิดว่าหลวงพ่อไม่รู้..ปล่อยมันไป

ทำอย่างไรที่เราจะรักษาใจของเราให้นิ่ง ให้สงบจาก รัก โลภ โกรธ หลง ได้เท่ากับตอนที่เรานั่งอยู่ ? ก็คือต้องใช้สติประคับประคองด้วยความระมัดระวัง จะขยับ จะลุก จะนั่ง กำหนดใจให้แน่วแน่อยู่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายก่อน

ถามว่าส่วนใดส่วนหนึ่งก็ได้หรือ ? ขอยืนยันว่าได้ ไว้ที่หัวแม่ตีนก็ได้..! แต่ให้อยู่ที่เดียว แล้วเราค่อยขยับ จิตจะไม่เคลื่อน สมาธิจะไม่ตก แต่ด้วยความไม่เคยชิน พอเผลอก็ทำหล่นหายอีก ก็ต้องซักซ้อมกันบ่อย ๆ ใหม่ ๆ ทำได้ ๓ นาที ๕ นาที อาตมาก็ดีใจตายชักแล้ว

เถรี 27-05-2019 20:38

ครั้งแรกในชีวิต สมัยนั้นอยู่ประมาณพรรษาที่สอง ที่บวชอยู่วัดท่าซุง เดินบิณฑบาตสายใต้ประมาณ ๒.๕ กิโลเมตร เดินไปกลับราว ๆ ๕ กิโลเมตร วันแรกที่ประคองใจตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกจากวัดจนกระทั่งเดินกลับได้ โดยไม่หลุดไปที่อื่นเลย มีความสุขมาก เริ่มมั่นใจว่าเราพอจะมีกำลังสู้กิเลสได้ ไหวไหม ๕ กิโลเมตร ?

บรรดาสาว ๆ ที่มาใส่บาตรแต่ละคนก็เมตตาเหลือเกิน พระไม่ค่อยได้เห็นอะไรก็เปิดนั่นเปิดนี่ให้ดูไปเรื่อย
เชื่อเถอะ..สมาธิหลุดหมด..! ก็แปลว่าเราต้องประคับประคองกำลังใจของเรา ให้อยู่กับเราในลักษณะเดียวกับตอนที่นั่ง ให้นานที่สุด แต่อย่าเผลอนะ

ใหม่ ๆ อาตมาประคองอยู่ได้ ๒ เดือนกว่า คิดว่าลอยลำแล้วกู จะหลับ จะตื่น จะยืน จะนั่ง อารมณ์ใจนิ่งสนิทเท่ากับตอนที่ทำกรรมฐาน คิดว่าเราน่าจะเห็นหน้าเห็นหลังอะไรแล้ว
เผลอหน่อยเดียวร่วงไม่เป็นท่าเลย ประมาทหน่อยเดียวโดนเตะร่วงตอนไหนก็ไม่รู้

หลังจากนั้นมีสาหัสกว่านั้นอีก บางที ๓ ปีผ่านไป สภาพจิตนิ่งสนิท กิเลสสักตัวก็ไม่เกิด กูน่าจะบรรลุแล้ว..!? มารู้ตัวอีกทีอยู่ก้นเหว..! ทั้ง ๆ ที่ระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา แต่เหมือนกับทางเดินค่อย ๆ ลดลงทีละมิลลิเมตร ไม่รู้ตัวเลย มองกลับไปอีกทีอยู่ก้นเหวแล้ว ๓ ปีเต็ม ๆ หลอกเราลงก้นเหวจนได้

พวกเราไม่ได้ทำขนาดนั้น ไม่ได้ทุ่มเทชนิดมอบกายถวายชีวิตแบบนั้น โอกาสจะชนะจึงมีน้อย เพียงแค่ว่าเราประคองอารมณ์ใจของเราให้อยู่กับตัวให้นานที่สุด อย่าให้หล่นหายไปง่ายนัก แล้วการปฏิบัติเราจะก้าวหน้า ไม่อย่างนั้นบางคนทำมาหลายสิบปี ถามว่าทำไมไม่ก้าวหน้าสักที ? ก็ไม่เคยรักษาอารมณ์ใจได้เลย แล้วจะไปก้าวหน้าได้อย่างไร ?

เถรี 27-05-2019 20:54

แรก ๆ ก็คือกดกิเลส เมื่อกดกิเลสได้ก็ค่อย ๆ ขัด ค่อย ๆ เกลา ค่อย ๆ ละ ค่อย ๆ เลิก แค่กดกิเลสยังกดไม่อยู่ แล้วจะไปชนะได้อย่างไร ?

ฝากพวกเราเอาไว้ว่า สิ่งที่ได้รับไปจากที่นี่ จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับความขยันหมั่นเพียรและปัญญาของพวกเราเอง เมื่อรับไปแล้วพยายามเอาไปใช้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ รักษาอารมณ์ใจของเราให้ผ่องใสจากกิเลสให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

อย่าไปใส่ใจคำพูดของคนรอบข้าง ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ตาม ถ้าเราทำดี ทำถูก ก็ไม่มีทางที่จะชั่วไปได้ แต่ถ้าเราทำไม่ดี ทำไม่ถูก เขาสรรเสริญให้ตาย เราก็ยังชั่วอยู่ดี อย่าเอาคำพูดของคนอื่นเป็นประมาณ ตั้งหน้าตั้งตารักษาความดีของเราเอาไว้

ที่สำคัญ เรารักษาศีล ๘ เป็นเครื่องเอื้อต่อการปฏิบัติธรรมมากที่สุด ถ้าเป็นไปได้ให้รักษาต่อไปจะได้ไม่อ้วน..! เกี่ยวกันหรือเปล่า ? ถ้าเป็นไปได้ให้รักษาต่อไป เพื่อจะได้สนับสนุนการปฏิบัติของเราให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้น แต่ถ้าไม่ไหว..อยากกินจริง ๆ ก็ลดลงมาเหลือศีล ๕ ต่ำกว่า ๕ ไม่ได้ ต่ำกว่า ๕ เมื่อไรความเป็นคนมีไม่พอ โอกาสเกิดในอบายภูมิจะมีสูงมาก


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ปกิณกธรรมก่อนแจกวุฒิบัตร
ช่วงบวชเนกขัมมะวันสงกรานต์ปี ๒๕๖๒ ณ วัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเล)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:24


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว