กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4433)

เถรี 06-05-2015 13:32

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘
 
ถาม : ขอกราบเรียนถามข้อสงสัยถึงวิธีการและหนทางปฏิบัติที่พอจะทำให้เราสามารถทราบได้ว่าเราติดหนี้สงฆ์หรือโทษหนักอื่นใด เช่น โทษการย้ายเจดีย์ เป็นต้น เพื่อป้องกันหรือหาหนทางแก้ไขก่อนที่เราจะสิ้นลมหายใจในชาติปัจจุบัน หากในกรณีที่เรามิได้เป็นบุคคลผู้ทรงอภิญญาหรือญาณแปดใด ๆ กล่าวคือ เป็นบุคคลธรรมดาที่ไม่ได้สนใจเรื่องธรรมะหรือได้มโนมยิทธิใด ๆ ทั้งสิ้น

จึงขอเรียนถามข้อสงสัยสำหรับประเด็นดังกล่าวว่า พอจะมีทางอื่นใดบ้างที่เราสามารถทราบในเรื่องของกรรมดังกล่าวได้บ้างหรือไม่ ? และอย่างไรครับ ?

ทั้งนี้เจตนาในการตั้งคำถามนี้ เป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อบุคคลจำนวนมากที่อาจมิอาจทราบได้ถึงโทษจากกรรมหนักดังกล่าว ซึ่งจะได้ทราบเป็นวิทยาทานและแก้ไขได้อย่างทันท่วงทีหากมีหนทางและโอกาสครับ

ตอบ : ก็แปลว่าไม่ต้องรู้ ไม่ได้อะไรสักอย่างจะไปรู้ได้อย่างไรวะ ? ตั้งกติกาไม่ให้มีอะไรสักอย่างเดียวแต่อยากรู้ จะรู้ไปทำไม ?

เถรี 06-05-2015 13:33

ถาม : ผมไปฝึกมโนมยิทธิที่วัดท่าซุง ผลคือฝึกไม่ได้ครับ ครูฝึกบอกว่าเป็นสุกขวิปัสโก ผมจะมีโอกาสจะฝึกสำเร็จได้หรือไม่ครับ ? และการจับลมหายใจเข้าออก ผมควรจับที่จมูกฐานเดียว หรือจับสามฐานครับ ?

ตอบ : ถ้าเชื่อครูฝึกชาตินี้ก็ฝึกไม่ได้ แต่ถ้าไม่เชื่อครูฝึกโอกาสได้จะมีเยอะ เพราะบางทีครูฝึกโง่กว่า สอนลูกศิษย์ไม่เป็น ส่วนเรื่องการจับลมหายใจ จะฐานเดียว ๓ ฐาน ๗ ฐาน หรือว่ารู้ตลอดกองลมแล้วแต่ความถนัดของเรา

ที่อาตมาใช้คำว่าครูฝึกโง่กว่าลูกศิษย์ เพราะว่าปัจจุบันนี้ครูฝึกส่วนใหญ่แล้วไม่รู้จริง มักจะสอนตามรูปแบบเดิม ๆ จนกระทั่งโดนลูกศิษย์หลอกมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว การจะเป็นครูฝึกมโนมยิทธิต้องมีเจโตปริยญาณแจ่มใส รู้ว่า
ในขณะนั้นลูกศิษย์คิดอะไร ทำอะไรอยู่ ถึงสามารถที่จะสอนให้ถูกต้องได้

เถรี 06-05-2015 13:34

ถาม : ผมป่วยมาก อาการไม่ค่อยจะดีมาหลายปีแล้วครับ หาหมอหลายที่แล้วไม่ดีขึ้น มีแต่ทรุดลง กระเพาะอักเสบมานาน เลยทำให้ท้องแข็ง เป็นเถาดาน ท้องมาน บวม จุกแน่นชายโครงขวา หายใจลำบากเหมือนจะขาดใจหลายครั้งแล้ว และยังมีคุณไสยมาช่วยทำให้แย่ลง ขอหลวงพ่อเมตตาแนะนำยา หรือการปฏิบัติตนให้ผมคลายจากเวทนานี้ด้วย กราบขอบพระคุณหลวงพ่อครับ

ตอบ : เลิกหายใจ ถ้าเลิกหายใจวันไหนก็หายสนิท..! เรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นกรรมเก่า ถ้าเราพิจารณาเห็นว่าสภาพร่างกายมีความป่วยไข้เช่นนี้เป็นปกติ ก็จะไม่ไปเครียด ไม่ไปกังวล ไม่ไปแบกไว้ เห็นว่าเป็นบุญลาภอันประเสริฐ ที่เราได้เห็นความทุกข์อย่างถนัดชัดเจน ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาทุกข์เช่นนี้จะไม่มีสำหรับเราอีก เราต้องการจะไปพระนิพพาน เรียกว่าพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ฉวยโอกาสที่ร่างกายเจ็บไข้ได้ป่วย นำมาเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติของเรา เพราะฉะนั้น..ความเจ็บไข้ได้ป่วยต้องถือว่าเป็นลาภอันประเสริฐ

เถรี 06-05-2015 13:35

ถาม : กระผมได้ศึกษาธรรมะตามแนวหลวงพ่อวัดท่าซุงมานานหลายปี และได้ทราบว่า มีสมเด็จองค์ปฐมซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกสุดอยู่ จึงให้ความเคารพท่านมากเป็นที่สุด แต่พอช่วงหลังมานี้ ได้ศึกษาธรรมะตามแนวของหลวงพ่อสด คือวิชชาธรรมกาย จากทางวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม จังหวัดราชบุรี ได้ศึกษาข้อมูลที่กล่าวไว้ว่า มี "พระพุทธเจ้าต้นธาตุต้นธรรมอยู่" ลูกศิษย์หลายท่านบอกว่า เป็นคนละพระองค์กับสมเด็จองค์ปฐมที่หลวงพ่อวัดท่าซุงสอน

กระผมอยากอาราธนาหลวงพ่อช่วยเมตตาอธิบายทีครับว่า เป็นพระองค์เดียวกันหรือไม่ ? ถ้าไม่ใช่ แล้วพระพุทธเจ้าต้นธาตุต้นธรรมคือท่านใดกันครับ ?

ตอบ : ไปถามคนที่บอกว่าไม่ใช่..!

เถรี 06-05-2015 13:37

ถาม : ผมได้ใส่บาตรพระรูปหนึ่งที่รับบาตรอยู่ช่วงเช้า พอท่านให้พรเสร็จ ขณะที่ผมกำลังจะไป จู่ ๆ ท่านใช้ให้ผมหยิบของในมือท่านและของที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ ๆ ผมเข้าใจว่าเป็นของที่คนนำมาใส่บาตรซึ่งมีหลายอย่างด้วยกัน ให้นำไปใส่ในกระสอบใส่ของที่วางอยู่ที่พื้น เข้าใจว่าท่านอาจจะเตรียมกระสอบมา

ผมมีความกังวลและไม่ทันตั้งตัว จึงได้หยิบของใส่ลงกระสอบให้ท่านไม่กี่อย่าง จู่ ๆ ท่านก็ลุกขึ้นมาหยิบของใส่กระสอบด้วยตัวท่านเอง ซึ่งผมช่วยจับกระสอบอยู่พักเดียว แล้วผมก็เดินปลีกตัวไป ปล่อยให้ท่านจัดการของท่านเอง โดยผมไม่ได้มีความเต็มใจที่อยากจะช่วย เนื่องจากกลัวผิด อยากทราบว่าผมมีความผิดอะไรหรือเปล่าครับ ? และควรแก้ไขอย่างไรครับ ? และหากเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก ผมควรทำอย่างไรครับ ?

ตอบ : ถือว่ามีส่วนร่วมไปแล้ว ถ้าเป็นกุศลก็เป็นกุศลไปแล้ว ถ้าเป็นบาปก็เป็นไปแล้ว ไม่ต้องเสียเวลามาสงสัย ให้ตั้งหน้าตั้งตาตั้งปฏิบัติในทาน ศีล ภาวนาของเราไป อะไรที่สงสัยก็ถอยห่างเอาไว้ ถึงเวลาจะได้ไม่ต้องมาคิดให้ฟุ้งซ่านเศร้าหมองเหมือนอย่างปัจจุบันนี้

เถรี 06-05-2015 13:39

ถาม : เวลาที่คนสร้างกิจกรรมใดที่ให้คนลงชื่อเพื่อร่วมสนุกในการแจกของรางวัล โดยไม่ได้มีการเก็บเงินหรือว่าต้องให้คนร่วมสนุกซื้อของก่อน จัดเป็นการพนันหรือไม่ครับ ?
ตอบ : การพนันคือการพนัน ถ้าหากว่าเป็นการชิงโชคก็แค่อยู่ในลักษณะของการชิงรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ พูดง่าย ๆ ว่าดูตามหลักกฎหมายแล้วกัน ถ้าสิ่งที่กฎหมายไม่ถือว่าเป็นการพนันก็ไม่ต้องไปถือว่าเป็นการพนัน

ถาม : สโมสรกีฬาที่มีการซื้อขายตัวผู้เล่น จัดเป็นอาชีพค้ามนุษย์หรือไม่ครับ ?
ตอบ : การค้ามนุษย์ส่วนใหญ่แล้วเขาค้าให้ไปเป็นทาส สโมสรกีฬาเขาค้าไปเป็นทาสหรือเปล่า ?

ถาม : ผู้ที่มีอาชีพเลี้ยงเด็กหรือคนชรา จัดเป็นอาชีพค้ามนุษย์หรือไม่ครับ ?
ตอบ : เลี้ยง..ไม่ได้ขาย..!

เถรี 06-05-2015 13:41

ถาม : ถ้ามีคนยืมเงินเราไป แล้วนำไปทำบุญ ภายหลังนำเงินมาใช้คืน เราสามารถนำเงินที่ได้รับคืนมาใช้จ่ายของเราเองได้หรือไม่และเป็นหนี้สงฆ์หรือไม่ครับ ?
ตอบ : แสดงว่าไม่เข้าใจคำว่าหนี้สงฆ์ แต่ไม่เป็นไร ให้เขาคิดว่าเป็นหนี้สงฆ์ไว้แหละดี ถ้าไม่ใช่..ใจเศร้าหมองจนลงข้างล่างไปเลย ก็คงจะระมัดระวังตัวมากขึ้น..!

ถาม : ถ้ามีคนฝากเงินให้เราทำบุญ จำเป็นหรือไม่ว่าจะต้องเป็นธนบัตรหรือเหรียญเดียวกันกับที่เจ้าของเงินให้มา เราสามารถใช้ธนบัตรหรือเหรียญอื่นที่มีมูลค่าเท่ากันทำแทนได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ทำด้วยมูลค่านั้น จะเป็นอะไรก็ได้

เถรี 06-05-2015 13:42

ถาม : ช่วงนี้ฝันหนักมาก จนถึงขนาดที่ตื่นมารู้สึกเพลียไปหมดทั้ง ๆ ที่นอนมาเกือบแปดชั่วโมง พอเจอเข้าติด ๆ กันหลายวัน ร่างกายเริ่มไม่ไหวแล้วค่ะ ไม่ทราบว่าพระอาจารย์มีวิธีไม่ให้ฝันไหมคะ ? แล้วการที่เราฝันเยอะ ๆ นี่หมายความว่ากำลังใจของเราฟุ้งซ่านไปในทางที่ไม่ดีหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ฝันแปลว่ากำลังใจไม่เป็นสมาธิจึงฟุ้งซ่าน ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก่อนนอนก็พยายามแผ่เมตตา แล้วภาวนาให้กำลังใจทรงตัวก่อน

เถรี 06-05-2015 13:43

ถาม : จากที่ทราบว่าอีกไม่นานนักจะเกิดสงครามใหญ่ในหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศทางซีกโลกเหนือ และเนื่องด้วยกระผมต้องไปเรียนต่อต่างประเทศในอีกไม่นานเช่นกัน ขอเรียนถามพระอาจารย์ว่า หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวจริง ประเทศในแถบซีกโลกใต้ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จะรอดพ้นจากภัยสงครามหรือไม่ อย่างไรครับ ?
ตอบ : ตกลงถามเองหรือว่ามั่วเอง ? เกิดสงครามใหญ่ที่ซีกโลกเหนือ..รู้ขนาดนั้นเลยหรือ ? แต่ทำไมไม่รู้ว่าซีกโลกใต้จะรอดหรือไม่รอด ต้องบอกว่าขอเชิญฟุ้งซ่านต่อไป เรื่องนี้เลยตายไปเยอะเลย

เถรี 06-05-2015 13:48

ถาม : ถ้าผู้เป็นเจ้าของตะกรุดกระทำผิดอย่างชัดเจน เช่น ทำร้ายคนอื่น ลักขโมย นินทาว่าร้าย ฯลฯ บุคคลอื่นทราบเข้าจึงตำหนิการกระทำเหล่านั้น หรืออาจดำเนินคดีตามกฎหมาย บุคคลอื่นที่ตำหนิการกระทำของเจ้าของตะกรุด หรือนำตัวเจ้าของตะกรุดไปดำเนินคดีตามกฎหมาย จะโดนสะท้อนหรือไม่ อย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าทำชั่ว ตะกรุดก็ไม่คุ้มครองป้องกันอยู่แล้ว

เถรี 06-05-2015 13:50

ถาม : ขณะทำพิธีอุปสมบท มีภิกษุบางรูปศีลไม่สมบูรณ์ หรือขาดจากความเป็นพระ และมีฆราวาสร่วมพิธีอยู่ในโบสถ์ ฯ เมื่อเสร็จพิธีผู้ขอบวชจะถือว่าได้เป็นสมมติสงฆ์โดยสมบูรณ์หรือเป็นได้เพียงแค่เณรครับ ?
ตอบ : ถ้าอยู่นอกเขตหัตถบาส คือมือเอื้อมไม่ถึง การบวชก็สมบูรณ์ แต่ถ้าอยู่ในเขตหัตถบาสคือเอื้อมมือแตะกันถึง คุณก็เป็นแค่เณร ในเรื่องของสังฆกรรม อย่างน้อย ๆ ต้องเว้นช่วงระยะหนึ่ง แต่ถ้าจะเอาให้บริสุทธิ์จริง ๆ ต้องอยู่นอกเขตสีมาไปเลย

ถาม : หลังเสร็จพิธีอุปสมบท เราจะสามารถทราบได้อย่างไรว่าผู้ขอบวชได้เป็นสมมติสงฆ์โดยสมบูรณ์ หรือเป็นแค่เณร เพราะเราไม่ทราบเลยว่าในพิธีมีภิกษุที่ศีลไม่สมบูรณ์ร่วมอยู่ด้วยหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าไม่ทราบแล้วจะอยากรู้ไปทำไม ?

เถรี 06-05-2015 13:56

ถาม : เมื่อตอนสมัยบวชพระ มีเพื่อนพระด้วยกันนำวัตถุมงคลที่อยู่ในวิหาร ฯ มาให้ดู หลังจากที่สอบถาม เพื่อนพระแจ้งว่าสามารถหยิบออกมาได้ เจ้าอาวาสท่านไม่ว่า จากนั้นจึงได้ขอวัตถุมงคล และให้เพื่อนพระไปหยิบวัตถุมงคลในวิหารมาให้บ้าง เพื่อนำไปบูชาในกุฏิส่วนตัวและแจกบางส่วนให้ฆราวาส แบบนี้ถือว่า "ปาราชิก" หรือไม่ ?
ตอบ : เสี่ยงต่อการปาราชิกมาก เพราะว่าเป็นความเห็นของเพื่อนคนนั้น ไม่ใช่ความเห็นของพระสงฆ์ทั้งวัดร่วมกัน การจะนำของสงฆ์ไปใช้สอยอย่างไรก็ตาม ควรที่จะได้รับการอนุญาตจากสงฆ์หรือผู้แทนสงฆ์ก่อน ไม่ใช่ถึงเวลาเขาว่าส่งเดชก็เชื่อตามเขา กลายเป็นว่าเอาอนาคตหรือไม่ก็ความเป็นพระของตนเอง ไปแลกกับสิ่งที่คนอื่นเขาพูดด้วยลมปากเท่านั้น มีโอกาสขาดทุนมหาศาลเลย

ถาม : ขณะบิณฑบาตมีฆราวาสนำเงินใส่บาตรหรือย่าม หากเรานำเงินนั้นไปใช้ส่วนตัว เช่น ซื้อของให้แม่หรือฆราวาส อย่างนี้ถือว่า "ปาราชิก" หรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าซื้อของให้แม่ไม่เป็นไร เพราะท่านอนุญาตให้ภิกษุเลี้ยงดูพ่อแม่ได้ แต่ท่านใช้คำว่าตามสมควร ไม่ใช่ประเภทซื้อเช้า ซื้อกลางวัน ซื้อเย็น แต่โดยปกติแล้ว ถ้าตามที่หลวงพ่อวัดท่าซุงสอนมาก็คือ ปัจจัยทุกอย่างที่เขาถวายมา จะเป็นส่วนตัวหรือส่วนรวมก็ตาม ให้นึกอยู่เสมอว่าเป็นของสงฆ์

เถรี 06-05-2015 13:57

ถาม : จะเป็นการสมควรหรือไม่ถ้าจะรักษาศีล ๘ ช่วงระยะเวลากลางคืนก่อนนอนของทุกวันจนถึงรุ่งเช้า เนื่องจากเป็นช่วงระหว่างวันทำงานบ่อยครั้ง มีเหตุปัจจัยที่ทำให้หลุดจากศีล ?
ตอบ : เรียกว่าขี้โกง..! หลังจากกินข้าวเย็นไปแล้วใคร ๆ ก็รักษาได้

ถาม : แล้วมีอานิสงส์ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจจริง ๆ ก็มี แต่ถ้าตั้งใจโกงก็ไม่มี

ถาม : แล้วจำเป็นต้องอาราธนาศีลทุกครั้งไหมคะ หรือว่าตั้งใจจะรักษาศีล ๘ เท่านั้นก็เพียงพอ ?
ตอบ : การอาราธนาศีลเป็นการขอร้องให้พระท่านบอกว่าศีลมีอะไรบ้าง เมื่อท่านบอกมาเราก็สมาทาน คือศึกษาจดจำตามนั้น แล้วก็ยึดถือปฏิบัติไป ในเมื่อเรารู้แล้วว่ามีอะไร ก็ไม่ต้องเสียเวลาอาราธนา ไม่ต้องเสียเวลาสมาทาน ให้ตั้งใจปฏิบัติโดยการงดเว้นไปเลย

เถรี 06-05-2015 13:58

ถาม : การสวดมนต์ในใจทั้งวันโดยไม่ได้กำหนดลมหายใจเข้าออก สามารถเข้าสู่พระนิพพานได้หรือไม่คะ ?
ตอบ : ถ้าไม่ได้ตั้งใจไว้ก่อนก็ไปไหนไม่รอด แต่ถ้าตั้งใจไว้ก่อนว่าสิ่งที่เราทั้งหมดนี่เป็นไปเพื่อพระนิพพาน โอกาสที่จะไปก็มีมาก

เถรี 06-05-2015 13:59

ถาม : ถ้าเราอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เรารวมกันทำดี พูดคุยเรื่องคำสอน ธรรมะ การปฏิบัติ นี่คือบุญธรรมทานอย่างหนึ่งใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ดูด้วยว่าคุยถูกเรื่องหรือเปล่า ถ้าประเภทมั่วเอาโดย "อัตโนมติ" ไม่ใช่หลักธรรมที่แท้จริง มีสิทธิ์ลงอเวจีมหานรก ดีไม่ดีก็เลยไปถึงโลกันต์เลย ฉะนั้น..ในเรื่องธรรมสากัจฉา ต้องมีคนที่รู้จริงอยู่ด้วย ถึงเวลาถ้าคุยผิดต้องแก้ไขให้ถูกได้

ถาม : แล้วการที่เราอยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนี้จะมีอานิสงส์อะไรบ้างคะ ?
ตอบ : ก็อยู่ที่ว่าตนเองตั้งใจอะไรเอาไว้ ถ้าตั้งใจเพื่อความหลุดพ้น สภาพจิตของตนเองเกาะความดีอยู่เสมอ โอกาสที่จะหลุดพ้นก็มี

เถรี 06-05-2015 13:59

ถาม : ถ้ามีฉันทะแบบไฟไหม้ฟางต้องทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : ก็เลิกไหม้ฟาง หันไปไหม้ขอนแทน

เถรี 06-05-2015 14:01

ญาติโยมจะเห็นว่า คำถามบางคำถามนั้น เป็นการกระทำไปโดยพาซื่อ อย่างเช่น เพื่อนพระบอกว่าของชิ้นนี้เอาไปได้ก็เอาไป แสดงว่าขาดการอบรมจากครูบาอาจารย์เป็นอย่างมาก เสี่ยงต่ออาบัติอย่างสูง ไม่ได้คุ้มค่าเลยแม้แต่น้อย จะหยิบจะจับอะไรของภิกษุเรา ถ้าเจ้าของไม่ได้อนุญาต เคลื่อนออกจากฐานแค่เส้นผมผ่า ๑๖ ก็โดนอาบัติปาราชิกไปเรียบร้อยแล้ว ฉะนั้น..เป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ง่าย ๆ เลยว่าครูบาอาจารย์สมัยนี้ไม่ค่อยจะเข้มงวดกับลูกศิษย์

ปัญหาที่ต้องการให้ถาม ก็คือ เราปฏิบัติธรรมไปแล้วปัจจุบันเป็นอย่างไร ? ควรจะปฏิบัติต่ออย่างไร ? ไม่ใช่ถามเพื่อสนองกิเลสในเรื่องที่ตอบไปแล้วก็ไม่เจ็บไม่คัน พูดง่าย ๆ ก็คือรู้แล้วเอาไปอวดชาวบ้าน แล้วก็ทะเลาะกันต่อไป เพราะอีกคนหนึ่งอาจจะไม่เชื่อก็ได้ จะกลายเป็นว่า “อาจารย์ฉันบอกอย่างนี้” แล้วเอาคำของอาจารย์ไปกลายเป็นอาจริยวาท ไปก่อวิวาทะกันขึ้น

ในเรื่องของคำถามขอให้พิจารณาให้ดี ๆ ว่าเกิดประโยชน์แก่ตนและส่วนรวมหรือไม่ ถ้าไม่เกิดประโยชน์แก่ตนและส่วนรวมก็อย่าเสียเวลาถามเลย

เถรี 07-05-2015 17:58

ถาม : ที่มีข่าวว่าเขาสามารถผ่าตัดเปลี่ยนศีรษะมนุษย์ย้ายไปร่างอื่นได้ แสดงว่าจิตอยู่ที่สมองหรือครับ ?
ตอบ : จิตอยู่ส่วนไหนของร่างกายก็ได้ ไม่ได้อยู่ที่สมอง แต่สมองเป็นศูนย์กลางในการสั่งให้ร่างกายทำงาน จิตต้องบังคับสมอง สมองบังคับร่างกาย แต่คราวนี้การที่จิตบังคับนั้นเป็นการบังคับที่เร็วมาก ต้องบอกว่าแค่คิด ดังนั้น..คนก็เลยคิดว่าการสั่งการเป็นส่วนของสมอง เรื่องของการที่ทำแล้วฝืนธรรมชาติมักรอดยาก ไม่อย่างนั้นคนก็ไม่ต้องตายกัน

เมื่อเดือนที่แล้วมีข่าวว่าด็อกเตอร์ท่านหนึ่งแช่แข็งลูกสาวตัวเอง เพื่อรอให้เทคโนโลยีการแพทย์ดีกว่านี้แล้วจะละลายลูกสาวออกมา เพื่อจะรักษาให้หายหรือทำให้ฟื้นใหม่ ถ้าเขามีความเชื่อมั่นอย่างนั้นก็ถือว่าเป็นความเชื่อของเขา ไม่ใช่เรื่องที่น่าตำหนิ แต่ว่าถ้าในส่วนของการเป็นผู้ปฏิบัติธรรม นั่นคือการยึดติดอย่างน่ากลัว การยึดแค่ตัวกูของกูก็แย่แล้ว นี่ยังยึดคนอื่นเป็นของกูอีก กลายเป็นภาระ แบกภาระมากขึ้น โอกาสที่จะหลุดพ้นก็ไม่มี

เถรี 07-05-2015 18:02

มนุษย์ใฝ่ฝันจะเอาชนะความตายมาทุกยุคทุกสมัย ยิ่งผู้ที่เป็นใหญ่เป็นโตมีอำนาจ ก็ยิ่งกลัวตาย ตัวอย่างคือฮ่องเต้ของจีนหลายท่านด้วยกัน พอมีอำนาจวาสนา มีศักดานุภาพแผ่ไพศาล สิ่งที่คิดก็คืออยากจะมีชีวิตเป็นอมตะ แบบเดียวกับเจงกีสข่าน ส่งกองทัพยึดผืนแผ่นดินทั้งเอเซียและยุโรปกว้างใหญ่ไพศาล ก็แสวงหาบุคคลที่จะทำให้ตนเองเป็นอมตะ

คิวชู่กีที่เป็นนักพรตลัทธิช้วนจิน มีฉายาว่าผู้อมตะ ชื่อเสียงโด่งดังมาก เจงกีสข่านส่งทูตมาเชิญให้ไปช่วยสอนวิธีทำให้เป็นอมตะ พอเจอหลักการปฏิบัติธรรมเข้าเจงกีสข่านก็ไปไม่รอด แต่เจงกีสข่านเป็นคนรู้จักของดี เมื่อเห็นว่าหลักปฏิบัติอย่างนี้เป็นไปได้จริง ก็เลยส่งเสริมลัทธิเต๋า โดยเฉพาะลัทธิช้วนจิน จนกระทั่งลัทธินี้เจริญรุ่งเรืองไปทั่วแผ่นดินจีนสมัยนั้น ทำให้พุทธศาสนาเสื่อมลงไปมาก

หลักการปฏิบัติหลัก ๆ ก็คืออานาปานสติ พูดง่าย ๆ ว่าสร้างอภิญญาให้เกิด แล้วใช้กำลังอภิญญาปรับธาตุปรับร่างกายตัวเอง แล้วจะอยู่ไปทำอะไร ? อยู่ไปวันหนึ่งก็ทุกข์เพิ่มขึ้นวันหนึ่ง มีวันไหนไม่ปวดท้องเข้าห้องน้ำห้องส้วมบ้างไหม ? มีวันไหนที่เราไม่หิวบ้าง ? ระยะนี้มีวันไหนที่ไม่ร้อนบ้าง ? แต่เขาก็ยังอยากจะอยู่กัน

นึกถึงหลวงปู่มั่น ท่านพยายามไม่ให้ลูกศิษย์ยึดติดแม้แต่กายสังขารของท่าน ลูกศิษย์มรณภาพเผาเสร็จกระดูกเป็นพระธาตุ หลวงปู่มั่นเผาเสร็จกระดูกเป็นกระดูก ขี้เถ้าเป็นขี้เถ้า ผ่านไปเนิ่นนานหลายสิบปี ลูกศิษย์มรณภาพเผาแล้วเผาเล่า ท่านนั้นก็อัฐิเป็นพระธาตุ ท่านนี้ก็อัฐิเป็นพระธาตุ ของหลวงปู่มั่นเป็นขี้เถ้าเหมือนเดิม จนกระทั่งท้ายสุดคนลังเลสงสัยกันมาก ๓๐ กว่าปีผ่านไปอัฐิหลวงปู่มั่นถึงกลายเป็นพระธาตุ เพราะคนจะเริ่มปรามาสครูบาอาจารย์มากขึ้นแล้ว ท่านไม่ต้องการให้คนยึดติดกับสังขารร่างกายของท่าน จึงไม่ได้อธิษฐานทิ้งไว้ให้

การที่อัฐิเป็นพระธาตุนั้นเกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกก็คือเจ้าของร่างกายอธิษฐานทิ้งไว้ให้ สาเหตุที่ ๒ คือพระท่านสงเคราะห์ให้ เพื่อรักษากำลังใจของคนส่วนใหญ่ ถามว่าทำไมกระดูกถึงเป็นพระธาตุ ? เหตุกระดูกเป็นพระธาตุได้เพราะว่าสภาพจิตที่อาศัยอยู่ในร่างกายนี้ได้รับการขัดเกลาด้วยธรรมะจนสะอาดบริสุทธิ์ถึงที่สุด สภาพร่างกายซึ่งเป็นเครื่องอาศัยของจิต ก็เลยพลอยได้รับการขัดฟอกธาตุขันธ์ไปด้วย ถ้าเจ้าของไม่ได้ตั้งเจตนาเอาไว้ หรือเจตนาจะไม่ให้เป็น ก็จะไม่เป็นพระธาตุ

เถรี 07-05-2015 18:04

เรื่องกายสังขาร ถ้าหากว่ามรณภาพแล้วไม่เน่า ยังไม่แน่ว่าจะใช่พระที่ปฏิบัติดีจนถึงที่สุดจริง ๆ เพราะการที่ร่างกายไม่เน่านั้นมีหลายสาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรก ก็คือ ท่านที่ตั้งใจทิ้งกายสังขารเอาไว้เพื่อเป็นเครื่องยึดโยงกำลังใจของลูกศิษย์ อธิษฐานให้เป็นเช่นนั้น ส่วนใหญ่ท่านทั้งหลายเหล่านี้จะบรรลุมรรคผลจริง ๆ

ส่วนที่สอง คือการกินว่านยาบางอย่าง ทำให้ร่างกายคงกระพัน ไม่เน่าได้ ส่วนที่สาม ใช้คาถาบางบทเสกข้าวกินเป็นประจำทุกวัน ตายแล้วจะไม่เน่า ง่าย ๆ ก็คือพระอภิธรรม ๗ บท แต่ว่าควรจะเสกก่อนกินข้าวสักครึ่งชั่วโมง ไม่อย่างนั้นจะหิวเป็นลมไปก่อน เพราะนานกว่าจะเสกจบ

ดังนั้น ถ้าเป็นเรื่องของกายสังขารยังไม่สามารถจะวัดได้ แต่ถ้าเรื่องอัฐิวัดได้ว่าท่านเป็นผู้ปฏิบัติปฏิบัติชอบจริงหรือไม่ เพราะท่านผ่านการฟอกธาตุขันธ์ไปจริง ๆ อัฐิมักจะแปรเป็นพระธาตุเอง ต้องบอกว่าโบราณเก่ง บางทีลูกหลานทำผิดแล้วผิดเล่า พ่อแม่โกรธจนด่า “ไอ้นี่ชั่วจนเข้ากระดูกดำ” ก็ขอให้ดูในมุมกลับว่า ถ้าดีจนถึงที่สุดก็กระดูกเป็นแก้วเหมือนกัน

ท่านใดดูข่าวรูปหล่อโลหะมีโครงกระดูกพระอยู่ข้างในบ้าง ? ถ้าลักษณะอย่างนั้นเจ้าของตั้งใจเอง คนอื่นทำให้ไม่ได้ ขอบอกว่าถ้าได้กสิณ ๑๐ ก็เป็นเรื่องเล็ก ถ้าไม่ได้กสิณ ๑๐ ก็ทำไม่ได้ เอาตัวเองเข้าแทนโครงสร้างข้างใน

เถรี 07-05-2015 18:10

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาที่ทองผาภูมิ คุณประสิทธิ์ กาญจนรัช หรือที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า เตี่ยเส็ง เสียชีวิต อายุ ๘๙ ปี เป็นอายุในการแจ้งเกิดไม่ใช่อายุจริง เนื่องจากแจ้งเกิดช้า เดือนก่อนโน้นทองผาภูมิตายไป ๕ ศพ คนที่อายุน้อยที่สุด ๘๒ ปี ดังนั้น..ทองผาภูมิก็เลยโฆษณาว่า “ถ้าอยู่ทองผาภูมิ ๑ คืนจะอายุยืนไป ๑ ปี” อาตมาอยู่มา ๒๐ กว่าปีแล้ว ดูท่าจะแย่..!

ถ้าหากว่านับในเรื่องของอากาศแล้ว ถือว่าทองผาภูมิมีอากาศค่อนข้างดีทีเดียว มลพิษมีน้อย แต่ถ้าเป็นตามหลักของการแพทย์จีน เขาบอกว่าให้กินอาหารในรอบถิ่นเกิด หรือรอบที่อยู่ของตนเองอย่าให้เลย ๓๐ ลี้ ก็คือ ๑๕ กิโลเมตร เพราะว่าพืชผักผลไม้ต่าง ๆ ดึงเอาธาตุที่เหมาะสมกับสภาพร่ายกายของเราที่เกิดในบริเวณนั้น ๆ เอาไว้ ถึงเวลากินเข้าไปก็จะเสริมธาตุให้แข็งแรง มีอายุยืนนานได้ แต่ปัจจุบันนี้ทั่วโลกเป็นบ้านเดียวกัน ข้าวปลาอาหารของซีกโลกใต้เอามาขายที่ซีกโลกเหนือ ทางด้านตะวันตกมาขายตะวันออกยุ่งไปหมด ต้องบอกว่าผิดหลักการแพทย์ ต้องหันไปเน้นเรื่องของอาหาร อากาศ อารมณ์เหล่านั้น เป็นต้น

อย่าลืมว่า ๑ ในปัจจัยสี่คือยา โบราณเราเก่งมาก โดยเฉพาะตัวยาที่น่าทึ่งที่สุดคือยาแก้ลม ๑๐๘ จำพวก ใครที่อายุเกิน ๓๕ ปีแล้วพก ๆ ติดตัวไว้บ้าง ถ้าไม่มีก็ไปไม่รอดแล้ว คนโบราณที่คิดคำศัพท์ว่ายาขึ้นมานี่สุดยอดจริง ๆ “ยา” คือการอุดรูรั่ว อย่างเช่นยาเรือ เมื่อร่างกายไม่ไหวเกิดการรั่ว ธาตุพร่องก็ต้องเอายาเข้าไปอุด โดยเฉพาะธาตุต่าง ๆ เวลาบกพร่องหรือกำเริบก็เกิดโรคภัยไข้เจ็บขึ้นมา ที่เรียกว่าลมกำเริบ

โบราณเราเก่งตรงที่ว่ามียาแก้ลม ๑๐๘ จำพวก สมัยก่อนก็ยาหอมตรา ๕ เจดีย์เป็นหลัก แต่ว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านใช้ยาหอมภูลประสิทธิ์ตราพระอาทิตย์ดั้นเมฆ อาตมาเคยลองไปทีหนึ่งหูตาสว่างไปเป็นวันเลย ยี่ห้อนี้ถ้าฉันขนาดหลวงพ่อท่าน อาตมาเชื่อว่าคนตายก็ฟื้น..! อะไรจะแรงได้ขนาดนั้น ถ้าหากว่าใครซื้อยาหอมยี่ห้อนี่มา อย่าใช้มาก..ขอเตือนว่าใช้ปลายช้อนกาแฟสะกิดก็พอ"

เถรี 07-05-2015 18:12

พระอาจารย์กล่าวถึงตะกรุดมหาสะท้อนรุ่น ๕ ว่า "ตะกรุดรุ่นนี้ลงวันที่ปลุกเสก ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ นะจ๊ะ โดนใช้แรงงานตั้งแต่ตี ๑ เลย เสกตะกรุดจนกว่าท่านจะบอกว่าใช้ได้ ลืมตาขึ้นมาเกือบตี ๓ ไม่ต้องนอนแล้ว เข้าสมาธิทีไรมักหูตาสว่าง ไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนกัน"

เถรี 07-05-2015 18:13

พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพ แล้วสอนให้เด็ก ๆ ขึ้นลงบันไดตามช่วงลมหายใจ คือให้หายใจเข้าแล้วก็ก้าวขึ้นไปเรื่อย ๆ ช้า ๆ จนสุด แล้วก็หายใจออก ก้าวขึ้นไปเรื่อย ๆ ช้า ๆ จนสุด เด็กเขาก็สงสัยว่าหลวงพ่อหายใจทีหนึ่งก้าวได้กี่ขั้น อาตมายังไม่เคยนับ ก็เลยลองนับดู ปรากฏว่าได้ ๓๐ กว่าขั้น..! เพิ่งจะรู้ว่าเป็นคนหายใจยาวขนาดนั้น มิน่าล่ะ...ว่าเดินเท่าไรไม่รู้จักเหนื่อย หนึ่งช่วงลมหายใจ เข้าสุดออกสุด ได้ตั้ง ๓๐ กว่าขั้น ด้วยความที่เคยฝึกพวกมวยจีน พวกกำลังภายในมาก่อน พอออกแรงก็จะสัมพันธ์กับลมหายใจ กลายเป็นว่าเดินขึ้นก็ว่าไปเรื่อย ถ้าหากว่าเดินลงจะได้เยอะกว่านั้นอีก"

เถรี 07-05-2015 18:15

พระอาจารย์พูดถึงตะกรุดมหาสะท้อนรุ่น ๕ ว่า "ใครเอาไปจำหน่ายต่อ ถ้าไม่มีสติ๊กเกอร์นี้ถือว่าปลอม ปกติตะกรุดมหาสะท้อนเขาเขียนไปเสกไป เขียนเสร็จม้วนเสร็จก็ใช้ได้เลย พอต้องมาแยกเสกต่างหากนี่ แหม...ท่านให้เสกเสียหลายชั่วโมง"

เถรี 07-05-2015 18:18

พระอาจารย์เล่าว่า "ไปเจอหลวงตาวัชรชัยที่งานศพวัดเสมียนนารี หลวงตาวัชรชัยบ่นเลย เพราะไปงานของหลวงตาไม่ได้ วันที่ ๑๐ พฤษภาคมต้องไปรับปริญญา หลวงตาถามว่า “ตกลงไปไม่ได้ใช่ไหม ?" ก็บอกว่า “ถึงจะไปวิธีอื่น คนก็ไม่เชื่อหรอก ต้องเห็นตัวเป็น ๆ” หลวงตาก็บ่นว่า ปลัดเอ๊ดเขาบอกว่า “อาจารย์เล็กออกวัตถุมงคลอะไรมา โยมแย่งกันจองเกลี้ยง ของเราทำอะไรออกมา มีแต่เหลือจนไม่มีที่จะเก็บแล้ว” ก็เลยกราบเรียนหลวงตาไปว่า “ต้องปล่อยให้เป็นภาระของพระท่าน ถ้าพระท่านบอกให้ทำอะไรก็ทำแค่นั้น เดี๋ยวก็หมดเอง” ท่านไม่ได้สั่งจะไปทำให้เหนื่อยทำไม ?"

เถรี 07-05-2015 18:22

พระอาจารย์พูดถึงถุงผ้าเงินล้านว่า "จ่าบี (ปลาส้มเงินล้านแม่ทองปอน) เขาทำถุงเงินล้านมาถวาย เขาไปเข้าพิธีมาหลายที่แล้ว ทั้งที่วัดท่าขนุน วัดถ้ำป่าไผ่ วัดถ้ำป่าอาชาทอง ไปเชียงใหม่งวดนี้จ่าบีแบกไปถวาย น่าจะประมาณ ๓๐๐ ใบเท่า ไม่เยอะหรอก ใครจะร่วมทำบุญหล่อพระพุทธรูปทองคำก็ไปบูชาเอา คิดใบละ ๑๐๐ บาท ถ้าเหลือค่อยเอาไปลงเว็บ ถ้าหมดตรงนี้ก็แล้วไป

จ่าบีเขาถวายอาตมาไว้ใบหนึ่ง เมื่อตอนไปพุทธาภิเษกที่วัดถ้ำป่าไผ่ ก็ใช้มาทุกวันนี้ เอาไว้ใส่มีดหมอเพชราวุธพอดีเลย แต่ต้องเป็นเล่ม ๕ นิ้วนะ ใส่เข้าไปม้วน ๆ กันกระแทกเรียบร้อยเลย จ่าบีแกเห็นถือติดมืออยู่หลายงาน งานครูบาเหนือชัยก็ถือติดมือไป ใครถวายปัจจัยก็เอาถุงเงินล้านรับ นี่
คงต้องโทรศัพท์ไปบอกแกว่าไม่พอ ยังไม่ทันไรโยมบูชากันหมดเกลี้ยงไปแล้ว"

เถรี 07-05-2015 18:29

พระอาจารย์บอกกับเด็กที่อ่านหนังสือชีวิตสัตว์ว่า "เวลาหมีเขาล่าสัตว์อื่นเป็นอาหาร อย่างล่าแมวน้ำ จะเห็นว่าโหดร้ายมาก แต่จริง ๆ แล้วเป็นวิถีชีวิตของเขา ถ้าเขาไม่ล่า เขาก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้ ถ้าเรามองในมุมกลับก็จะเห็นว่า เป็นความทุกข์ยากของหมี ที่ต้องรักษาชีวิตของตัวเองให้อยู่ในโลกนี้ได้ จึงต้องไปล่าสัตว์อื่นเป็นอาหาร หาไม่ได้ก็หิว บางทีถ้าไปเจอศัตรูที่มีกำลังใกล้เคียงกัน ก็อาจจะต้องบาดเจ็บล้มตายด้วย เพราะฉะนั้น..เขาก็ทุกข์ยากเหมือนกับเรา ดำรงชีวิตอยู่ท่ามกลางความทุกข์ แล้วท้ายที่สุดก็ตาย"

เถรี 08-05-2015 18:40

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครมีงาช้างยังไม่ได้แจ้งการครอบครองก็แบ่งชิ้นส่วนให้ดี มีได้คนละไม่เกิน ๔ ชิ้น น้ำหนักรวมไม่เกินครึ่งกิโลกรัม ห้ามเป็นงาท่อน วันสุดท้ายปิดการรับแจ้งเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน รวมแล้วรายงานว่ามีวัดแจ้งการครอบครองแค่ ๑๔ วัดทั่วประเทศไทย ถ้าเอาวัดท่าขนุนออกก็เหลือ ๑๓ วัด เป็นไปได้อย่างไร ? วัดทั่วประเทศไทยต้องมีงาช้างมากกว่านั้น หรือไม่ก็คิดแบบอาตมาว่าเขาไม่ได้ระบุเอาไว้ ไม่ได้ระบุนิติบุคคลประเภทวัดไว้ อาตมาก็เลยแจ้งในฐานะนิติบุคคลไม่ได้ ต้องแจ้งในฐานะส่วนตัว

ไปแจ้งวันไหนรู้ไหม ? ไปแจ้งวันที่ ๒๐ หมดเขตวันที่ ๒๑ ปรากฏว่าหลวงพ่อมณฑลโทรศัพท์มาเช้าวันที่ ๒๑ “อาจารย์เล็กโว้ย เขาไปแจ้งกันที่ไหนวะ ?” “ที่ป่าไม้เขตบ้านโป่งครับ” “แล้วเขาทำอย่างไรบ้าง ?” กราบเรียนว่า “ถ่ายรูปไปเลยครับ ซ้ายขวา หน้าหลัง บนล่าง วัดขนาดความยาว ความกว้าง เส้นรอบวง น้ำหนัก” ท่านบอก
ยุ่งฉิบหาย เอาอย่างนี้ ผมแบกไปเลยดีกว่า”

เถรี 08-05-2015 19:12

พระอาจารย์เล่าว่า "คนทิเบต ถ้าสัตว์ไม่ตาย เขาก็ไม่กิน มาตอนหลังพวกอิสลามเข้าไปตั้งโรงฆ่าสัตว์ คนทิเบตถึงได้มีเนื้อกินเยอะขึ้น ไม่อย่างนั้นต้องรอนำเข้าจากอินเดีย หรือไม่ก็รอให้สัตว์แก่ตายเอง แม้กระทั่งภูฏานเดี๋ยวนี้ก็มีพวกอิสลามเข้าไปฆ่าสัตว์ให้ ไม่อย่างนั้นทั้งประเทศก็ต้องกินเจกันหมด

พวกงานฟอกหนัง งานฆ่าสัตว์ งานเก็บขยะ เป็นของพวกศูทร ต้องใส่ชุดสีดำ ๆ อย่างพวกฆ่าสัตว์ใส่สีดำ ๆ แล้วเปื้อนเลือดยาก มองไม่ค่อยเห็น พวกอินเดีย เนปาล เขามีแนวคิดเกี่ยวกับวรรณะ ๔ อยู่แล้ว แต่ก็แปลก ในเมื่อเป็นหน้าที่ของวรรณะศูทร แล้วไปกินของที่เขาฆ่าทำไม ? ภาษาบาลีที่เขาแปลว่า คนทิ้งหยากเยื่อ คือเป็นคนชั้นต่ำสุดของสังคม ถ้าเป็นบ้านเราสมัยนี้ก็น่าจะเป็นพวกเก็บขยะ

คนเราเกิดมาก็มีมานะติดตัวมาตั้งแต่แรกแล้ว ระบบวรรณะยังตอกย้ำ
ให้มานะหนักเข้าไปอีก ต้องบอกว่าเป็นแบบธรรมเนียมของพวกอารยัน เพราะเขาเข้ามาครองอินเดีย แล้วเผยแพร่เรื่องนี้ จริง ๆ แล้วก็คือ แบ่งออกเป็นผู้ปกครอง เป็นฝ่ายศาสนพิธี เป็นพ่อค้า เป็นกรรมกร ระบบเกิดวรรณะไหน ตายวรรณะนั้นก็แปลกดีเหมือนกัน

วรรณะพราหมณ์ที่ยากจนมาก ๆ เลย
อย่างเช่น ชูชก เป็นขอทาน แต่ก็ยังอยู่ในวรรณะสูงลิบ อย่างราธพราหมณ์ ยากจน ถูกลูก ๆ ทอดทิ้ง ก็ต้องไปอาศัยบวชอยู่ในพระพุทธศาสนา เขาไม่ได้เอาเรื่องฐานะทางสังคม เขาเอาฐานะโดยชาติตระกูล คำว่าวรรณะคำนี้จึงแปลว่าชาติตระกูล ที่สุปปิยปริพาชกด่าพระพุทธเจ้าว่า พุทธัสสะ อะวัณณัง ภาสะติ ธัมมัสสะ อะวัณณัง ภาสะติ สังฆัสสะ อะวัณณัง ภาสะติ พระพุทธเจ้าไร้วรรณะ พระธรรมไร้วรรณะ พระสงฆ์ไร้วรรณะ สมัยก่อนด่าประเภทแบบหยาบคายสุด ๆ ดูถูกกันถึงที่สุด

สุปปิยปริพาชกนี่น่ากระทืบมาก ด่าพระพุทธเจ้าเสร็จ พระพุทธเจ้าพักที่ไหนก็ย่องไปพักใกล้ ๆ จนพรหมทัตมานพที่เป็นลูกศิษย์ถามว่า “อ้าว..อาจารย์เพิ่งจะด่าเขา แล้วไปพักใกล้ ๆ เขาทำไม ?” สุปปิยปริพาชกตอบหน้าตาเฉยว่า สมณโคดมเป็นพระอรหันต์ อยู่ที่ไหนพรหมเทวดาก็คอยรักษา เราไปพักใกล้ ๆ เราก็พลอยปลอดภัยไปด้วย คือคนจะด่าเสียอย่าง รู้ทั้งรู้ว่าพระพุทธเจ้าดีแค่ไหนแต่จะด่า"

เถรี 08-05-2015 19:14

"ขำที่สุดคือเจ้าเจค็อบ หมาที่วัด เป็นหมาที่ไม่มีมารยาท หมาทุกตัวในวัดเจอหน้าต้องด่า ปรากฏว่าวันก่อนทำวัตรเช้าเสร็จออกมา ลูกหมากำลังด่า “แง็ก ๆ” อาตมาก็เฮ้ย..ด่าใครวะ ? ไม่เห็นมี ปรากฏว่าพอส่องไฟ โน่น..เกือบสุดแสงไฟ เจ้าเจค็อบยืนอยู่ นี่ขนาดลูกหมาเพิ่งเกิดยังโดนด่าเลย ประเภทหน้าด้านไปซ่าได้ทุกที่ทั่ววัด"

เถรี 09-05-2015 15:35

พระอาจารย์พูดถึงเนปาลว่า "ตอนที่ลาจากกัน ก็บอกเจ้าแม่ว่าเดี๋ยวปีหน้าเจอกันใหม่ เพราะว่าต้องเอากฐินมาทอด เขาบอกว่าปีหน้าก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว อาตมาก็คิดว่าจะมีการเปลี่ยนตัวเจ้าที่ ไม่คิดว่าที่ไม่เหมือนเดิมคือสภาพสถานที่ เขาบอกแล้ว แต่อาตมาไม่เฉลียวใจเอง มานึกถึงที่เขาว่า ปีหน้าก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว..ก็ใช่นะ

ทุกวันนี้เนปาลเขาอยู่ได้ด้วยแหล่งเที่ยว กลายเป็นว่าแหล่งเที่ยวนอกเหนือจาก Everest Base Camp แล้ว ที่เหลือถล่มทลายหมดเลย บริษัททัวร์ที่เคยใช้บริการเขาบอกว่า Staff ของเขาคนหนึ่ง กับคนขับรถ ๓ คน บ้านพังหมดเลย แต่ว่าทุกคนปลอดภัยดี แล้วเขาส่งรูปบ้านใหม่มาให้ดู เป็นเต็นท์ “This my new Home” เมื่อถามว่าจะให้ช่วยเหลืออะไรบ้าง เขาส่งชื่อมูลนิธิมา บอกให้บริจาคให้ที่นั่นแหละ ไม่ต้องส่งมาให้เขา เขาบอกว่าพวกเขายังพออยู่ได้ พวกชาวบ้านที่เดือดร้อนมากกว่าเขามีเยอะ ให้บริจาคเข้ามูลนิธิไปเลย

แต่ท่านวิปัสสีนี่ติดต่อไม่ได้ โทรศัพท์ไปก็ไม่รับ คาดว่าจะมีปัญหาเหมือนกัน ก็เลยคิดว่าถ้าเราไปกฐินปลดหนี้ที่เนปาลปีนี้ จะกลายเป็นไปซ้ำเติมเขา ก็คือว่าเขากำลังเดือดร้อนเรื่องกินเรื่องใช้ ของเขาเองก็ไม่พอแล้ว ถ้าเราไปก็ไปแย่งกินแย่งใช้ ก็เลยคิดว่าอย่าไปเลยดีกว่า ถ้าอย่างไรให้ท่านมารับที่นี่ก็ได้ ไม่นึกเลยว่าจะเละได้ขนาดนั้น

รัฐบาลที่ล้มสถาบันกษัตริย์ ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกชาวบ้าน พอได้อำนาจมาก็ปกครองไม่เป็น นายกรัฐมนตรีอยู่คนหนึ่ง ๘ เดือน ๑ ปี ๒ ปี แล้วก็ลาออก ๆ เพราะทำงานไม่เป็น ชาวบ้านเขาอยู่ได้ด้วยรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างเดียว แต่กลายเป็นว่าที่ท่องเที่ยวพังหมดเลย ดูที่เขาเอาโดรนถ่ายรูปออกมา ที่ไหนที่เคยไปเที่ยว ที่นั้นแหละที่พัง

คนเราถ้าไม่ได้สร้างกรรมไว้ อย่างไรก็ไม่โดน เด็กเพิ่งจะ ๔ เดือนแท้ ๆ โดนฝังอยู่เป็นวันกลับไม่เป็นไร หน่วยกู้ภัยคุ้ยขึ้นมา มอมแมมไปทั้งตัว

พระเราเป็นหน่วยแรก ๆ เลยที่ส่งความช่วยเหลือไป เพราะทางหลวงพ่อวัดปากน้ำบริจาคเองเลย ๒ ล้านบาท แล้วก็ทางคณะสงฆ์รวม ๆ กัน ชุดแรกที่ไป มีพวกบะหมี่แห้ง ๑,๐๐๐ ลังใหญ่ ลังใหญ่ที่มี ๑๒ ลังเล็ก แล้วก็มีพวกข้าวสารอีกเป็น ๑๐๐ กระสอบ

ไปนึกถึงตอนของเราที่เกิดสึนามิ ก็คงโกลาหลวุ่นวายกันแบบนี้แหละ เพียงแต่ว่าของเราเองไม่คิดว่าเรื่องอย่างนี้จะเกิด ระบบการจัดการก็เลยช้า เรื่องพวกนี้เป็นช่วงเวลาที่จะได้เห็นน้ำใจของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ตัวเองลำบากยากแค้นขนาดไหน เห็นเขาลำบากก็ช่วยกัน"


ถาม : ทำกรรมอะไรมาจึงโดนแบบนั้น ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ก็เป็นกรรมที่ร่วมกันมา เกี่ยวกับเรื่องของปาณาติบาต กับอทินนาทาน ส่วนใหญ่ก็ปล้นบ้านตีเมืองเขานั่นแหละ

เถรี 09-05-2015 17:38

ถาม : ผมภาวนาคาถาเงินล้าน สมาธิดีขึ้นช้า ๆ อยากถามว่า ปัจจุบันควรทำอย่างไร ?
ตอบ : ใช้เป็นกรรมฐานไปเลย ภาวนาเมื่อไรใช้คาถาเงินล้าน คำภาวนาเป็นเครื่องโยงใจให้เป็นสมาธิ ในเมื่อใจเป็นสมาธิแล้วมีผลพิเศษด้วย จึงให้เอาคาถาเงินล้านเป็นหลัก

เถรี 09-05-2015 17:58

ถาม : รูปปั้นพระสยามเทวาธิราชหล่นลงมาหัก ควรจัดการอย่างไรครับ ?
ตอบ : เอากาวต่อ แล้วก็บูชาเหมือนเดิม ไม่มีอะไรหรอก

เถรี 09-05-2015 18:04

ถาม : ต้องการจะทำบุญอุทิศให้เจ้าของยาเก้าร้อย แล้วเจ้าของท่านคือใครคะ ?
ตอบ : ถ้านึกถึงใครไม่ออก ก็นึกถึงเจ้าของยา ปู่หมอชีวก น่าเสียดายคนเก่งขนาดปู่หมอชีวกปัจจุบันนี้ไม่มีแล้ว ไม่อย่างนั้นท่านรักษาได้ทุกโรคจริง ๆ

ไปดูในเว็บวัดท่าขนุน มียาฟอกเลือดของท่าน ท่านบอกเอาไว้ ตอนนั้นยังรับสังฆทานอยู่ที่บ้านอนุสาวรีย์แล้วท่านมา คนลองเอาไปกินดูหลายคนแล้วได้ผล คาดว่าถ้าไม่ใช่โรคขั้นร้ายแรงอย่างเอดส์น่าจะหาย ฟอกเลือดพวกเลือดเป็นพิษ

แต่พอสิ้นหลวงปู่ธรรมชัยแล้ว คนที่อยู่ก็ไม่เก่งอย่างนั้น เขาได้แต่ตำรายาไว้ แต่ตรวจโรคไม่เป็น สมัยก่อนหลวงปู่ท่านหลับตาลง บอกได้เลยว่าป่วยเป็นโรคอะไร กี่วัน กี่เดือน กี่ปี บอกรายละเอียดได้ แต่คราวนี้คนรุ่นหลังได้แต่ตำรายา ไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไร ก็รักษามั่ว

เถรี 10-05-2015 13:30

ถาม : ไปหาแม่ชีทศพรมา ทำไมเขาฝึกได้ขนาดนี้เลยหรือครับ ?
ตอบ : ของเก่าเขาเคยทำมา ถึงเวลาก็แค่ใช้ของเก่าเท่านั้น เหมือนกับเขียนหนังสือ ถ้าพวกเราอยู่อนุบาล กว่าจะปั้น ก.ไก่ ได้ตัวหนึ่ง แทบล้มประดาตาย ส่วนตอนนี้เขียนอะไรก็ได้ ก็เหมือนกันนั่นแหละ

ถาม : ทำไมคนทำได้แบบแม่ชีจึงมีน้อย ?
ตอบ : ใครว่าน้อย มีเยอะแยะไป เพียงแต่เขาไม่ได้แสดงตัวเท่านั้นเอง หลายคนคิดว่าตัวเองบ้าด้วย มีบางคนอยู่ใกล้คนอื่นแล้วรู้สึกเครียด เพราะสิ่งที่เขาคิดกับสิ่งที่เขาพูดไม่เหมือนกัน

ถาม : เราคิดอีกอย่าง แต่พูดอีกอย่างหรือครับ ?
ตอบ : แบบนั้นแหละ ตรงนั้นทำให้เขาสับสน มีคนมาบ่นกับอาตมาหลายคนแล้ว บอกว่าแล้วจะไปฟังทำไม เขาอยากคิดอะไรก็ให้เขาคิดไปสิ

เถรี 10-05-2015 13:33

ถาม : บางครั้งไหว้พระอยู่ แต่ในใจก็ด่าพระ ก็คิดว่าไม่ใช่เราอยู่แล้ว ?
ตอบ : ต้องใช่สิ ถ้าไม่ใช่แล้วจะคิดได้อย่างไร ไม่เคยเห็นของฝรั่งหรือ ? ตัวมีปีกกับตัวมีหาง นั่งเถียงกันอยู่ ๒ ข้างหัว สภาพจิตที่ใฝ่ต่ำ กับสภาพจิตที่รักความดี

ถาม : ยากนะครับ อย่างนี้เราก็สร้างมโนกรรมตลอดเวลา ?
ตอบ : แน่นอน โอกาสที่จะหลุดพ้นยากมาก

ถาม : นึกถึงพระนิพพานตลอดก็หลุดพ้นไม่ใช่หรือครับ ?
ตอบ : คราวนี้เรานึกถึงได้ตลอดไหมล่ะ ? ขนาดไหว้พระอยู่ยังนึกด่าพระได้

เถรี 10-05-2015 13:37

ถาม : ตอนผมบวช กำลังทำวัตรทรงอารมณ์อยู่ ภาพลอยมาแก้ผ้าทั้งตัวเลย ?
ตอบ : เรื่องปกติ เราฝึกเรื่องพวกนี้มากี่ชาติแล้ว ? ส่วนกรรมฐานเราฝึกมากี่วัน ? เรื่องนั้นเราชำนาญมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว

ถาม : แสดงว่าเป็นจิตใต้สำนึกเราเอง ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าทุกอย่างที่อยู่ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นของในอดีตที่ทำมา ขึ้นอยู่กับว่าเราฟื้นความดีมาใช้งาน หรือเราฟื้นความชั่วมาใช้งาน ถ้าฟื้นความดีมาใช้งานก็ได้อย่างแม่ชี ถ้าฟื้นความชั่วมาใช้งาน ก็เหมือนกับเราอย่างที่เป็นทุกวันนี้

ถาม : ผมนึกว่ามารมาขวางเสียอีก เพื่อไม่ให้เราทำความดี ?
ตอบ : ก็ใช่อยู่ เพียงแต่ว่าเขาก็เอาการกระทำของเรานั่นแหละมาขวางเรา พวกนี้เหมือนเล่นยิวยิตสู อาศัยแรงคนอื่นทำร้ายคนอื่น

ถาม : ผมจะสู้เขาได้อย่างไรครับ ยากมากเลย ?
ตอบ : ก็อย่าออกแรง ไม่ออกแรงเขาก็ทำอะไรไม่ได้ คราวนี้การไม่ออกแรงก็คือหยุด หยุดกายกรรม หยุดวจีกรรม หยุดมโนกรรม พอไม่มีแรง ตัวปฏิกิริยาก็ไม่มี ไม่มีกิริยา ปฏิกิริยาก็ไม่มี ก็ในเมื่อไม่มี Action ก็ไม่มี Anti-action ต้องอธิบายเป็นภาษาอังกฤษถึงจะเข้าใจ อาตมาพูดไทยก็แล้ว พูดบาลีก็แล้ว ยังไม่เข้าใจเสียที

เถรี 10-05-2015 13:41

ถาม : แม่ชีช่วยคนเขาไม่รับกรรมหรือครับ เพราะไปขวางกรรมชาวบ้าน ?
ตอบ : สายโพธิสัตว์เขาไม่กลัวเรื่องแค่นั้นหรอก หนักกว่านั้นเขาก็ทำ เพื่อความสุขของคนหมู่มาก ตัวเองจะลงนรกเป็นเรื่องเล็ก เรายังทำกำลังใจไม่ได้อย่างเขาเลย พูดง่าย ๆ ว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้ ถึงเวลาพอเห็นคนอื่นลำบากก็ช่วย ไม่เคยคำนึงเลยว่าช่วยแล้วตัวเองจะเดือดร้อนอะไร ไม่เสียเวลาไปคิด

ถาม : พระโพธิสัตว์ท่านเหนื่อยรากเลือดจริง ๆ ?
ตอบ : อยู่ในดีเอ็นเอมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว ถึงเหนื่อยก็ไม่เลิกหรอก

ถาม : จริง ๆ ก็ไม่ต้องเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ แค่ช่วยเหลือคนไปเรื่อยก็พอ ?
ตอบ : ก็ไม่ได้คิดจะเป็นหรอก แต่ทำไปทำมากติกาครบก็เลยต้องเป็น

ที่พูดนี่ไม่ใช่ค้านนะ แต่พูดตามปฏิปทาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม เพราะท่านก็ทำของท่านไปเรื่อย สมัยนั้นมีใครรู้บ้างเล่าว่าทำแล้วจะได้เป็นพระพุทธเจ้า ? ท่านนึกอยากจะช่วยเขา ท่านก็ช่วยไปเรื่อย แต่ช่วยไปช่วยมาแล้วกติกาครบก็เลยเป็น รุ่นหลัง ๆ ก็อยากช่วยแบบนั้นบ้าง แต่คราวนี้ตัวอย่างมีแล้ว ก็ขอเป็นอย่างนั้นบ้างก็แล้วกัน


ถาม : พอทำไปกำลังใจก็ไม่กลัวอะไร ?
ตอบ : ถ้าท่านกลัว ท่านคงตัดหัวตัวเองถวายพระไม่ได้หรอก

เถรี 10-05-2015 13:48

ถาม : มีไหมที่ใช้กรรมในนรกยังไม่หมด คือยังไม่ถึงวาระ แต่ไปจุติที่อื่น ?
ตอบ : ถ้ากรรมใหญ่ก็ใช้หมด ยกเว้นว่ามีบุญเก่าบางอย่างเข้ามา ก็จะทำให้ช่วงจังหวะนั้นไปรับบุญก่อน แต่ถ้าพลาดเมื่อไรของเดิมก็กลับมาอีก

ถาม : ก็หมายความว่า ?
ตอบ : ถ้ากระแสบุญแรงกว่า บางทีบุญก็ชักนำให้ไปก่อน แบบที่ว่าบางท่านเห็นไฟนรกแล้วไปนึกถึงจีวรพระ ก็จะอันตรธานออกจากที่นั่นไป แต่ถ้าไม่ได้ทำความดีอะไร กุศลที่นึกขึ้นมาได้แค่นั้นหมด เดี๋ยวก็ได้ลงใหม่

เถรี 10-05-2015 14:23

พระอาจารย์กล่าวถึงประเทศเนปาลว่า "ความจริงเจ้าที่เขาบอกไว้แล้ว แต่อาตมาไม่เฉลียวใจเอง คือก่อนจะกลับบอกท่านว่า “เดี๋ยวปีหน้าเจอกัน” เขาก็ทำหน้าเศร้าบอกว่า “ปีหน้าก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว” อาตมาก็คิดว่าเขาจะมาทำโศกอะไรกับเรา ไปคิดว่าจะมีการเปลี่ยนตัวเจ้าที่อะไรไปโน่น ไม่คิดว่าไม่เหมือนเดิมของท่านคือพังทลายหมดแล้ว"

ถาม : เกี่ยวกับที่เขาฆ่าสัตว์ ฆ่าวัวไหมครับ ?
ตอบ : อันนั้นแค่นิดเดียว อันนี้เป็นกรรมเก่า กรรมเก่าประเภทไปปล้นบ้านตีเมืองเขามา ถึงเวลาก็ต้องสูญเสียทรัพย์สินและชีวิต

ถาม : แล้วเราจะรอดจากกรรมตีบ้านตีเมืองไหมครับ ?
ตอบ : โดนแน่ แต่ถ้าเราโดน พม่าจะโดนด้วย สังเกตไหมว่าพอเราก็โดนสึนามิ นาร์กีสก็ถล่มพม่า

ถาม : ทำไมเราจึงต้องเกี่ยวเนื่องกับพม่าด้วย ?
ตอบ : ก็ผลัดกันตี เขาฟาดเรา เราฟาดเขา ใครโดนอีกฝ่ายก็โดนตามไปด้วย


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:50


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว