กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=39)
-   -   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5961)

เถรี 24-12-2017 08:19

เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๐
 
ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติ คือความรู้สึกทั้งหมดของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราหายตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ เมื่อวานนี้ได้กล่าวถึงว่า สำหรับผู้ปฏิบัติใหม่ ถ้าเราไม่สามารถรักษากำลังใจอยู่กับคำภาวนานาน ๆ ได้ ก็ให้ใช้พระคาถาบทต่าง ๆ ที่เราเคยศึกษา เคยเรียนรู้มาในการภาวนา โดยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป

สำหรับวันนี้ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่จะรักษากำลังใจในการปฏิบัติภาวนาของพวกเรา ให้อยู่กับลมหายใจได้นานขึ้น ก็คือเมื่อท่านทั้งหลายจับลมหายใจเข้าออก คืออานาปานสติไปสักระยะหนึ่งแล้ว เริ่มสามารถจับได้ชัดเจน สภาพกำลังใจของเราเกาะเกี่ยวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับลมหายใจเข้าออกและคำภาวนา

เมื่ออยู่กับลมหายใจเข้าออกได้มั่นคงดีแล้ว ก็คลายกำลังใจลงมานิดหนึ่ง แล้วก็คิดถึงอนุสติ คือ การระลึกถึงความดีต่าง ๆ อีก ๙ ประการด้วยกัน ได้แก่ การนึกถึงความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะว่าตามหลักของ อิติปิ โสฯ ก็ได้ หรือจะพิจารณาว่าพระองค์ท่านมีคุณความดีหลัก ๆ ก็คือพระปัญญาธิคุณอันล้ำเลิศ พระบริสุทธิคุณอันประเสริฐ และพระกรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ก็ได้

เมื่อเราระลึกจนกระทั่งรู้สึกว่าสบายใจแล้ว มีสภาพจิตที่เกาะเกี่ยวอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแน่นแฟ้นดีแล้ว ก็คลายกำลังใจออกมา ระลึกถึงคุณความดีของพระธรรมว่า ช่วยรักษาตัวเราไม่ให้ตกไปในทางที่ชั่ว พระธรรม ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ย่อลงมาแล้ว เหลือมรรค ๘ ซึ่งก็คือ ศีล สมาธิและปัญญา ท้ายสุดก็เหลือการประคับประคองรักษาความดีไว้โดยไม่ประมาท

เถรี 24-12-2017 08:21

เมื่อกำลังใจของเรายึดมั่นในพระธรรมแน่นแฟ้นดีแล้ว ก็คลายกำลังใจลงมานิดหนึ่ง ระลึกถึงความดีของพระสงฆ์ว่า เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติชอบ นำเอาพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเผยแผ่แก่พวกเรา

พอกำลังใจของเราทรงตัวมั่นคงแล้ว ก็คลายกำลังใจลงมา พิจารณาถึงคุณความดีของเทวดาว่า อย่างน้อยต้องมีความละอายชั่ว กลัวบาป มีศีลบริสุทธิ์ หรือถ้าสูงกว่านั้นก็สามารถทรงฌานสมาบัติได้ หรือถ้าหากว่าเป็นพระวิสุทธิเทพ คือเทวดาผู้บริสุทธิ์สิ้นเชิงก็คือ สามารถตัดกิเลสเป็นสมุทเฉทปหาน เข้าสู่พระนิพพานได้

เมื่อกำลังใจของเราแนบแน่นอยู่กับคุณความดีของเทวดาแล้ว ก็คลายกำลังใจออกมา ระลึกถึงคุณของศีลว่า รักษากาย วาจา ของเราไม่ให้คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว ซึ่งเป็นกิเลสส่วนที่จะออกมาทางกายและวาจา ทำให้เราไม่เป็นผู้มีความโหดร้าย มือไว ใจเร็ว พูดปด หมดสติ คุณของศีลจะป้องกันอบายภูมิไม่ให้เกิดขึ้นแก่เรา

เมื่อกำลังใจทรงตัวก็คลายออกมานิดหนึ่ง แล้วมาพิจารณาในส่วนคุณของการบริจาคให้ทาน ว่าสามารถช่วยลดความโลภในจิตในใจของเราลงได้ ทำให้กิเลสใหญ่หมดกำลังลงไปตัวหนึ่ง

เถรี 26-12-2017 09:19

เมื่อพินิจพิจารณาถึงการบริจาคในรูปแบบต่าง ๆ จนเรามีกำลังใจพร้อมในการสละออกแล้ว ก็มาพิจารณาถึงความตาย ด้วยความไม่ประมาทในชีวิตของเรา ว่าความตายสามารถเข้าถึงมนุษย์และสัตว์ทุกรูปทุกนาม ไม่ว่าจะอายุน้อย อายุปานกลาง หรืออายุมาก ก็จะต้องตายด้วยกันทั้งสิ้น เราต้องเร่งสั่งสมความดีให้มากเข้าไว้ เพื่อที่ภพภูมิหรือที่ไปของเราจักได้แน่นอนว่าเป็นไปในด้านดี คือสุคติภูมิ เป็นต้น

เมื่อกำลังใจของเราเกาะเกี่ยวอยู่กับความไม่ประมาท พร้อมที่จะปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญาแล้ว ก็คลายกำลังใจออกมา พินิจพิจารณาสภาพร่างกายของตน ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่แท่งทึบ ประกอบไปด้วยเครื่องจักรกลน้อยใหญ่ คืออวัยวะภายนอก อวัยวะภายใน

เมื่อเอาหนังออกก็เหลือแต่เลือด เนื้อ ไขมัน เส้นเอ็น เมื่อเอาเนื้อออก ก็เหลือแต่อวัยวะภายใน เส้นเลือด เส้นเอ็นทั้งปวงและโครงกระดูก เป็นต้น พิจารณาให้ชัดเจนว่าร่างกายประกอบไปด้วยตับ ไต ไส้ ปอด ม้าม หัวใจ อว้ยวะน้อยใหญ่ทั้งสิ้น ตัวเราก็เป็นเช่นนี้ ผู้อื่นก็เป็นเช่นนี้ เรามีสภาพเหมือนอย่างกับผีที่เดินได้ จนกระทั่งเกิดความรังเกียจในร่างกาย ปราศจากความต้องการในร่างกายของตนเอง ปราศจากความต้องการในร่างกายของคนอื่น

เมื่อกำลังใจของเราเห็นชัดแล้ว ถอนสภาพจิตนั้นออกมา ส่งไปเกาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน ตั้งกำลังใจสุดท้ายของเราว่า ถ้าเราหมดอายุขัยตายลงไปก็ดี หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ก็ตามจนถึงแก่ชีวิต เราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว แล้วรักษาอารมณ์ของเราให้จดจ่อแน่วนิ่งอยู่กับพระนิพพานเอาไว้ ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ก็ได้ชื่อว่าท่านทั้งหลายตามระลึกถึงคุณความดีทั้ง ๑๐ ประการในพระพุทธศาสนาได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ถ้าหากว่าต้องการความดีมากกว่านั้น เมื่อระลึกถึงจนกระทั่งอารมณ์ใจเราทรงตัวแล้วก็ให้จับลมหายใจภาวนาต่อไป

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๐

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้า)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:13


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว