กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=18)
-   -   ตำราเป็นเพียงแนวทางเท่านั้น (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2677)

โอรส 19-05-2011 01:00

ตำราเป็นเพียงแนวทางเท่านั้น
 
ถาม : .........................................
ตอบ : ได้จ้ะ ไม่เป็นไร คนที่เดินทางโดยปราศจากแผนที่ แสดงว่ามีความกล้าหาญมากกว่าปกติ ...(หัวเราะ)... อย่างน้อยต้องมีแผนที่เอาไว้ ถึงเวลาจะได้รู้ว่าแต่ละอย่างที่เราทำไป เวลาเราพบเราเห็นแล้วเป็นอย่างไร จะได้รับมือได้ถูก

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ก่อนที่คณะของท่านจะบวช หลวงปู่ปานส่งหนังสือวิสุทธิมรรคให้คนละเล่ม เอาไปอ่านแล้วจำให้ได้ครบทั้งสี่สิบกอง ว่าแต่ละกองของกรรมฐานมีอะไรเป็นนิมิต ? มีสัญลักษณ์อย่างไร ? แต่ละขั้นตอนมีอาการอย่างไร ? ต้องจำให้ได้หมด จำได้เมื่อไรแล้วมาบอก

หลังจากนั้นท่านก็เริ่มให้ไปทีละกอง เพราะว่าตอนปฏิบัตินั้น ตัวของเราไม่ได้เกิดมาชาติเดียว เกิดมาหลายต่อหลายชาติ ถ้าหากว่าต้องการจะปฏิบัติ คือถึงระดับปรมัตถบารมีแล้ว..ใช่ไหม ?


สามัญบารมีให้ทานได้ รักษาศีลและเจริญภาวนาไม่ได้
อุปบารมีให้ทานได้ รักษาศีลได้ บอกให้ภาวนาก็ทำไม่ได้
พวกภาวนาต้องปรมัตถบารมี

คราวนี้กว่าจะถึงปรมัตถบารมี เราเกิดตายมานับชาติไม่ถ้วน ของที่ได้มาก่อนนั้นมีเยอะอยู่ เพราะฉะนั้น..ที่ท่านต้องบังคับให้จำได้ทั้งหมด เพราะว่าเวลาทำไป ๆ ของเก่าจะคืนมา

โอรส 19-05-2011 01:01

ถ้าหากว่าฟังในปฏิปทาท่านผู้เฒ่าจะเห็นว่าหลวงปู่ปานบอกว่า "ถ้าหากว่านิมิตเกิดขึ้นให้ละเสีย เอาแต่กองกรรมฐานอย่างเดียว ถ้าไม่ใช่นิมิตในกองกรรมฐานไม่เอา" อยู่ ๆ ปรากฏว่ามีกะโหลกศีรษะลอยมา มีกระดูกลอยมาทีละท่อน ๆ ผ่านไป ๆ พอครบแล้วก็เริ่มต้นลอยมาใหม่ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็ละทิ้งหมดตามครูบาอาจารย์บอก ไม่ยอมให้ความสนใจ พอไม่สนใจก็ยิ่งมาใหญ่

พอตอนเช้ากำลังจะฉันเช้าหลวงปู่ปานก็ถามว่า "เป็นอย่างไรคุณ..เมื่อคืนนี้ผีหลอกหรือ ?"
หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า "ไม่ใช่ครับ กระดูกมันหลอน"

หลวงปู่ปานท่านถามต่อ "แล้วคุณทำอย่างไรล่ะ ?"
หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านตอบว่า "ผมก็ช่างมันตามแบบหลวงพ่อสอน"

หลวงปู่ปานท่านว่า "ไอ้นั่นมันช่างเผือกซะแล้ว ไม่ได้ช่างมัน"...(หัวเราะ)... ไอ้ที่ช่างเผือกเพราะว่านั่นเป็นกรรมฐานเก่า เขาเรียกว่า "อัฏฐิกัง ปะฏิกุลัง" เป็นอสุภกรรมฐานกองหนึ่ง
หลวงปู่ปานท่านบอกต่อว่า "ต่อไปถ้าเห็นอย่างนั้น กะโหลกศีรษะลอยมาให้กำหนดใจให้ตกอยู่ตรงหน้า กระดูกคอลอยมาก็ให้ตกอยู่ตรงหน้าต่อ ๆ ๆ กันให้เป็นตัวทั้งตัว แล้วก็พิจารณาต่อไปเลย"
หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า "แหม...เจ็บใจ ...ให้เราละเราก็ละ แต่ที่ไหนได้ไปเจอนิมิตที่ต้องยึด"

คราวนี้ท่านก็เลยเล่นอสุภกรรมฐานกองนั้นจนกระทั่งช่ำใจ พออารมณ์ใจทรงเต็มที่ จิตจะมัวไปนิดหนึ่ง ลักษณะเหมือนกับเคลื่อนไปแวบหนึ่ง แล้วปรากฏเป็นแสงไฟขึ้นมาแทน ตอนนี้ท่านรู้แล้ว แสดงว่ากรรมฐานกองเดิมถึงจุดเต็มที่แล้วก็คลายตัวลง กรรมฐานเก่าที่เคยทำได้กองใหม่ที่โผล่ขึ้นมาเป็นเตโชกสิณ ท่านก็จับ เตโชกสิณังต่อไปเลย ท่านบอกว่ายอมโง่ครั้งเดียว ครูบาอาจารย์ท่านบอกให้ละก็ละ ตอนนี้มาเจอที่ต้องยึดก็ยึดละนะ

คราวนี้รู้อยู่ว่าแต่ละอาการของกรรมฐานเป็นอย่างไร ? นิมิตเป็นอย่างไร ? ท่องตำรามาจนช่ำใจแล้วก็จำได้ จำได้ก็ต่อได้ทีเดียวเลย ไม่ต้องเสียเวลาไปถามครูอาจารย์

โอรส 19-05-2011 01:01

เพราะฉะนั้น..ต้องยึดตำราไว้บ้างเพื่อใช้เป็นหลัก แต่ไม่ใช่กอดตำราตายไปเลย เพราะสิ่งที่ตำราเขียนไว้เป็นแค่ส่วนหยาบ ๆ สิ่งที่เราพบเองเห็นเองจะเป็นส่วนที่ละเอียด ละเอียดจนถึงระดับที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็น "ปัจจัตตัง" ผู้ที่พบเห็น รู้เห็นด้วยตัวเอง ถึงจะเข้าใจว่าเป็นอย่างไร

อย่างเช่นท่านบอกว่า "พออารมณ์ใจเข้าถึงตัวสุข จะสุขเยือกเย็นอย่างบอกไม่ถูก" บอกไม่ถูกจริง ๆ อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ คนเราโดนไฟราคะ โลภะ โทสะ โมหะ สี่กองเผาอยู่ตลอดเวลา ทันทีที่กำลังใจก้าวเข้าสู่ความเป็นฌาน ไฟสี่กองจะโดนอำนาจของฌานดับลงไปชั่วคราว คนที่โดนไฟเผาอยู่ตลอดเวลา อยู่ ๆ ไฟดับไป จะสุขสบายขนาดไหนบอกถูกไหม ? อธิบายเป็นคำพูดได้ไหม ? ไม่ได้หรอก

ในเมื่อเป็นลักษณะอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าไปกอดตำราตายตัว ถ้ากอดตำราตายตัว เราจะไม่เข้าใจอะไรมากไปกว่าตำราที่เขียน ซึ่งเป็นส่วนที่หยาบ เพราะส่วนละเอียดที่พบจริง ๆ จะละเอียดเกินกว่าที่คำพูดและตัวหนังสือจะอธิบายได้

ขณะเดียวกันถ้าเปรียบกับแผนที่ เขาขีดให้ไปทางด้านนี้ เราจะเห็นเส้นตรงขีดจากกรุงเทพฯ ตรงไปปทุมธานี ขึ้นไปอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท ไปถึงวัดท่าซุง แต่พอวิ่งไปเข้าจริง ๆ ดูสิ..ไม่ใช่ขีดอย่างที่เห็นแล้ว เดี๋ยวโน่นก็ตึก เดี๋ยวนี่ก็ห้างสรรพสินค้า เดี๋ยวโน่นก็สะพานลอย เยอะแยะไปหมด ตามแต่สภาพที่เราประสบในลักษณะของการปฏิบัติจริง


เพราะฉะนั้น..ตำราจะเป็นแค่แนวทางคร่าว ๆ เท่านั้น ที่จะให้เรารู้ได้ว่าจะเจออะไรบ้าง พอถึงเวลาแล้วเราก็ต้องจัดการกับสิ่งที่พบเห็นด้วยตัวเอง ตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยเฉพาะอารมณ์การตัดสินใจด้วยตัวเองอันนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าทำได้ทำถูกวิธี ต่อไปกรรมฐานทุกกองก็เหมือนกัน ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ ยังตัดสินใจไม่ถูก ทำไปก็ก้าวหน้ายาก บางครั้งก็ไม่ได้อะไรเลย

สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๕

ตั้มศักดิ์ 20-05-2011 06:25

ขออนุญาตนำไปเผยแพร่ในเว็บพลังจิตครับ

อุทัยภัทร 20-05-2011 19:08

ขออนุญาตนำไปเผยแพร่ ณ เว็บไซต์ญาณทิพย์ครับ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:19


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว