กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=20)
-   -   อัศจรรย์ใจหลาย (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6764)

ทายก 12-09-2019 13:18

อัศจรรย์ใจหลาย
 
อัศจรรย์ใจหลาย

ทายก 12-09-2019 13:19

นิยาม
 
การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
อธิบายแบบย่อ ๆ
คือ การควบคุมโดย การควบคุมอาหารและการนำพลังงานสะสมมาใช้งาน
- การควบคุมอาหาร คือ การกินอาหารให้พอดี เพื่อร่างกายจะได้นำมาใช้ให้หมดไป
- การนำพลังงานสะสมมาใช้งาน คือ การทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ร่างกายได้ใช้พลังงาน โดยในระหว่าง ที่ทำไม่กินหรือดื่มสารใด ๆ ที่ให้พลังงาน เพื่อร่างกายจะได้นำเอาพลังงานสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมาใช้งาน เว้นแต่กินหรือดื่มได้เฉพาะน้ำเปล่า ส่วนระยะเวลาที่ทำ อยู่ที่ประสบการณ์และความต้องการ

ทายก 12-09-2019 13:20

เหนื่อย ฺ(Burn to Be)
 
การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
อธิบายแบบยาว ๆ
ในวัยเจริญเติบโต ร่างกายต้องการพลังงานจากสารอาหารที่เรากินเข้าไป เพื่อเสริมสร้าง ซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของร่างกายและยังใช้เป็นพลังงานในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ทำให้ร่างกายต้องการพลังงานมาก และเมื่ออายุมากขึ้น เลยวัยเจริญเติบโต ระบบร่างกายที่เกี่ยวเนื่องกับการเจริญเติบโต บางส่วนหยุด บางส่วนปรับลดการทำงานลง เพื่อความอยู่รอดของชีวิตและ... ความเป็นจริง ร่างกายเริ่มก้าวเข้าสู่สภาวะความเสื่อม ซึ่งเป็นเรื่องปกติของร่างกาย เมื่อร่างกายเสื่อม การทำงานก็ย่อมไม่เต็มประสิทธิภาพ มีความผิดปกติ จากการที่ร่างกายได้ปรับลดระบบต่าง ๆ ที่ไม่ได้ใช้งาน รวมไปถึง ระบบย่อย ระบบดูดซึมและระบบเผาผลาญ เมื่อระบบย่อยทำงานช้าลง การนำไปใช้ก็ช้าตาม เวลานำไปใช้ ก็ใช้หมดบ้าง ไม่หมดบ้าง แรก ๆ ขาด หลัง ๆ เกิน ส่วนมากเกิน เพราะพลังงานเก่าที่ได้กินหรือรับมาใช้ไม่ทันหมด พลังงานใหม่ก็เพิ่ม เติมเข้ามาอีก จึงทำให้มีส่วนที่ตกค้าง สะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย จะมีสะสมมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับที่เรากินเข้าไป ในแต่ละวันและกิจกรรมที่ทำ สารอาหารที่ร่างกายได้รับ บางส่วนนำไปใช้ได้เลย บางส่วนจะต้องย่อย บางส่วนเปลี่ยนสภาพไปเป็นน้ำตาล เพื่อความง่ายในการดูดซึมและนำไปใช้เป็นพลังงาน และนี่... คือ ที่มาของค่าระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งในปัจจุบัน มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และมีค่าเกินกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ คือ ไม่เกิน ๑๒๐ มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร

ทายก 12-09-2019 13:21

เพราะว่าดื้อ (Do It Yourself)
 
การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ที่ผ่านมา ผมทำการแก้ไขได้สำเร็จ มี ๒ วิธี คือ ควบคุมอาหารและใช้พลังงาน
- การควบคุมอาหาร คือ การควบคุมปริมาณอาหารและการควบคุมระยะเวลาในการกินอาหาร เพื่อให้ร่างกายได้ดึงเอาพลังงานที่ได้รับเข้าไปมาใช้งาน ให้พอเหมาะพอดี ไม่เหลือเก็บ ตกค้าง สะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมากเกินไป
------ การควบคุมปริมาณอาหาร คือ การควบคุมปริมาณสารอาหารที่เรากินเข้าไป เพื่อความเหมาะสมตามความต้องการของร่างกาย

------ การควบคุมระยะเวลาในการกินอาหาร คือ การจำกัดเวลาไม่ให้กินเกินเวลาในแต่ละวัน โดยประมาณ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการใช้พลังงาน
------ อาหารที่เหมาะสม ไม่ระบุประเภท กินได้ตามปกติของคนทั่ว ๆ ไปกิน กินให้พอดี อิ่ม ตามการควบคุมปริมาณอาหารและระยะเวลาในการกินอาหาร
- การควบคุมอาหารแบบเข้มข้น คือ การเพิ่มเวลาการอดอาหารหรือเพิ่มระยะห่างของมื้ออาหาร เพื่อร่างกายจะได้มีเวลานานพอที่จะดึงหรือนำเอา พลังงานสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมาใช้งาน มีหลายแบบหรือระดับ เรียกตามระยะเวลาของการกินต่อการอดอาหาร หน่วยนับคิดเป็นชั่วโมง ยกตัวอย่างเช่น
------ ๖/๑๘ คือ การกินอาหาร กี่มื้อ ไม่ระบุ ภายใน ๖ ชั่วโมงและอดอาหาร ๑๘ ชั่วโมง
------ ๑/๒๓ คือ การกินอาหารภายใน ๑ ชั่วโมงและอดอาหาร ๒๓ ชั่วโมง เรียกย่อ ๆ ว่า กิน ๑ ชั่วโมง อด ๒๓ ชั่วโมง
----- ในกรณีที่ต้องการเพิ่มความเข้มข้นขึ้นไปอีก ทำได้โดยการเพิ่มระยะเวลาความห่างของมื้ออาหารหรือเวลาอดอาหารออกไปอีก เช่น ๑/๓๖, ๑/๔๘, ๑/๖๐ หรือ ๑/๗๒ หรือ ๑/… ฯ ซึ่งการจะเลือกใช้ระยะ เวลาเท่าไรนั้น ดูที่ความพร้อมของร่างกาย และมีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติของร่างกายของตนเองให้เหมาะสมตามสภาวะ เพศและวัย ส่วนการเพิ่มเวลาเพื่อเพิ่มความเข้มข้นนั้น ค่อย ๆ ทำ ค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลา เพื่อให้เวลาร่างกายปรับสภาพเอง และเพื่อให้ร่างกายรู้จักดึงหรือนำเอาพลังงานสะสมออกมาใช้งาน พร้อมกับบันทึกความเปลี่ยนแปลง เปรียบเทียบค่าต่าง ๆ ทั้งวันที่ ช่วงเวลา ระดับน้ำตาลในเลือด ความดันเลือดและการเต้นของหัวใจ ตามมาตรฐานที่แพทย์กำหนดไว้สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึง คือ คำว่า ไม่หักโหม ไม่บีบคั้น ไม่ทรมานร่างกายจนเกินไป ค่อย ๆ ทำ ค่อย ๆ ปรับสภาพ เพื่อความเหมาะสมกับวิถีชีวิตในปัจจุบัน ซึ่งวัตถุประสงค์ของเรานั้น เพียงแค่ต้องการลดการสะสม ไม่เก็บหรือไม่สำรองพลังงานในร่างกายไว้มากเกินไป

ทายก 12-09-2019 13:22

ต้องเข้าใจ (Just you know why)
 
- ในการควบคุม ระดับน้ำตาลในเลือด ที่ขาดไม่ได้ก็คือ น้ำ ในที่นี้หมายถึงน้ำสะอาด สำหรับดื่ม กินและที่สำคัญที่ต้องทำความเข้าใจ คือ เรื่องของอุณหภูมิของน้ำ ซึ่งระบบทางเดินอาหารต้องสัมผัสและดูดซึมโดยตรง สรุปผลได้ดังนี้
-----น้ำเย็น มีอุณหภูมิต่ำ เมื่อดื่มน้ำเย็นจะทำให้อุณหภูมิของร่างกายต่ำลงและมีผลให้ผนังของระบบทางเดินอาหารหด บีบ รัด คล้ายการดูดซึมหรือเหมือนกับหลอกระบบดูดซึมให้ทำงานหรือให้ระบบย่อยหลั่งน้ำย่อยออกมาเพื่อดูดซึม ทำให้มีอาการหิว โหย บางครั้งดื่มน้ำเย็นปริมาณมาก ๆ และบ่อยจะมีอาการบีบ บิด ปวดท้อง ท้องเสียถ่ายเป็นน้ำร่วมด้วย วิธีแก้ หาอะไรกิน เมื่อมีอาหารให้ย่อยแล้วร่างกายก็กลับสู่สภาวะปกติ
-----น้ำอุณหภูมิห้องหรืออุณหภูมิปกติ เมื่อดื่มน้ำบ่อย ๆ จะทำให้หิว เพราะไปกระตุ้นระบบดูดซึมให้เริ่มทำงาน ถ้าไม่บ่อย ไม่ค่อยหิว
-----น้ำอุ่นค่อนข้างร้อน มีอุณหภูมิสูง เมื่อดื่มจะทำให้ภายในร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น ระบบทางเดินอาหารได้รับการกระตุ้น แต่ระบบดูดซึมหยุดการดูดซึมหรือดูดซึมช้า ทำให้ไม่หิว ระงับหิวได้ตามปริมาณที่ดื่ม แรก ๆ ถ้าไม่คุ้น ชิน ถ้าดื่มน้ำอุ่นค่อนข้างร้อนในปริมาณมาก ๆ อาจจะมีผลข้างเคียง คือ มีอาการพะอืดพะอม อยากอาเจียนร่วมด้วยเนื่องจากการดูดซึมน้ำอุ่นค่อนข้างร้อนได้ช้า จึงทำให้แน่น เสียด จุก วิธีแก้ คือ ดื่มพอดี
- เรื่องกิน คือเราจะทำอย่างไร ให้กินอิ่มพอดี ไม่หิวมากในช่วงที่เราอดอาหาร สรุปลงตรงที่ กินมื้อเดียวให้พอดีอิ่ม ง่ายดี ถ้าน้อยไปก็โหยหา ไม่พอย่อย ถ้ากินมากไปก็จุก เสียด แน่น เยอะไปย่อยไม่ทัน หลังมื้ออาหาร หิวหนักกว่าเดิมอีก
- การระงับความหิว
-----ระยะแรก แก้ไขโดยการกินอาหารให้พอดีกับพลังงานที่ต้องใช้
-----ระยะที่สอง แก้ไขโดยการดื่มน้ำอุ่นค่อนข้างร้อน ช่วยได้ระดับหนึ่ง
-----ระยะที่สาม ไม่กิน ไม่ดื่มน้ำ สังเกตอาการ ดื่มน้ำได้ เพื่อดับกระหายเท่านั้น หมายเหตุ ระยะนี้ไม่ดื่มน้ำถี่เกินไป เพราะจะทำให้หิว วิธีแก้ไข ไม่ดื่มน้ำ โดยทิ้งระยะเวลาดื่มน้ำให้ห่างพอสมควร เพื่อร่างกายปรับสภาพ
- ระบบของร่างกายระบบหนึ่ง ที่สามารถกำจัดน้ำตาลในเลือดได้โดยธรรมชาติคือ การอาศัยกระบวนการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายในรูปแบบของน้ำ ได้แก่ เหงื่อ ปัสสาวะ ซึ่งเราสามารถควบคุมหรือกำหนดเองได้โดยการออกกำลังกายและการดื่มน้ำปริมาณมาก ๆ แต่ไม่มากจนเกินไป ซึ่งตามธรรมดาระบบปกติของร่างกายจะขับถ่าย ของเสียและส่วนเกินที่ร่างกายไม่ต้องการออกมา ที่น่าสนใจคือ มีสิ่งที่ร่างกายขับปะปนออกมากับของเสียนั้น ถึงแม้ว่าร่างกายจะยังต้องการหรือจำเป็นต้องใช้ เช่น เกลือแร่ วิตามินซี ฯ

ทายก 12-09-2019 13:23

อย่างไร (Burn)
 
- การใช้พลังงาน คือ การออกแรง การใช้แรงหรือการออกกำลังกายหรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามวิถีชีวิต ที่ต้องใช้พลังงานนั้น ๆ ประเภทของการออกกำลังกายนั้น ไม่ระบุ แต่ต้องทำ ซึ่งแต่ละแบบจะมีทั้งการบริหารด้วยมือเปล่าและการบริหารด้วยอุปกรณ์หรือมีน้ำหนักเข้าร่วม ส่วนผลที่ได้และพลังงานที่ใช้ไป เน้นที่การใช้พลังงาน ตามความเหมาะสม ความสะดวก ความถนัด ความชำนาญ ความแข็งแรง ซึ่งความแตกต่างของการใช้พลังงานขึ้นอยู่กับความเข้มข้น และกิจกรรม ตามวัตถุประสงค์การนำไปใช้งาน ของการออกกำลังกายประเภทนั้น ๆ สรุปผลของการออกกำลังกายได้ ดังนี้
-----แบบเข้มข้นต่ำ (Low Intensity Steady State หรือ LISS) คือ การออกกำลังกายเบา ๆ ด้วยจังหวะสม่ำเสมอ ๆ เช่น การเดิน, ปั่นจักรยาน ฯ
-----ข้อดี ทำได้ง่าย, บ่อยและดีต่อการเต้นของหัวใจ ข้อเสีย ใช้เวลานาน
-----แบบเข้มข้มสูง (High Intensity Interval Training หรือ HIIT) คือ การออกกำลังกายหนักเบาสลับกัน เช่น การเดินและวิ่งเร็ว ๆ ระยะสั้นสลับกัน, การยกน้ำหนัก ฯ
-----ข้อดี เพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อนั้น ๆ และใช้เวลาน้อย ข้อเสีย ทำได้ยาก, ไม่บ่อยและเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ

ทายก 12-09-2019 13:25

ความจริง (Important)
 
- การควบคุมวิธีนี้ จะเน้นไม่ใช้ยาใด ๆ เพื่อควบคุมการทำงานอวัยวะภายในหรือสมุนไพรใด ๆ ตามสมัยนิยม เพียงแต่ ต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบ วัดผล แก้ไข ปรับปรุง เพื่อเป็นแนวทางในการรักษาและฟื้นฟูให้ร่างกายปรับสมดุลตลอดไป
- การอดอาหาร คือ การไม่กินอาหารหรือดื่มน้ำใด ๆ และหรือสารใด ๆ ที่ให้พลังงาน
เน้น... น้ำเปล่าและเพิ่มเกลือได้เล็กน้อย แค่หยิบมือ เพื่อป้องกันกล้ามเนื้อเป็นตะคริว จากการสูญเสียเกลือในน้ำที่ร่างกายขับออกมา
- เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดกลับเข้าสู่สภาวะปกติหรือใกล้เคียงค่ามาตรฐาน ก็ให้รักษาแนวทางนี้ตลอดไป เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้ขึ้น ๆ ลง ๆ มากเกินไป ส่วนการดื่มน้ำ ไม่ต้องดื่มทีละมาก ๆ เพื่อขับของเสีย แต่ดื่มตามปกติ ตามความต้องการของร่างกาย

ทายก 12-09-2019 13:27

พูดคุย (Conclude)
 
-----ความจริงแล้ว บทความนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เพราะขาดความรู้ ความเข้าใจ แถมมีความลังเลอีกต่างหาก เพราะในการสื่อความหมายหรือการบอกกล่าวให้คนอื่นได้เข้าใจ อย่างที่เราเข้าใจนั้นยาก และพึงระลึกเสมอกับคำถามต่าง ๆ ที่ถามขึ้นมาเอง ว่าเรานั้นเป็นใคร, มีความรู้มากน้อยแค่ไหน, พอที่จะเป็นที่น่าเชื่อถือได้หรือไม่, ... ฯลฯ แต่จนถึงปัจจุบัน ปัญหานั้น ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม เพียงแต่เมื่อกลับมาพิจารณาบ่อย ๆ ว่า คนที่เขาเป็นและคนที่กำลังจะเป็น จะเสียค่าใช้จ่ายและมีความยากลำบากของการดำเนินชีวิต อย่างไร ซึ่งในการรักษาตามรูปแบบต่าง ๆ นั้น ต้องโน่น นี่ นั่น ฯ จนไปถึงประโยชน์มากน้อยแค่ไหนจากการได้รับรู้บทความนี้
-----จนเมื่อเร็ว ๆ นี้มีอะไรบางอย่างมาดลใจผม มาแบบถี่ ๆ คือ พยายามทำให้มีความรู้สึกแกมบังคับว่าให้เขียนบทความนี้ให้ได้ และก็ใช่ว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยดลใจให้ทำแบบนี้ คือมาเรื่อย ๆ มาพร้อมกับมีความพยายามที่จะให้รู้ ให้เห็น เพื่อความเกี่ยวโยงว่าจะต้องทำอย่างนี้ ๆ ยังไม่พร้อมและเหตุผลก็ยังไม่เพียงพอ ที่จะเรียบเรียงในการเขียนบทความได้ครับ  คือ คำตอบที่ผมมักตอบไปกับคำถามในความรู้สึกที่ถาม ๆ มา อีกทั้งไม่เคยมีประสบการณ์ในการเขียนบทความ ที่พอจะเป็นสาระหรือความรู้ใหม่ ๆ เพื่อพอจะได้เป็นแนวทาง ได้แต่ทำตาปริบ ๆ เก็บข้อมูลไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะพร้อมจริง ๆ หรือไม่ก็ไม่เขียนเลยจะดีกว่า แรกเริ่มของการมาและการดลใจของผนนั้น มาจากภายหลังที่ผมได้แก้ไขสำเร็จไปแล้ว คือ เมื่อประมาณสองปีที่ผ่านมาโดยความบังเอิญจากการสงสัยว่านัยน์ตาของผมนั้นพร่ามั่วเพราะเหตุใด ซึ่งอาการนี้ได้เกิดขึ้นหลังจากการที่ได้ไปเที่ยวเล่นน้ำทะเลเพื่อพักผ่อนสองสามวัน ในเบื้องต้น จึงได้ทำการตรวจเลือดจากอุปกรณ์ที่มีและมีมาตรฐานทั่วไปคร่าว ๆ พบค่าระดับน้ำตาลในเลือด ที่มีค่าสูงเกินกว่าปกติของค่าระดับมาตรฐานคนทั่วไป คือ อยู่ที่ประมาณ ๕๐๐ มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร เป็นที่น่าแปลกใจ ที่ระดับน้ำตาลนั้นสูงมากมายขนาดนั้น และจากการเฝ้าดูแลแม่ที่เริ่มป่วยเป็นโรคเบาหวาน พร้อมกับศึกษาเอง เก็บข้อมูลเอง จากสมาคมผู้ป่วยหรือคณะเบาหวาน ที่เป็นมานานหลายสิบปี สรุปการรักษาลงตรงที่ เป็นการรักษาแบบไม่หายขาด เป็นเพียงแค่การประคับประคองระดับน้ำตาลในเลือด โดยใช้ยาอย่างต่อเนื่องและเป็นประจำตามคำสั่งของหมอเท่านั้น จึงเป็นที่มาของการลงมือเขียนอย่างจริงจัง เพื่ออธิบายให้เข้าใจในบทความนี้
----- “ช่างมัน ช่างเขา ช่างเถอะ” คือ วลีสั้น ๆ แต่ได้ใจความและเพียงพอในการลงทุนลงแรงในการจัดทำ แถมยังได้มีโอกาสทำให้ผู้ที่อ่านเกิดความฟุ้งซ่านและต้องเสียเวลาในการอ่านบทความนี้ “œเพื่อประโยชน์และความสุข” ...นี่ต่างหากที่น่าจะชื่นใจกว่า ผลของคุณงามความดีที่จะพึงมีพึงได้จาก บทความนี้ ผมขอน้อมเกล้าถวายครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ที่เมตตาสั่งสอน อบรม ผ่านสื่อโซเชียลต่าง ๆ ทั้งที่เห็นก็ดี, ไม่เห็นก็ดีและอะไร ๆ ก็ดี ที่ทำให้ผมมีความรู้ความเข้าใจในการเขียนให้สำเร็จหรือเรื่องเล่าจากประสบการณ์ที่ผ่านมานี้จบลงได้ -----
----- สุดท้ายนี้ แม้มีความผิดพลาดประการใด ที่เกิดขึ้น ผมขอกราบงาม ๆ ... ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ และขอน้อมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว หากมีความเมตตาหรือคำแนะนำใด ๆ จากผู้รู้ยิ่งกว่า หรือผู้ที่สงสัย ได้โปรดกรุณาทักท้วง ชี้แนะ สั่งสอน ให้แก้ไข ปรับปรุง เพื่อความถูกต้อง กราบ... ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ

ทายก---- ----- -
ผู้เขียน----- -----

ทายก 13-09-2019 15:05

3 Attachment(s)
อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สไบเงิน (โพสต์ 245993)
:d582d79f:

เรื่องคงจะน่าสนใจมากขึ้น ถ้ามีการเล่าประสบการณ์ในการอดอาหารหรือควบคุมอาหารพร้อมการวัดค่าระดับน้ำตาลในเลือดมาประกอบเนื้อหาด้วยค่ะ:4672615:

- ประสบการณ์ในการอดอาหาร หลัก ๆ ก็คือการไม่กินและการตรวจเลือดบ่อย ๆ แค่นั้นครับ เหตุที่ไม่ลงรายละเอียดตรงนี้ เพราะแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต้องลงมือทำถึงจะเข้าใจ แค่ผมหักดิบไม่กินข้าวเลยหลังจากที่รู้ ในการตรวจครั้งแรกและตรวจเลือดซ้ำครั้งที่สองในเช้าวันต่อมา ซึ่งได้ค่าลดลง คนที่เป็นเจ้าของเครื่องและยังตรวจเลือดให้ ยังไม่เชื่อสายตาของเขาเอง และยังไม่เชื่อจนมาถึงปัจจุบัน เคยบอกกล่าวให้กับคนที่พอบอกได้ เพื่อเป็นแนวทางในการควบคุม แต่ส่วนมากก็ไม่ทำ ทั้ง ๆ ที่รู้ มักอ้างว่าเขาเป็นมานานแล้ว ลดยาก กลับใช้วิธีง่าย ๆ เข้ารับการรักษาและกินยาตามหมอสั่งครับ
- ไฟล์แนบ ผลการตรวจเมื่อปีที่แล้วและล่าสุด แถมค่าความดัน
และชีพจร จากอนามัยใกล้บ้านครับ ผลตรวจระดับน้ำตาลช่วงแรก ๆ ที่ทำ อยู่ในเครื่องเก่าที่ได้ถวายหลวงปู่อยู่วัดใกล้ ๆ บ้าน เพราะทีแรกซื้อเครื่องใหม่ถวาย แต่ใช้ไม่เป็น จึงเอาเครื่องเก่าใช้ง่าย ถวายแทนครับ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:51


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว