กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=145)
-   -   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=10064)

พิชวัฒน์ 28-02-2024 17:56

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
 
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗



เถรี 29-02-2024 00:04

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปทำพิธีบวงสรวงเปิดงานประจำปีปิดทองหลวงพ่อตะเคียนทองและฉลองสัญญาบัตรพัดยศพระครูสุตกาญจนวัฒน์, ดร. (ทผจล.ชพ.) ที่วัดวังปะโท่ หมู่ที่ ๘ ตำบลห้วยเขย่ง อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

หลังจากนั้นแล้วก็ได้เดินทางไปเยี่ยมโครงการอบรมบาลีก่อนสอบ ที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) เมื่อไปถึง ทั้งบรรดาวิทยากรและผู้เข้ารับการอบรมก็ยังมีการต่อว่า "พระอาจารย์เล็ก..หายไปหลายวันเลย มัวแต่ทำอะไรอยู่ครับ ?" โดยที่ไม่ทราบว่ากระผม/อาตมภาพนั้นได้จัดให้มีการบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม ตลอดจนกระทั่งงานทำบุญประจำปีปิดทองรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน และทำบุญอุทิศอดีต ๗ เจ้าเมืองหน้าด่านจังหวัดกาญจนบุรี

แต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เราต้องเข้าใจว่า บุคคลส่วนใหญ่แล้วก็มักจะมองตนเองเป็นสำคัญ โดยที่บางคนใช้คำว่า "เอาตนเองเป็นศูนย์กลาง" ซึ่งในลักษณะอย่างนี้ ถ้าว่าไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องดี เพราะว่าเราต้องรู้จักคิดในลักษณะของการ "เอาใจเขามาใส่ใจเรา" อยู่ในลักษณะที่ว่า ถึงเวลาแล้วคนอื่นก็อาจจะมีภารกิจสำคัญ ไม่สามารถที่จะมาให้ท่านเห็นหน้าทุกวันได้

โดยเฉพาะในพิธีปิด พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ ย้ำว่า ขอให้บรรดาเจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ มาร่วมกันในพิธีปิดโครงการอบรมบาลีก่อนสอบปี ๒๕๖๗ ในวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๗ นี้ โดยพร้อมเพรียงกัน เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าวันที่ ๒ มีนาคมนั้น กระผม/อาตมภาพเดินทางไปที่เมืองซาปา ประเทศเวียดนามแล้ว

เรื่องของการไปประเทศเวียดนามครั้งนี้ เกิดจากการที่ลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) เจ้าของบริษัทเติมเต็มทราเวล ได้จัดให้มีการเดินทางไปเพื่อสัมผัสความหนาวที่เมืองซาปา ของประเทศเวียดนาม ซึ่งสมัยก่อนที่ยังมีการแบ่งเป็นเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ สถานที่นี้ก็คือเมืองเล็ก ๆ ของเวียดนามเหนือ ที่อยู่เกือบจะติดชายแดนประเทศจีน จึงได้รับลมหนาวจากประเทศจีนเต็ม ๆ ทำให้มีหิมะตกอยู่บ่อย ๆ

เถรี 29-02-2024 00:09

การไปครั้งนี้ ก็จะเป็นการไปเปิดหูเปิดตาดู ว่าในประเทศอาเซียนของเรานั้น โดยปกติแล้วก็อยู่ในเขตเส้นศูนย์สูตร ซึ่งไม่มีทางที่หิมะจะตก แต่ว่าเราก็ยังมีเทือกเขาคากาโบราซี ของทางด้านรัฐกะฉิ่น ประเทศเมียนมาร์ และทางด้านเมืองซาปา ของประเทศเวียดนาม ที่มีหิมะตกกันอยู่บ่อย ๆ

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น โอกาสหนึ่งในชีวิตที่จะได้ไปสัมผัสกับเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ กระผม/อาตมภาพจึงไม่ปฏิเสธ รับนิมนต์แต่โดยดี ไม่เช่นนั้นแล้วจะมีคนกล่าวหาว่า "ขนาดไปฟรีแล้วยังเล่นตัวอีก..!" เป็นต้น

เพียงแต่ว่าการเดินทางไปสถานที่ซึ่งไม่เคยไปนั้น ขอให้ท่านทั้งหลายเข้าใจว่า เราไม่ได้เกิดมาชาติเดียว การที่เราเกิดแล้วเกิดอีก เพราะว่าไม่สามารถที่จะพาตนเองให้หลุดพ้นจากวัฏสงสารได้นั้น ต้องมีชาติใดชาติหนึ่ง หรือว่าหลายชาติ ที่เราไปเกิดยังสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง ครั้นถึงเวลาบุญสัมพันธ์ กรรมสัมพันธ์ลงตัวพอดี เราก็ต้องไปยังสถานที่นั้นอีก..!

คราวนี้การไปยังสถานที่เหล่านั้น อย่าลืมว่า ไม่ว่าเราอยู่ที่ใดก็ตาม ต่อให้มีคนรักมากมาย ก็ต้องมีคนที่ไม่ชอบหน้าเราอยู่บ้าง การไปยังสถานที่ต่าง ๆ จึงมีความเสี่ยงอยู่เหมือนกัน ก็คือถ้าไม่ระมัดระวัง ก็จะเป็นอย่างที่กระผม/อาตมภาพโดนมาเมื่อครั้งที่ไปหลวงพระบาง ไปแบบลืมไปว่า ประเทศลาวที่เราเห็นว่าเป็นประเทศที่สงบงาม เป็นมิตรแก่ทุกคนนั้น

ความจริงแล้วในอดีตชาติ กระผม/อาตมภาพเคยอยู่ในกองทัพ ที่ยกไปตีประเทศลาวจนยับเยินมาแล้ว..! ในเมื่ออยู่ ๆ โผล่หัวกลับไป มีหรือเจ้าหนี้จะไม่ทวง ด้วยความที่ลืมตัวและลืมไปว่าอดีตชาติเคยไปสร้างวีรกรรมอะไรไว้ จึงโดนทวงคืนอย่างชนิดที่ต้องถึงแก่ชีวิต แต่อาศัยว่ากรรมเก่ายังไม่สิ้น จึงแค่บาดเจ็บกลับมาเท่านั้น..!

ปัจจุบันนี้แม้ว่าจะรักษาตัวจนหายเป็นปกติ แล้วย้อนกลับไปประเทศลาวอีกรอบหนึ่งด้วยความระมัดระวังตัวมาแล้วก็ตาม กระผม/อาตมภาพเองก็ไม่แน่ใจในเรื่องของวาระบุญสัมพันธ์ กรรมสัมพันธ์ ว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าวาระบุญสัมพันธ์เกิดในช่วงนั้นพอดี ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดีไปหมด แต่ถ้าในวาระกรรมให้ผล เราก็อาจจะพบกับอุปสรรคที่คาดไม่ถึงก็ได้..!

แต่ว่าส่วนใหญ่ที่ผ่านมานั้น ร้อยละ ๙๕ ก็ล้วนแล้วแต่ดีทั้งสิ้น มีเพียงการที่ไปประเทศพม่า โดนจับไป ๓ ครั้ง..! ซึ่งการที่ทหารพม่าจับไปก็เพราะเกรงว่ากระผม/อาตมภาพจะเป็นสายลับ ปลอมเป็นพระไปหาข่าวนั่นเอง หลังจากที่สอบสวนจนไม่มีปัญญาจะสอบสวนแล้ว ก็ปล่อยกลับมา โดยที่ทางด้านพระพม่าเจ้าถิ่นยังบอกว่า "ท่านอาจารย์ทำได้อย่างไร ? ปกติแล้วโดนในลักษณะนี้ มีแต่เขาส่งไปกินข้าวแดงอยู่ในคุกอินเส่งทั้งนั้น..!"

ส่วนในด้านของประเทศลาวนั้น กระผม/อาตมภาพแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังคงไปจนครบสถานที่ต่าง ๆ ตามรายการที่กำหนดเอาไว้ จึงไม่ถือว่าเป็นอุปสรรคอะไร ?!

เถรี 29-02-2024 00:11

ส่วนการไปเวียดนามในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการไปครั้งแรก ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าในสถานที่นั้น ผู้ใดที่เป็นใหญ่ในพื้นที่ ? แล้วขณะเดียวกันได้สร้างเวรสร้างกรรมเอาไว้แล้ว เขาจะมาตามทวงในวาระนี้หรือไม่ ? ก็ได้แต่ตั้งใจว่า ถ้าหากว่าไปก็คงต้องติดอาวุธ..!

แต่คราวนี้การ "ติดอาวุธ" นั้น ถ้าไปต่างประเทศ แม้กระทั่งพระเครื่อง บางทีเราก็ยังต้องเสียเวลาอธิบายกันนาน โดยเฉพาะถ้าเป็นประเทศแถวตะวันออกกลาง เห็นเป็นรูปพระ ก็ให้เราปลดโยนลงถังขยะไปเลย..! ถ้าเป็นทางยุโรป อเมริกาก็ถามแล้วถามอีก สอบแล้วสอบอีก เพราะเกรงว่าพวกเราจะเอายาเสพติดขึ้นรูปเป็นรูปพระ แล้วก็เลี่ยมกรอบแขวนไป เพื่อเอาไปแกะจำหน่ายทีหลัง..!

จะว่าไปแล้ว เรื่องพวกนี้จะโทษพวกเขาก็ไม่ได้ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าส่วนหนึ่งนั้น เขาไม่ได้เคารพนับถือพระพุทธศาสนา อีกส่วนหนึ่งประเทศไทยของเราก็เป็นทางผ่านของยาเสพติดที่โด่งดังไปจนทั่วโลก แล้วขณะเดียวกันวัสดุบางอย่าง ซึ่งก่อนหน้านี้นั้น ไม่ปรากฏว่าจะมีโทษทัณฑ์อะไร แต่ในปัจจุบันนี้อย่างพวกวัสดุที่เป็นชิ้นส่วนของสัตว์ต่าง ๆ โดยเฉพาะงาช้างนั้น แทบจะผิดกฎหมายทุกประเทศไปแล้ว

จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายต้องระมัดระวังเลือกหากันเอง ว่าถ้ารักจะ "ติดอาวุธ" ไป ก็หาสิ่งที่สามารถอธิบายให้เขาเข้าใจได้ง่ายสักหน่อย หรือว่านำเอาสิ่งที่เรามั่นใจว่าไม่ผิดกฎหมายบ้านเขาติดตัวไป เพื่อที่ถึงเวลาแล้ว เราจะได้ไม่ต้องไปเดือดร้อนเมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของเขา

โดยเฉพาะคณะที่ร่วมเดินทางไปซาปาในครั้งนี้ ส่วนที่จะต้องขึ้นไปยอดเขาฟานซีปันนั้น ท่านทั้งหลายโปรดเข้าใจว่า คำว่าอุณหภูมิเฉลี่ย ๑๐ องศาเซลเซียสนั้น เราสามารถเจอได้ทั้งที่มากกว่า ๑๐ องศาเซลเซียส และต่ำกว่า ๑๐ องศาเซลเซียส ก็แปลว่าท่านทั้งหลายควรที่จะมีเครื่องกันหนาวไปให้พร้อม

โดยเฉพาะบนยอดเขา ถ้าหากว่าลมแรง เครื่องกันหนาวนั้น บางทีก็สู้เครื่องกันลมไม่ได้ เพราะว่าถ้าเรามีเสื้อกันลมไป ไม่ต้องใส่เครื่องกันหนาวหนามากจนกลายเป็นหมี เราก็สามารถที่จะอบอุ่นได้ แต่ถ้าหากว่าเราไม่มีเสื้อกันลม ถึงเวลาใช้เสื้อกันหนาวอย่างเดียว บางทีก็ใส่จนกลมไปทั้งตัวแล้วก็ยังหนาวสะท้านอยู่เลย จึงต้องถือหลักที่ว่า
"มีเอาไว้ก่อนดีกว่า ถึงเวลาไม่ได้ใช้แต่เรามี ยังดีกว่าเวลาที่ต้องการใช้ แล้วเราไม่มี" เหล่านี้เป็นต้น

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:15


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว