กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=18)
-   -   เบื้องต้นของมหาสติปัฎฐาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1226)

เถรี 27-10-2009 18:18

เบื้องต้นของมหาสติปัฎฐาน
 
ถาม: การทำมหาสติปัฏฐานสูตร เบื้องต้นทำอย่างไร
ตอบ : เบื้องต้นคือลมหายใจเข้าออก บรรพแรกท่านก็บอกแล้ว ทีฆัง วา อัสสะสันโต ทีฆัง อัสสะสามีติ ปะชานาติ ทีฆัง วา ปัสสะสันโต ทีฆัง ปัสสะสามีติ ปะชานาติ รัสสัง วา อัสสะสันโต รัสสัง อัสสะสามีติ ปะชานาติ รัสสัง วา ปัสสะสันโต รัสสัง ปัสสะสามีติ ปะชานาติ หายใจเข้ายาว..ก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว หายใจออกยาว..ก็รู้ว่าหายใจออกยาว หายใจเข้าสั้น..ก็รู้ว่าหายใจเข้าสั้น หายใจออกสั้น..ก็รู้ว่าหายใจออกสั้น

ประดุจลูกมือนายช่างกลึงผู้ฉลาด เมื่อชักเชือกกลึงยาว..ก็รู้ว่าชักเชือกกลึงยาว เมื่อรู้ว่าชักเชือกกลึงสั้น..ก็รู้ว่าชักเชือกกลึงสั้น แต่จริง ๆ ของท่านหัวข้อเดียวก็ไปแล้ว ถ้ามัวแต่ไปชักทั้งมหาสติปัฏฐานสูตรละก็ตายแน่ เพราะว่าแค่กายานุสปัสสนาก็ไปแล้ว ๑๔ บรรพ (๑๔ ตอน) มีโอกาสบรรลุไปแล้ว ๑๔ ยก

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : จะเป็นสมถะหรือวิปัสสนาก็ตาม ถ้าทำเป็นก็บรรลุมรรคผลได้ สมถะบรรลุแบบเจโตวิมุตติ ใช้กำลังใจข่มกิเลส ข่มเป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอ กิเลสเกิดไม่ได้ ก็ตายไปเอง วิปัสสนาเป็นการพิจารณาให้เห็นจริงแล้วยอมรับ ถ้าจิตใจยอมรับแล้วการที่จะดิ้นรนไม่มี ก็เท่ากับว่าพ้นไป รู้แจ้ง..เห็นจริง..ปล่อยวาง..จบ

ถาม : ข่มกิเลสนี่ทำได้ทุกคนหรือเปล่า ?
ตอบ : ทำได้ทุกคน แต่ว่าบางคนวิสัยปัญญามากก็ไม่นิยม มักจะไปใช้วิปัสสนามากกว่า ก็จะเป็นพวกปัญญาวิมุติ

ถาม : แล้วตัวจิตตานุปัสสนาละครับ
ตอบ : ก็แค่กำหนดรู้ว่าจิตเราตอนนี้มีสภาพอย่างไร หดหู่ เศร้าหมอง ผ่องใส ทรงฌาน ไม่ทรงฌาน เป็นต้น

ถาม : แล้วถ้ากำหนดอารมณ์ที่เกิดขึ้นในจิต ?
ตอบ : ถ้าหากสมาธิไม่ดี กำหนดไม่ทันหรอก เพราะฉะนั้น..ทุกอย่างต้องเริ่มจากอานาปานสติ สร้างสมาธิให้เกิดก่อน ถ้าสมาธิไม่ละเอียดพอ ก็ตามจิตไม่ทัน แปลว่าทำแล้วไม่ได้อะไรเลย

ถาม : การตามรู้อารมณ์ ?
ตอบ : ลักษณะการตามดู ตามรู้ จะเป็นในเรื่องของการรู้เท่าทันอารมณ์ปัจจุบัน เหมือนกับคนดูหนัง แต่อย่าลงไปเล่นหนังเสียเอง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเผลอ เพราะถ้าสติ สมาธิ ปัญญาไม่เข้มแข็งพอ ก็จะไหลตามไป

แต่ถ้าเราเอาสมาธิเป็นหลัก จะมีกำลังในการฉุดรั้งห้ามใจตัวเองไว้ก่อน ฉะนั้น..จริง ๆ แล้วในเรื่องของวิปัสสนาควรจะทำคู่กันไป ถ้าหากว่าทำแต่สมถะไม่มีวิปัสสนา บางทีกำลังของกิเลสมาก แต่ว่าไม่รู้วิธีในการตัดกิเลส ก็พาให้ฟุ้งซ่าน แล้วจะเป็นการฟุ้งซ่านที่น่ากลัวมาก น่ากลัวตรงที่ว่ากิเลสจะเอากำลังสมาธิตรงนั้นนั่นแหละไปฟุ้งซ่าน คราวนี้เอาไม่อยู่ ม้าพยศกำลังคึกเต็มที่เลย

ขณะเดียวกันเรื่องของวิปัสสนาเป็นการใช้ปัญญาในการตัดกิเลส ก็เหมือนกับอาวุธที่มีคม แต่ถ้าหากกำลังไม่พอก็ยกอาวุธไม่ขึ้น ควรจะทำสองอย่างคู่กันไป เคยสังเกตไหม ? บางทีเราฟุ้งซ่านได้เอร็ดอร่อยมาก ห้ามไม่อยู่ เพราะว่าเราหลุดจากสมาธิ แล้วไม่รีบเอาวิปัสสนาให้จิตพิจารณา กิเลสก็เลยเอากำลังสมาธินี่แหละไปฟุ้ง กลายเป็นเลี้ยงข้าวโจรจนอ้วน แล้วก็กลับมาปล้นเรา กว่าจะรู้ตัวว่าเราเลี้ยงโจรไว้ปล้นตัวเอง ก็โดนปล้นหมดตัวไปนานแล้ว


ถาม-ตอบ ช่วงบ่าย ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันเสาร์ที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๒


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:20


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว