กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=18)
-   -   พระอชิตเถระ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1449)

เถรี 30-12-2009 19:15

พระอชิตเถระ
 
ถาม : ก่อนชาตินี้พวกเราเคยคิดถึงพระนิพพานกันหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เคย

ถาม : เคยหรือครับ ?
ตอบ : เคย..แต่ไม่แน่นแฟ้น

ถาม : คือได้ยินเขาพูดกันอย่างนี้หรือครับ ?
ตอบ : เอาแค่ช่วงอาตมายังเด็ก ประมาณ ๗ - ๘ ขวบ เวลาทำบุญใส่บาตร ผู้ใหญ่เขาสอนให้อธิษฐานว่า ขอให้เกิดมาสวย ๆ ขอให้เกิดมารวย ๆ ขอให้เกิดมาพบพระศรีอาริย์ มีอยู่แค่นี้จริง ๆ คำว่าพระนิพพานไม่รู้จักเลย สมัยนั้นก็อธิษฐานไว้อย่างนี้ บางท่านก็วิลิศมาหราหน่อยว่า ขอให้สวยเหมือนนางวิสาขา ขอให้มีปัญญาเหมือนพระมโหสถ ขอให้มีน้ำใจอดเหมือนพระเตมีย์ ขอให้เป็นเศรษฐีเหมือนเจ้ากรุงสญชัย ขอให้มีศรัทธาเลื่อมใสเหมือนพระเวสสันดร ฯลฯ

ถาม : จริง ๆ ถ้าเกิดมาแล้วพร้อมขนาดนั้น เข้าพระนิพพานดีกว่าเยอะเลย ?
ตอบ : สมัยเด็ก ๆ เรื่องพระศรีอาริยเมตไตรยจะเป็นที่ฮิตมาก เพราะมีคำร่ำลือว่าสมัยกึ่งพุทธกาล คือ ปี ๒๕๐๐ พระศรีอาริย์จะมาจุติ เขาก็เลยรอกันใหญ่

ถาม : แล้วท่านมีเกณฑ์มาเกิดไหมครับ ?
ตอบ : มีเกณฑ์ก่อนหน้านั้น ทีนี้งานที่จะมาก็คือ มารวบรวมประวัติการสร้างอักษรไทย ท่านก็เห็นว่าไม่ใช่งานโดยตรงของท่าน ก็ให้มนขอมพิษณุมาแทน

ถาม : อย่างนี้ท่านก็ไม่ลงมาสิครับ ?
ตอบ : ถ้าหากลงมาก็เป็นเรื่อง ในปัจจุบันนี้มีเยอะ

เถรี 30-12-2009 19:15

ถาม : จริงครับ มีพระศรีอาริย์หลายองค์เลย
ตอบ : พระศรีอาริยเมตไตรยมีระบุไว้ชัดเจนในทักขิณาวิภังคสูตร พระสุตตันตปิฎกว่า พระนางปชาบดีโคตมีตั้งใจทอจีวรถวายพระพุทธเจ้า ท่านเริ่มตั้งแต่ปลูกเลย เตรียมดินที่จะปลูกฝ้าย ให้ช่างตะไบผงทองผสมไปด้วย แล้วก็เอาเมล็ดฝ้ายปลูก รดด้วยน้ำนมวัว คอยดูแลจนกระทั่งฝ้ายตกยวง แล้วก็เก็บมาปั่นเป็นเส้นด้าย ทอด้วยมือท่านเอง ด้วยความที่ท่านตั้งใจและอาจจะเป็นเพราะว่ามีแร่ธาตุทองคำเยอะ ท่านบอกว่าเนื้อผ้าออกมาสีเหมือนทองคำเลย ท่านทอได้สองผืน ก็เอาไปถวายพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้ารับแล้วก็ส่งให้พระสารีบุตร พระสารีบุตรก็ส่งให้พระโมคคัลลาน์ ไล่ไปเรื่อย.... จนถึงพระใหม่ชื่อพระอชิตะ นั่งอยู่ท้ายแถว ไม่รู้จะส่งต่อให้ใครก็ต้องรับไว้

พระนางปชาบดีโคตมีเสียใจ นั่งร้องไห้เลย พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสให้ฟังว่า ถ้าท่านรับไว้เองก็จะเป็นเพียงปาฏิบุคลิกทาน เป็นทานเฉพาะพระองค์ อานิสงส์จะน้อย แต่ว่าที่ส่งให้ท่ามกลางสงฆ์ ผู้ที่เหมาะสมจะได้รับไป คือถ้าใครรู้ตัวว่ามีจีวรเก่าก็รับไป นั่นถือว่าเป็นสังฆทาน แล้วท่านก็ตรัสบอกไว้ว่า ทานที่ให้แก่สัตว์เดรัจฉาน ๑๐๐ ครั้งไม่เท่ากับให้มนุษย์ ๑ ครั้ง ให้แก่มนุษย์ ๑๐๐ ครั้ง ก็ไม่เท่ากับให้สมมติสงฆ์ ๑ ครั้ง ไล่ไปเรื่อย... จนกระทั่งถึง ถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า ๑๐๐ ครั้ง ไม่เท่ากับถวายทานแก่พระพุทธเจ้า ๑ ครั้ง ถวายทานแก่พระพุทธเจ้า ๑๐๐ ครั้งไม่เท่ากับถวายสังฆทาน ๑ ครั้ง

ประกอบกับพระพุทธเจ้าอยากแสดงอานุภาพของพระอชิตะให้ทุกคนทราบ จึงอธิษฐานให้บาตรของพระองค์ท่านลอยหายเข้าไปในกลีบเมฆ แล้วตรัสให้พระสารีบุตรไปค้นหา พระสารีบุตรเหาะไปค้นหาก็ไม่เจอ พระโมคคัลลาน์ก็ไม่เจอ ไล่ไปตามลำดับ... จนกระทั่งถึงท้ายแถว พระอชิตะออกไปยืน ไม่ได้เหาะไป เพียงแต่ท่านอธิษฐานว่า ถ้าหากท่านจะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณในอนาคตกาลจริง ขอให้บาตรพระพุทธเจ้าลอยเข้ามาอยู่ในมือ ปรากฏว่าบาตรลอยกลับมา แบมือรับเลย เพราะพระพุทธเจ้าอธิษฐานไว้แล้วว่าให้พระอชิตเถระเท่านั้นที่หาได้ เมื่อเป็นดังนั้นพระนางปชาบดีก็ร้องไห้อีกรอบ คราวนี้ร้องไห้ด้วยความดีใจ

พระอชิตะพอท่านรับผ้ามา ท่านก็ไม่ได้ใช้เอง ท่านเอาไปทำเป็นผ้าขึงเพดานหนึ่งผืนสำหรับพระพุทธเจ้า และเป็นผ้าปูที่นอนหนึ่งผืน และก็อธิษฐานขอเข้าถึงพระโพธิญาณในอนาคตกาล ช่วงที่ท่านเอ่ยปากขอให้การปรารถนาพระโพธิญาณนั้นสำเร็จ ท่านบอกว่ามีฉัพพรรณรังสีเปล่งออกจากเขี้ยวแก้วของท่าน ปรากฏสว่างให้เห็นอยู่ทั่วไป แสดงว่าทั้ง ๆ ที่ท่านเป็นเพียงพระโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญบารมี แต่กำลังของท่านสูงมหาศาลเลย

เถรี 07-01-2010 15:50

ภายหลังบรรดากษัตริย์ของศากยวงศ์ ออกบวชตามพระพุทธเจ้ามากต่อมากด้วยกัน หญิงหม้ายเต็มปราสาทเลย พระนางปชาบดีโคตมีก็พิจารณาเห็นว่าพระเจ้าสุทโธทนะ พระราชสวามีก็สวรรคตแล้ว พระนันทะกับพระนางรูปนันทา ลูกชายลูกสาวก็บวชทั้งคู่แล้ว พระพุทธเจ้าที่ท่านตั้งใจถนอมกล่อมเกลี้ยงฟูมฟักมา ยิ่งกว่าลูกของตัวเอง ก็บวชเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เพราะฉะนั้นเราควรจะบวชบ้าง ก็เลยชวนบรรดานางสากิยานี ก็คือบรรดาหญิงหม้ายที่สามีออกบวชหมด บอกว่าให้ตามกันไปบวชดีกว่า

ปรากฏว่าพระพุทธเจ้าไม่อนุญาต ในเมื่อพระพุทธเจ้าไม่อนุญาตท่านก็ยืนร้องไห้ พระอานนท์ท่านทราบความ ก็เลยเข้าไปกราบทูลพระพุทธเจ้า พระอานนท์ท่านฉลาด ท่านถามพระพุทธเจ้าว่าผู้หญิงบรรลุมรรคผลไม่ได้หรือ ? พระพุทธเจ้าบอกว่าได้ พระอานนท์บอกว่าถ้าหากว่าได้ก็ควรจะให้บวช พระพุทธเจ้าบอกว่า ถ้าหากสตรีบวชเข้ามาในธรรมวินัยนี้ ศาสนาจะตั้งอยู่ไม่ครบห้าพันปี

พวกเราลองมานึกถึงปัจจุบันนี้ ผู้หญิงอยู่นอกวัด เขายังพยายามลากเข้าไปในวัด แล้วนั่นอยู่ในวัดด้วยกันจะเกิดอะไรขึ้น ? ถ้าหากเป็นภิกษุปุถุชน ก็จะมีปัญหาใหญ่ให้เสื่อมเสียได้ พระอานนท์ก็อ้อนวอนว่าให้บวชเถอะ เพราะว่าเป็นพระน้านางที่เลี้ยงพระพุทธเจ้ามาตั้งแต่เด็ก จะได้เป็นการแสดงออกซึ่งกตัญญูที่มีต่อพระญาติ และในเมื่อผู้หญิงมีสิทธิ์ที่จะบรรลุมรรคผลได้ ก็ควรจะมีข้อห้ามเพื่อที่จะรักษาพระพุทธศาสนาได้เช่นกัน พระพุทธเจ้าจึงให้พระอานนท์ไปทูลถามพระนางว่า จะรับครุธรรม ๘ ประการได้ไหม ? ถ้าหากว่ารับได้ก็จะให้บวช

ครุธรรม ๘ ประการ มีตั้งแต่ภิกษุณีแม้บวชเป็นร้อยปีก็ต้องไหว้ภิกษุที่เพิ่งบวชในวันนั้น ภิกษุณีพึงฟังคำสั่งสอนของภิกษุเพียงฝ่ายเดียว ไม่พึงสั่งสอนพระภิกษุ ต้องบวชในสงฆ์ทั้งสองฝ่ายจึงเป็นภิกษุณีได้ ฯลฯ พระนางปชาบดีโคตมีท่านก็รับปากว่าทำได้ พระพุทธเจ้าก็ประทานการบวชให้ พระนางก็บรรลุมรรคผล อยู่จนอายุ ๑๒๐ ปี ไปทูลลาพระพุทธเจ้าขอปรินิพาน

คราวนี้เรามาคิดว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานตอนอายุ ๘๐ พระนางปชาบดีโคตมีไปทูลลาปรินิพพานตอนอายุ ๑๒๐ ตอนนั้นพระพุทธเจ้าอายุ ๗๙ ถ้าอย่างนั้นพระนางปชาบดีโคตมีท่านอายุเท่าไรตอนพระพุทธเจ้าประสูติ ? แล้วท่านเป็นน้องของพระนางสิริมหามายา พระนางคลอดพระพุทธเจ้าตอนอายุเท่าไร ? ตรงนี้คาใจมานาน ท้ายสุดไปค้นเจอในมธุรัตถวิลาสินี อรรถกถาพุทธวงศ์ ท่านบอกเอาไว้ว่า บุคคลผู้เป็นพุทธมารดาจะมีปกติตั้งครรภ์ตอนอายุ ๔๐ - ๕๐ ปี ถามว่าทำไมถึงต้องรอช้าขนาดนั้น ก็เพราะว่าถ้าพระโพธิสัตว์ประสูติแล้วจะอยู่ได้ไม่เกิน ๗ วัน เพราะฉะนั้น..ก็ให้พระมารดาอยู่นานหน่อย ไม่อย่างนั้นอายุ ๑๖ ตั้งท้อง คลอดเสร็จก็สวรรคตไปแล้ว เบญจกัลยาณีแถมยังอิตถีลักษณะ ๖๔ ประการ หายากขนาดนั้น เก็บไว้ดูนาน ๆ หน่อยเถอะ


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงก่อนทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
เดือนตุลาคม ๒๕๕๑


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:01


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว