กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=43)
-   -   อย่าตำหนิกรรมของผู้บอกบุญ สร้างพระภายนอกและทานบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1857)

ลัก...ยิ้ม 25-05-2010 11:08

อย่าตำหนิกรรมของผู้บอกบุญ สร้างพระภายนอกและทานบารมี
 
อย่าตำหนิกรรมของผู้บอกบุญ สร้างพระภายนอกและทานบารมี


ในคืนวันนั้น สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตามาตรัสสอน ดังนี้


๑. “อย่าถือสาระ เคร่งเครียดเกินไปสำหรับทานภายนอก ถ้าหากมีโอกาสก็บอกต่อบุคคลทั่วไป อันเห็นสมควรจะบอกได้ แต่ให้เขาไปบริจาคกับหลวงพี่โอ เจ้าของเรื่องเอง ไม่จำเป็นที่จักต้องเป็นธุระเก็บเงินรวบรวม บอกแล้วผ่านเลย ใครจักทำหรือไม่ก็แล้วแต่ศรัทธาของบุคคลผู้นั้น”

๒. “แล้วอย่าเพิ่งไปตำหนิหลวงพี่โอ ที่ทำศรัทธาของเจ้าให้ตกไป จงมองเห็นปกติในบารมีธรรมของหลวงพี่โอ ที่หาได้รับการทำบุญทำทานตามกำลังศรัทธาของญาติโยม อย่างหลวงพ่อของเจ้าทำ”

๓. “ท่านฤๅษีนั้นตัดสังโยชน์ ๑๐ ได้ขาดหมดแล้ว จึงมีจิตถึงพร้อมไปด้วยศีล สมาธิ ปัญญา รู้รอบตามปฏิปทาที่ตถาคตหรือพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ได้ตรัสไว้ในบารมีของทาน

ตัวอย่างเช่น ท่านอนาถบิณฑกเศรษฐีที่ตกอับ เพราะมีอุปฆาตทางด้านทรัพย์สินเกิดขึ้น มีเพียงปลายข้าวหัก ต้มถวายองค์สมเด็จปัจจุบัน กับน้ำผักดองเป็นกับ ก็ยังนับว่าเต็มด้วยทานบารมี

หรือท่านเมณฑกเศรษฐีกับภรรยา ที่อดีตชาติถวายทองคำเปลวเท่าปีกริ้น เพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เต็มความตั้งใจ”

๔. “ตถาคตและพระสาวกผู้บริสุทธิ์ ปราศจากกิเลสเศร้าหมองของจิตแล้ว ย่อมรับทานนั้นด้วยความเต็มใจ เต็มความตั้งใจของผู้ให้โดยบริสุทธิ์ทั้ง ๓ กาล หรืออีกนัยหนึ่ง องค์สมเด็จปัจจุบัน ทรงรับแป้งจี่จากนางบุญทาสีเป็นต้น”

๕. “จริยาของผู้รับจะบริสุทธิ์ได้ ก็ต้องรักษาปฏิปทาตามนี้ไว้ คือ รับโดยเต็มจุดประสงค์ของผู้ให้ทาน เป็นการได้บุญเต็ม คือ บริสุทธิ์ทั้ง ๒ ฝ่าย พระสาวกผู้จะกระทำตามนี้ได้ อย่างน้อยก็ต้องตัดสังโยชน์ได้ ๕ ข้อเบื้องต่ำได้แล้ว อีกทั้งเป็นผู้ได้ศึกษาข้อวัตรปฏิบัติของตถาคต และพระสาวกที่ได้กระทำมาเป็นตัวอย่างในพระไตรปิฏกแล้ว คือ มีความเข้าใจปฏิปทาของตถาคต และพระสาวกได้ดีพอด้วยปัญญา มิใช่สักแต่ว่าอ่าน แล้วใช้สัญญาจำได้ว่า พระไตรปิฏกจารึกไว้ว่าอย่างไร จักต้องใช้ปัญญาพิจารณาด้วยว่า ตถาคตและพระสาวกนั้นกระทำอย่างนั้นเพื่อจุดประสงค์อันใด และผู้ทำบุญด้วยจิตบริสุทธิ์เต็มกำลังทานนั้น ได้รับผลประการใด หวังว่าเจ้าคงจักเข้าใจในบารมีธรรมที่กล่าวมานี้”

๖. “ไม่ว่าบารมีธรรมของผู้ให้ทาน บารมีธรรมของผู้รับทาน ย่อมมีเป็นประการใด และแตกต่างกันไปเป็นธรรมดาของระดับจิต อย่าไปตำหนิกรรมของหลวงพี่โออีก” (เพื่อนผมท่านจะฟุ้งต่อไปว่า สมัยหลวงพ่อหนึ่งสลึงท่านก็รับ ไม่เคยทำให้ผู้ให้ทานเสียศรัทธา ทรงตรัสว่า ฟุ้งพอหรือยัง ก็ตอบว่าพอแล้ว)

๗. ทรงตรัสว่า “ยังไม่พอ เอาไว้เวลาต่อไปจะนำเรื่องทานบารมีนี้ไปเป็นแนวทางพิจารณาพระสูตรตามที่ท่านฤๅษีได้สอนมาตามพระไตรปิฏก จักได้เกิดปัญญาเข้าใจในปฏิปทาของพระพุทธเจ้าและพระสาวกว่า ทำไปในแต่ละเรื่องนั้นเพราะอะไร ทุกอย่างในพระไตรปิฏกเป็นคำสอนที่มุ่งเกี่ยวกับบารมี ๑๐ เต็ม ศีล สมาธิ ปัญญาก็ย่อมเต็ม การถือบวชทางใจ เนกขัมมบารมีตามโอวาทปาฏิโมกข์ ก็เต็มได้ตามปัญญาที่พิจารณาธรรมนั้น ๆ”

ลัก...ยิ้ม 25-05-2010 11:09

ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๕
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:54


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว