กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=43)
-   -   กลัวทุกชนิดล้วนเป็นสักกายทิฏฺฐิทั้งสิ้น (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2755)

ลัก...ยิ้ม 23-06-2011 11:19

กลัวทุกชนิดล้วนเป็นสักกายทิฏฺฐิทั้งสิ้น
 
กลัวทุกชนิดล้วนเป็นสักกายทิฏฺฐิทั้งสิ้น

สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ มีความสำคัญดังนี้

๑. “ขึ้นชื่อว่ากลัว เช่น กลัวอด ก็คือกลัวตาย กลัวเจ็บ ก็คือกลัวตาย กลัวหนาว กลัวร้อน ก็คือกลัวตาย

๒. “ความกลัวทุกสิ่งทุกอย่างก็ลงที่สักกายทิฏฐิตัวเดียว ในเวลาหิว ในเวลาป่วย ในเวลาหนาว ในเวลาร้อน อะไรมันหิว มันป่วย มันร้อน มันหนาว เป็นเรื่องของกายทั้งสิ้น ไม่ใช่เรื่องของจิต(กายกับเวทนาเป็นเรื่องทุกข์ของกาย หาใช่เรา หาใช่ของเราไม่)

๓. “ต้นเหตุเพราะจิตของเจ้าไปติดในกาย เกาะความรู้สึกว่ากายนี้มีในเรา เรามีในกาย เมื่อกายเป็นอะไรก็ทนไม่ไหว จิตเกาะทุกข์จนลืมกำหนดรู้ว่า กายนี้ไม่ใช่เรา เราไม่มีในกาย แล้วพิจารณาโดยอริยสัจ รู้เห็นตามความเป็นจริงของร่างกาย”

๔. “การมีขันธ์ ๕ ทรงอยู่นั้นเป็นทุกข์ เพราะเราฝืนบังคับมันไม่ได้ดังใจนึก ถ้าจะเปรียบเป็นการเจริญกรรมฐาน การยืนนาน เดินนาน นั่งนาน นอนนาน ก็เป็นอัตตกิลมถานุโยค มันทำให้เกิดทุกข์เกิดโทษมากกว่าเป็นคุณ” (ล้วนเป็นอารมณ์หลงหรือโมหะทั้งสิ้น)

๕. "การล่วงรู้อิริยาบถบรรพในมหาสติปัฏฐานสูตร ก็เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับจุดนี้ การมีสติกำหนดรู้อิริยาบถบรรพ เพื่อจักได้รู้หลักมัชฌิมาปฏิปทาของร่างกายที่เคลื่อนไหวไปในทุก ๆ สถาน ทุก ๆ เวลา รู้ความเหมาะสม ความพอดีของอิริยาบถของร่างกาย มีความยืน เดิน นั่ง นอน อย่างไม่เบียดเบียน ไม่เป็นอัตตกิลมถานุโยค ไม่เป็นที่เบียดเบียนตนเอง และไม่เป็นที่เบียดเบียนผู้อื่น ตัวอย่าง บางคนนั่งนานอัมพาตกิน นี่เบียดเบียนตนเอง และทำให้คนข้างเคียงหรือคนใกล้กันจักต้องมาคอยปฐมพยาบาล นี่เป็นการเบียดเบียนผู้อื่น อย่างนี้ก็ไม่เป็นการสมควรเพราะเกินพอดีไป"(ก็สงสัยว่า หลวงพ่อทรมานสังขารไปนั่งรับแขกนาน ๆ ที่ซอยสายลม เป็นอัตตกิลมถานุโยคหรือเปล่า)

ลัก...ยิ้ม 24-06-2011 10:44

(ก็สงสัยว่า หลวงพ่อทรมานสังขารไปนั่งรับแขกนาน ๆ ที่ซอยสายลม เป็นอัตตกิลมถานุโยคหรือเปล่า)

สมเด็จพุทธกัสสป ทรงตรัสว่า

๑. “ไม่เป็น เพราะพระอรหันต์ผู้จบกิจแล้ว มีจิตเหนือกาย มีจิตแยกกาย เวทนา จิต ธรรมออกแล้วได้อย่างชัดเจนตลอดเวลา

๒. “ท่านมีสติกำหนดรู้ว่าทุกข์ของร่างกาย และร่างกายไม่มีในท่าน ท่านไม่มีในร่างกาย

๓. “การทรงชีวิตอยู่ของขันธ์ ๕ ก็เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์อันใหญ่หลวงแก่บรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย มีความปรารถนาสูงสุดที่จักดึงสานุศิษย์ทั้งหลาย ให้มีจิตรักผูกพันอยู่ในพระกรรมฐาน เพื่อจักนำอารมณ์ให้ทุกคนได้เข้าถึงพระนิพพานอย่างเช่นท่าน”

สมเด็จองค์ปฐม ทรงตรัสว่า

๑. “ผู้จบกิจแล้วทุกท่านต่างมีความรู้สึกเหมือน ๆ กันว่า ร่างกายนี้ไม่มีความหมาย กิจที่จักทำเพื่อร่างกายนั้นหมดสิ้นแล้ว นอกจากเลี้ยงดูให้ใช้ได้ กินตามปกติ

๒. “นอกจากนั้นก็เป็นการอยู่เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนาสงเคราะห์บุคคลอื่นให้ได้ข้ามพ้นวัฏสงสาร

๓. “พวกเจ้าจงหมั่นศึกษาอิริยาบถบรรพกันให้ดี ๆ”


ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๘
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:31


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว