กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=39)
-   -   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4049)

เถรี 23-05-2014 18:27

เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗
 
ให้ทุกคนขยับนั่งในท่าที่สบายของตัวเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ เมื่อช่วงวันที่ ๓ ที่ผ่านมา ทางวัดมีงานไหว้ครู พุทธาภิเษก และเป่ายันต์เกราะเพชร มีบุคคลจำนวนมากที่มีสิ่งที่ไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นการแทรก การแฝงมา หรือว่าจะโดนคุณไสยต่าง ๆ มาก็ตาม เมื่ออยู่ในที่ซึ่งทำพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร ก็จะมีการดิ้นรน ส่งเสียงร้อง พวกเราจำนวนมากเกิดความกลัว

การที่เกิดความกลัวนั้นมีอยู่ ๒ อย่างด้วยกัน อย่างแรกคือ สัญชาตญาณ ถ้าเราไม่ใช่บุคคลที่ปล่อยวางได้จริง ๆ ก็มักจะกลัวอันตรายต่าง ๆ เป็นปกติ ความกลัวอีกประการหนึ่ง เนื่องจากความไม่มั่นคงในใจของตนเอง เรื่องของไสยศาสตร์หรือว่าสิ่งไม่ดีไม่งามต่าง ๆ นั้น ถ้าเราสามารถภาวนาจนกำลังใจทรงตัวได้ระดับหนึ่ง เอาแค่ปฐมฌานก็พอ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะทำอันตรายเราไม่ได้เลย

เพราะบุคคลผู้ทรงปฐมฌานได้ จะมีกำลังเท่ากับพรหมชั้นที่ ๑ หรือชั้นที่ ๒ หรือชั้นที่ ๓ ตามแต่ความหยาบความละเอียดของสมาธิของตน ในเมื่อกำลังเราสูงขนาดนั้น ถ้าไม่เผลอสติ ปล่อยให้กำลังใจขาดช่วงลง บรรดาไสยศาสตร์ต่าง ๆ จะทำอันตรายไม่ได้ ผีเจ้าต่าง ๆ เข้าสิงไม่ได้ เพราะกำลังของเราเหนือกว่า ยกเว้นท่านที่มีกำลังสูงกว่า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพรหมที่ชั้นสูงขึ้นไป หรือพระอริยเจ้า ซึ่งท่านทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าไม่ใช่มีกรรมเนื่องกันมาจริง ๆ ก็จะไม่มายุ่งเกี่ยวกับเรา

ดังนั้น..ในวันนี้ต้องการให้ทุกคนซักซ้อมดูลมหายใจเข้าออกของตนให้เป็นปกติ เพื่อที่จะสร้างเสริมสมาธิของเราให้มั่นคง จะได้เป็นการป้องกันอันตรายต่าง ๆ ได้ เหมือนกับบุคคลที่ฝึกซ้อมร่างกายมาคล่องตัวกว่า แข็งแรงกว่า ย่อมไม่ต้องหวาดกลัวคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอกว่า เป็นต้น

เถรี 25-05-2014 10:05

ถ้าเราสามารถรักษากำลังใจของเราให้ทรงตัวได้ นอกจากอันตรายต่าง ๆ เหล่านี้จะทำอันตรายเราไม่ได้แล้ว กำลังสมาธิยังเป็นเครื่องช่วยเสริมปัญญาให้เกิดขึ้น ทำให้เราเห็นทุกข์เห็นโทษว่า การเกิดมาในโลกนี้ มีอันตรายต่าง ๆ มาเบียดเบียนรอบข้าง ไม่ว่าจะความหิว ความกระหาย ความร้อน ความหนาว ความเจ็บไข้ได้ป่วย แล้วก็ยังมีคน มีสัตว์ มีผีเจ้าเข้าสิงต่าง ๆ มาคอยเบียดเบียนอยู่ มีอันตรายจากไสยศาสตร์มาคอยเบียดเบียนอยู่ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีร่างกายที่มีความทุกข์เช่นนี้ เรายังต้องการอีกหรือไม่ ?

ถ้าเราเห็นชัดเจนว่าร่างกายนี้หาความดีไม่ได้ มีชีวิตอยู่ก็เหมือนกับไต่อยู่ที่ขอบเหว ไม่ทราบว่าจะโดนทำอันตรายด้วยสิ่งต่าง ๆ เมื่อไร ก็จะเกิดความเบื่อหน่าย ไม่อยากได้ ไม่ต้องการในร่างกายนี้ หรือไม่ก็พิจารณาเห็นว่า การเกิดมามีร่างกายที่มีแต่ความทุกข์เช่นนี้ ต้องคอยหวาดกลัวอันตรายต่าง ๆ เช่นนี้ หรือว่าการเกิดมาในโลก เต็มไปด้วยความทุกข์ยากเร่าร้อน สัตว์ทั้งหลายมีการเบียดเบียนกันเป็นปกติ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีร่างกายที่เป็นทุกข์เช่นนี้ การเกิดมาในโลกที่มีแต่ความทุกข์เช่นนี้เราไม่ต้องการอีก ถ้าหากว่าตายลงไปเมื่อไร เราปรารถนาที่เดียวคือพระนิพพาน

เอาใจสุดท้ายของเราเกาะที่พระนิพพาน หรือนึกถึงภาพพระพุทธรูปที่เรารักเราชอบมากที่สุด ตั้งใจว่านั่นคือพระพุทธนิมิต แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน เอากำลังใจเกาะเกี่ยวอยู่ที่ภาพพระ แล้วใช้คำภาวนาหรือพิจารณาของเราไปตามอัธยาศัย ตั้งใจว่าวันนี้ถ้าหมดอายุขัย ตายลงไปก็ดี หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ถึงแก่ชีวิตก็ดี เรามาขออยู่กับองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระนิพพานนี้แห่งเดียวเท่านั้น แล้วตั้งใจกำหนดดู กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกของเราไป จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:59


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว