หลวงพ่อท่านกล่าวถึง ภรรยาของผมว่า "ไปไกลแล้ว" เรื่องของการปฏิบ้ติ มันไม่ไว้หน้าใครใด ๆ ทั้งสิ้น ใครทำใครได้ เท่าเทียมกันเสมอ กระผมก็อนุโมทนากับเธอเป็นอย่างยิ่ง เราสองคนผ่านร้อนผ่านหนาวเรื่องของการปฏิบัติมาพอตัว ล้มลุกคลุกคลานกันก็หลายครั้งหลายหน บางก็ท้อเสียเต็มประดา....ได้สติ ได้กำลังใจจากครูบาอาจารย์ทุก ๆ ท่าน ที่คอยแนะนำสั่งสอนให้กำลังใจมาตลอด
ในความเป็นครอบครัวนักปฏิบัติธรรม หลายต่อหลายครั้ง กระผมบอกกับเธอว่า หลายคนรอบ ๆ ตัวเรากำลังมองครอบครัวเราอยู่ว่า "มันปฏิบัติธรรมกัน จะไปได้กี่น้ำ" บททดสอบก็มีเข้ามาเรื่อย หนักที่สุดถึงขั้นเข้าทรงลงเจ้า มาอ้างตัวว่า เธอจะต้องเป็นร่างทรง จะต้องกินเจไปตลอดชีวิต เช้าเป็นภรรยาผม ตกบ่ายเป็นร่างของท่านนั้นท่านนี้ ครอบครัวอยู่กันอย่างไม่มีความสุข ลูก ๆ ก็ทั้งกลัวทั้งสับสน..................
สติภายในมันคอยย้ำเรื่อยว่า เราจะปล่อยให้เหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านั้นมาขัดขวาง มาเบี่ยงเบนเราออกห่างจากพระรัตนตรัยไม่ได้....ถึงขั้นที่ว่า ผมต้องเจรจาพูดคุยกันกับ.........ซึ่งอ้างตัวเป็น "ท่าน" ต่าง ๆ นานาว่า
"อย่ามายุ่งกับครอบครับของกระผม กระผมและภรรยา เราต่างมอบกายถวายชีวิตต่อพระรัตนตรัย อะไรที่สำคัญกว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่มี ขอท่านจงไปตามทางของท่านเถิด.....หากท่านไม่ยอมก็เอาชีวิตผมไปตอนนี้ ต่อหน้าพระรัตนตรัย เพราะผมมั่นใจว่าผมไปพระนิพพานแน่นอน"
และเราก็ผ่านเหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้มาอีกสามวาระ
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-10-2012 เมื่อ 02:57
|