หากจะกล่าวย้อนไปในเรื่องที่ทิ้งท้ายเอาไว้ กระผมเองก็สับสนเสียเต็มประดา ที่นึกขึ้นมาได้ในใจก็คือ พระเดชพระคุณหลวงพ่อเล็ก ขอบารมีท่านเมตตา โดยโทรไปกราบเรียนปรึกษาหลวงพ่อท่านด้วยทั้งความเคารพและความกลัว ซึ่งกลัวในที่นี้ก็คือ กลัวว่าจะเป็นการรบกวนหลวงพ่อท่าน ตรึกตรองดูอยู่หลายวาระ อีกทั้งทาง...........ก็มาเหมือนได้ใจ สอนธรรมะที่เหมือนจะถูกต้องสวยหรูไปแทบทุกประการ ไม่ว่าใครต่อใครต่างก็หลงกันทุกคน เล่นเอาญาติ ๆ ผมทั้งบ้านเคลิ้มไปตาม ๆ กัน แต่หากพิจารณาให้ดีแล้วดูท่าจะไม่ได้การ เพราะมันจะตายตอนจบ พวกจะกินเจกันทั้งบ้านแล้ว (ผมจะอดกินหมูกินปลาไปด้วย อันนั้นคือความน่ากลัวที่สุด อันนี้ไม่ใช่ประเด็นหลักครับ อดจริง ๆ ก็อดได้ แต่กินเจแบบไร้เหตุผลอันนี้อดไม่ได้ เหมือนที่เรา ๆ ท่าน ๆ เห็นคนนุ่งขาวห่มขาวกินเจกัน แต่ใจยังหยาบ ปากยังนินทา ตายังดูหมิ่น ศีลยังไม่ครบ..ก็ยังไม่ได้ประโยชน์อันควรจะพึงได้ อันนี้กระผมขอรับผิดชอบในคำพูดนะครับ
)
วินาทีที่ได้ยินเสียงพระเดชพระคุณหลวงพ่อคือ
"กำลังจะทำข้อสอบอยู่ มีเวลาให้คุณห้านาที มีอะไรว่ามา..เชิญ"
ทัดฤทธิ์-ทิดรัตน์: หลวงพ่อขอรับ คือว่า.........มาอ้างตัวให้ภรรยาผมยอมรับเป็นร่างทรง ให้กินเจตลอดชีวิต เด็ก ๆ ก็กลัวและสับสน แล้วกระผมควรจะทำอย่างไรดีขอรับ
หลวงพ่อ : อยากจะบอกคุณว่า ต่อให้ใหญ่ค้ำฟ้ามาจากไหนก็ตาม ไม่มีสิทธิ์มาบังคับเราแบบนี้ได้ ถ้าเราไม่ยอม ให้ใหญ่ระดับไหนก็ตามก็ไม่มีสิทธิ์ เว้นแต่ว่าเราจะไปยอมเขาเอง.....
ทัดฤทธิ์-ทิดรัตน์:กระผมไม่ยอมขอรับหลวงพ่อ กระผมกลัวคนอื่นเขาจะว่าได้ ว่าปฏิบัติธรรมแล้วสุดท้ายก็กลายเป็นร่างทรง
หลวงพ่อ:เอาแบบนี้ คุณไปขอเขาสามข้อ
ข้อหนึ่ง:ถ้ายอมเป็นร่างแล้ว จะต้องไม่มีอาการวิกลจริตต่อหน้าสาธารณชน
ข้อสอง:จะช่วยอะไรใคร ก็ต้องสำเร็จอย่างเดียวเท่านั้น คำว่าไม่หาย ไม่สำเร็จจะต้องไม่มีโดยเด็ดขาด
ข้อสาม:ยอมช่วยเหลือเป็นร่างให้แล้ว จะต้องไม่ยากจน กัดก้อนเกลือกิน ช่วยเขาแล้วเขาก็ต้องช่วยเราด้วย ถ้าเราต้องลำบากแล้วจะไปช่วยเขาทำเกลืออะไร
ทั้งสามข้อนี้เขาต้องยอมรับปากเราทุกข้อโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ
แต่อาตมาก็ขอยืนยันว่า
"ต่อให้ใหญ่คับฟ้ามาจากไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับเราได้ จำเอาไว้..เราเป็นตัวของเราเอง" คุณรีบไปจัดการตามที่บอกนี้นะ ขอให้โชคดี