พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยเด็ก ๆ เขาจะว่าพวกผู้หญิงไม่ดีว่า นางกะแหร่ง พอเวลานางร้ายออกมาเล่นงานนางเอกมาก ๆ ก็จะมีคนออกมาด่าว่า "อีนางกะแหร่ง" กว่าจะรู้ว่าคำว่ากะแหร่ง แปลว่าตอแหล ก็เมื่อตอนข้ามไปฝั่งพม่าแล้ว เป็นภาษาพม่าเต็ม ๆ เลย กะแหร่งแปลว่าตอแหล
คำที่ติดตลาดมาจนถึงสมัยนี้ ก็คือคำว่า "เชย" ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๘ จนป่านนี้เชยยังติดตลาดอยู่ เกิดจากนิยายเรื่อง ๓ เกลอ พล นิกร กิมหงวน มีคุณลุงเป็นเศรษฐีบ้านนอก ชื่อลุงเชย ลุงมาทำกะป้ำกะเป๋ออยู่ในกรุงเทพฯ ประจำ ก็เลยเรียกลุงเชย คำนี้ก็เลยเอาไว้สำหรับคนที่ทำอะไรไม่ค่อยทันสมัย ไม่ถูกที่ถูกทาง
ชิ้น แปลว่า คู่รัก เหมือนคำว่ากิ๊กในสมัยนี้ สมัยก่อนเขาจะถามว่า เป็นชิ้นกับเธอหรือเปล่า ? ประมาณนั้นแหละ เวลาไปอ่านหนังสือเก่า ๆ เจอคำพวกนี้จะได้รู้ มีพวกเด็ก ๆ หลายคน เวลาอ่านหนังสือแล้วก็งง เข้ามาถามว่าคำนี้หมายความว่าอะไร อาตมาก็ต้องอธิบายให้เขาฟัง"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2012 เมื่อ 02:09
|