"ปกติกระแสโลกไปทางนั้นอยู่แล้ว สิ่งต่าง ๆ ที่มาดึงดูดความสนใจมีมาก ถ้าวัยรุ่นตามพวกนี้ไม่ทัน คุยกับเพื่อนก็ไม่รู้เรื่อง แต่เราเองก็ต้องมีเวลา อย่างเช่นว่าอย่านอนดึก ถ้านอนดึกแล้วรุ่งขึ้นเรียนไม่รู้เรื่องหรอก แย่ที่สุด ๔ ทุ่มก็ให้นอนได้แล้ว ตื่นเช้ามาตี ๕ ทวนสิ่งที่เรียนมาสักหน่อย กินอาหารเสร็จ ไปโรงเรียนพร้อมลุยเลย
ตอนอาตมาเรียนอยู่ พอถึงเวลาเข้าห้องอาจารย์จะถามว่า "อาทิตย์ที่แล้วผมสอนไปถึงไหน ?" จึงต้องอ่านทวนอยู่ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวอาจารย์ถามแล้วตอบไม่ได้ ก็เท่ากับว่าได้ทวนความรู้อยู่ทุกวัน อาจารย์พูด จับจุดให้ได้ว่าท่านสอนเรื่องอะไร หัวข้อใหญ่คืออะไร หัวข้อย่อยคืออะไร ถ้าได้แค่นี้พอแล้ว คำพูดอื่น ๆ เราไปอธิบายเองได้
พอถึงเวลาก็จดตามไป อาตมามีแต่เศษกระดาษ โดยเฉพาะกระดาษใช้แล้วหน้าหนึ่ง จดไปเรื่อย อาจารย์พูดเร็วก็เขียนเร็ว พูดช้าก็เขียนช้า เสร็จแล้วมาลอกลงสมุด เท่ากับได้ทวนอีกรอบหนึ่ง อย่าทิ้งนานนะ..ถ้าทิ้งนานจะลืม แล้วบางทีมานั่งแคะลายมือตัวเองยังอ่านไม่ออกเลย พอลอกลงสมุด คราวนี้อ่านง่ายแล้ว ก่อนเข้าห้องเรียนก็อ่านทวนสักรอบหนึ่ง จะได้รู้ว่าอาจารย์ท่านสอนไปถึงไหนแล้ว
วันก่อนสอบวิชาสถิติ ทำเสร็จเพื่อนเอาไปลอกกัน ยังขำเพื่อนเลย “เฮ้ย...ไปกินกาแฟกันก่อน มารยาทในการลอกต้องใจเย็น ๆ อย่าไปเร่งเขา ให้เขาทำเสร็จก่อน” เพื่อนแต่ละคนสุดยอดจริง ๆ จริงของเขา ถ้ามาเร่งเดี๋ยวก็โดนเตะเพราะยังไม่เสร็จ พอทำเสร็จคราวนี้สุมหัวกันเป็นกระจุกเลย
พออาจารย์ออกไปห้องน้ำ “เฮ้ย ๆ ฉายขึ้นจอไปเลย” จะได้ลอกพร้อม ๆ กัน คนหนึ่งก็คอยดูต้นทาง อาจารย์ออกจากห้องน้ำหรือยัง ดูแล้วอย่างกับเด็ก ๆ ทั้ง ๆ ที่แต่ละคนอายุ ๕๐ - ๖๐ ปีแล้ว สมกับที่เรียนปริญญาเอก เพราะสามารถสรุปได้ว่าคนลอกที่ดีจะต้องทำอย่างไร"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2013 เมื่อ 03:27
|