มีโยมเอาของมาถวายพระอาจารย์ ท่านจึงกล่าวว่า "โบราณเขาเรียกว่า "เหง้าบัว" ถ้าบัวหิมะจริง ๆ มี ๒ อย่าง อย่างแรกเป็นต้นสมุนไพรที่มีลักษณะเหมือนกับดอกบัวจริง ๆ แต่ขึ้นอยู่ตามหน้าผาและพื้นที่หนาวเย็น อย่างที่ ๒ บางคนเรียกบัวหิมะ บางคนเรียกไข่มุกวิญญาณหิมะ เป็นแก่นน้ำแข็งที่ไม่ยอมละลายตัว มักจะจับตัวเป็นรูปเหมือนกับดอกบัวตูม เราลองนึกถึงน้ำแข็งที่ตากแดดไม่ละลายดู ว่าความเย็นจะเย็นจัดขนาดไหน ?
อาตมาฉันไม่ได้หรอก เพราะเป็นธาตุเย็น ถ้าอาตมาฉันไปก็ไข้จับ คนเขาเรียกว่าบัวหิมะก็โก่งราคาได้อีกหน่อย คนเคยกินเหง้าบัวอย่างอาตมา มุดลงสระไปพักเดียวก็งมขึ้นมาเป็นกุรุสเลย
ในช่วงที่เกิดทุพภิกขภัย พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้พระภิกษุฉันของบางอย่างโดยที่ไม่ต้องประเคนได้ พวกเหง้าบัวถือเป็นประเภทหนึ่ง ท่านใช้คำว่าของที่เกิดในสระ ถ้ามัวแต่ไปรอชาวบ้านมาประเคน ชาวบ้านหากินเองยังไม่พอ ประเคนแล้วก็คงจะนั่งมองพระฉันไปกลืนน้ำลายไป พระพุทธเจ้าจึงอนุญาตให้ฉันได้โดยไม่ต้องประเคน"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-02-2013 เมื่อ 02:09
|