ถาม : ถ้าไม่โมทนาก็ไม่ได้ ?
ตอบ : เพราะสภาพจิตไม่ได้เปิดรับ ในเมื่อไม่เกิดความยินดีด้วย ก็เหมือนส่งของให้แล้วเราไม่รับ แล้วจะมีสิทธิ์เป็นเจ้าของของชิ้นนั้นได้อย่างไร เมื่อเราส่งของไป ถ้าเขายินดีก็เอื้อมมือรับมา เขาก็จะได้ของชิ้นนั้นไป
เพราะฉะนั้น..การโมทนาบุญคือการเปิดใจตัวเองให้รับความดีของคนอื่น ปกติแล้วคนเราจะยินดีในความดีคนอื่นยากนะ อย่างที่หลวงวิจิตรวาทการท่านบอก "อันที่จริงคนเขาอยากเห็นเราดี แต่ถ้าเด่นขึ้นทุกทีเขาหมั่นไส้ จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครเขาอยากเห็นเราเด่นเกิน"
ในเมื่อเป็นอย่างนั้น สภาพจิตที่จะยินดีกับความดีของคนอื่น เป็นสภาพที่เกิดขึ้นได้ยาก ในเมื่อเขาสามารถยังสภาพจิตตนเองให้ยินดีในผลบุญ คือความดีของคนอื่นได้ ความเพียรพยายามในการยังจิตตนเองให้เข้าถึงและยอมรับความดีของคนอื่นนั่นแหละ เป็นบุญใหญ่ที่เขาจะได้ ก็เลยทำให้เขามีส่วนได้ความดีที่คนอื่นเขาทำไปด้วย เป็นเรื่องที่ทำยากมาก ไม่ใช่แค่ยกมือสาธุแล้วจะได้
อย่างที่อาตมาเคยสรุปว่า การยินดีในผลบุญคนอื่น กับการสาธุของเราในปัจจุบันนั้นคนละอารมณ์กัน การยินดีในผลบุญของคนอื่น ก็คือเขามีโอกาสทำ ในขณะที่เราไม่ได้ทำ เราดีใจที่เขาได้ทำ แต่ปัจจุบันที่ยกมือสาธุแบบของเราก็คือ กูจะเอาของมึง เป็นคนละอารมณ์กัน แล้วจะไปได้อย่างไร ?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-03-2013 เมื่อ 03:38
|