ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 23-06-2013, 20:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,692
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,417,945 ครั้ง ใน 34,282 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของบัญชี เงินสงฆ์ ของสงฆ์ ถ้ามีรายละเอียดได้มากเท่าไรก็ดีเท่านั้น ตอนไปอยู่ทองผาภูมิใหม่ ๆ อาตมาทำบัญชีโดยไม่มีเงินส่วนตัว รับมาทุกอย่างถือว่าเป็นของสงฆ์ เขาถวายระบุส่วนตัวก็ลงบัญชีสงฆ์ไป ทำงานไป ๘ เดือน หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านมา ก็แปลว่าท่านต้องมรณภาพมาประมาณ ๑ ปีแล้ว..!

ท่านถามว่า “แกมีเงินส่วนตัวเท่าไร ?” กราบเรียนท่านด้วยความภูมิใจว่า “ไม่มีครับ..ผมผลักลงกองกลางเป็นเงินสงฆ์หมด” อยากจะอวดท่านว่าอาตมาไม่โลภ “เออดี..แล้วแกเอาลงไปเป็นเงินสงฆ์เท่าไร ?” “ไม่ทราบครับ” โดนฟาดกบาลเลย..! ถามว่าเอาไปใช้เป็นเงินส่วนตัวเท่าไร ? “ไม่ทราบครับ” เอาไปใช้เป็นเงินสงฆ์เท่าไร ? “ไม่ทราบครับ” โป๊ก..!

ท่านบอกว่าไปรื้อบัญชีทำเสียใหม่ เงินทุกบาททุกสตางค์รับมาจากใคร จ่ายไปในรายการอะไร ถ้าใครเขาสอบสวนต้องชี้แจงเขาได้ คราวนี้ก็เสร็จละสิ ตั้ง ๘ เดือนใครจะไปจำได้ ท้ายสุดก็ตัดใจหั่นทิ้งไปเลย ๘ เดือนแรกไม่มีเงินส่วนตัว เริ่มต้นเดือนที่ ๙ เพื่อความสะดวกในการทำบัญชี

สมัยแรกตอนอยู่วัดท่าซุง เวลาส่งบัญชีครูนนทา อาตมาเป็นประเภทสุดยอดของความซื่อเลย สลึงหนึ่งก็ส่ง ๕๐ สตางค์ก็ส่ง ๓ สลึงก็ส่ง ครูนนทาบอกว่า “ท่านเล็ก..ตัดยอดออกให้เหลือ ๕ บาท ๑๐ บาทได้ไหม ?” ตอนนั้นไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องลำบาก ตอนนี้รู้สึกแล้ว พอเริ่มแก่ตัวก็รู้สึกว่าประเภทเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่ลำบากจริง ๆ ต้องตัดเศษให้เหลือยอดเต็มเท่านั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-06-2013 เมื่อ 13:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 279 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา