ถาม : ทำอย่างไรไม่ให้ติดอยู่ในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ?
ตอบ : อันดับแรกต้องเห็นโทษก่อน ถ้าไม่เห็นโทษ จะไม่เบื่อ ไม่หน่าย ไม่อยากหลีกไป เมื่อเห็นโทษชัดเจนแล้ว ก็มาสร้างสมาธิของเรา เพื่อที่ว่าพอถึงเวลาจะได้สามารถหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ทำก่อน ยังไม่สามารถจะตัดขาดได้นะ
การที่เราจะสร้างสมาธิได้ต้องมีศีลเป็นพื้นฐาน กำลังใจที่ระมัดระวังในศีลทำให้สมาธิเราทรงตัว ก็คือเราต้องเอาสติทั้งหมดอยู่ตรงหน้าเพื่อระวังไม่ให้ศีลขาด ทำให้สมาธิทรงตัวได้ง่าย ในเมื่อมีสมาธิเราก็สามารถที่จะหยุดรัก โลภ โกรธ หลง เอาไว้ได้แล้ว จากนั้นเราก็ใช้ปัญญาพิจารณาต่อ ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นอย่างไร ? เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปเป็นปกติหรือเปล่า ? ถ้าเราไปยึดไปถือ เราเป็นทุกข์ไหม ? ท้ายสุดก็ไม่สามารถที่จะยึดถือมั่นหมายอะไรได้ เพราะสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นสมบัติของร่างกายเท่านั้น
รัก โลภ โกรธ หลงอาศัยร่างกายนี้เกิด ถ้าไม่มีร่างกายนี้ก็ไม่สามารถทำงานได้ ถ้าเราไม่ปรารถนาในร่างกายนี้อีก เราถอนใจออกมาจากการยึดถือ ก็จะเป็นคนละส่วนกัน ไม่ตั้งกำแพงแล้วใครที่ไหนจะขว้างอะไรมาถูกได้ พอถึงเวลาเราก็สามารถที่จะดึงตนออกมาจากสภาพนั้นได้ ก็พ้นไปจากรัก โลภ โกรธ หลง
แต่ถ้าไม่เริ่มจากเห็นโทษ เราก็ยังยึดติดอยู่ เพราะไม่เบื่อ ไม่หน่าย จึงต้องเห็นโทษก่อน การเห็นโทษก็คือปัญญา คือสัมมาทิฐิ แล้วเราก็ค่อยมาไล่ ศีล สมาธิ ตบท้ายด้วยปัญญาอีกที
ถาม : กามราคะมองไม่ค่อยเห็นโทษ ?
ตอบ : เป็นเรื่องปกติ ถ้าจิตยังไม่เบื่อหน่ายก็เสร็จหมด
ถาม : ขนาดมีฌานกดอยู่ ?
ตอบ : ระงับได้ชั่วคราวเท่านั้น อย่างฤๅษีพอเหาะผ่านสระสวนอุทยาน เห็นนางกำนัลกำลังเล่นน้ำอยู่ก็ร่วงลงมาเลย
ถาม : ขนาดจับภาพพระได้แล้ว ยังเกิดได้ ?
ตอบ : แค่ข่มไว้เฉย ๆ ถึงเวลาเราไปยกก้อนหินออก หญ้าก็งอกงามใหม่ คราวนี้งอกเร็วเสียด้วยเพราะเก็บกดมานาน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 25-03-2023 เมื่อ 00:20
|