ดูแบบคำตอบเดียว
  #86  
เก่า 12-07-2013, 13:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,511 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "การแห่นาคสมัยก่อนนี้เขาตั้งใจให้คนที่เห็นได้โมทนา มาสมัยหลังเมากันเละเลย สมัยก่อนที่เขาให้โมทนา บางทีเขาแห่รอบ ๒ - ๓ หมู่บ้านเลย โดยเฉพาะลูกของคนใหญ่คนโตประเภทผู้ใหญ่บ้านหรือกำนัน

บางหมู่บ้านก็มีการแห่นาคด้วยม้า แห่นาคขี่ช้าง อย่างที่หาดเสี้ยว สุโขทัยแห่นาคขี่ช้าง อย่างบ้านหนองขาว กาญจนบุรีนั้นแห่นาคด้วยม้าเพราะไปไกล ขืนให้คนผลัดกันขี่ก็เป็นลมตายพอดี จึงต้องขี่ม้าแทน สมัยเด็ก ๆ มีคนใกล้บ้าน เขามีวัวอยู่คู่หนึ่ง วัวคู่นี้ยอมให้เฉพาะนาคขึ้นหลังเท่านั้น คนอื่นไม่ให้ขึ้นหรอก โดนสลัดทิ้งหมด แสดงว่าเอาแต่บุญอย่างเดียว อย่างอื่นไม่เอา ขึ้นไปให้เก่งแค่ไหนก็โดนสลัดทิ้งจนได้ ไม่ยอมให้นั่ง แต่ถ้าเป็นนาคกลับยอมให้นั่ง แปลกดีเหมือนกัน

ตอนแรกคนก็ไม่รู้หรอก เห็นวัวโตเป็นหนุ่มเขาก็เอาไปแห่นาค แล้ววัวก็ชอบด้วย เสียงปี่เสียงกลองดังแค่ไหนไม่มีกลัว เดินนิ่มเลย ปรากฏว่าพอคนอื่นสนุกกระโดดขึ้นบ้าง โดนสลัดลงเลย ต้องบอกว่าสัตว์ก็คือคน เพียงแต่ว่าเขาอยู่ในร่างของสัตว์เดรัจฉานเท่านั้น ความคิดเขาก็เหมือนกับคนนี่แหละ ใครที่มีจิตใจน้อมไปทางบุญกุศลก็เน้นเอาบุญกุศลอย่างเดียว ซ้ำค่อนข้างถือตัวมากด้วย ถ้าไม่ใช่นาคไม่ให้ขึ้นหลังเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2013 เมื่อ 13:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา