ดูแบบคำตอบเดียว
  #94  
เก่า 16-07-2013, 12:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,713
ได้ให้อนุโมทนา: 152,065
ได้รับอนุโมทนา 4,418,821 ครั้ง ใน 34,303 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขอให้ช่วยอธิบายปฏิจจสมุปบาทหน่อยครับ
ตอบ : เสียเวลาคิด..ถ้าคุณไม่คิดจะเกิดก็จบแล้ว ถ้าเกิดเมื่อไรก็ยาวเลย

อวิชชาเป็นอดีตเหตุ ปัจจุบันผลก็คือตัวเราที่เสวยทุกข์อยู่ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เราทำในปัจจุบันเป็นปัจจุบันเหตุ จะส่งผลให้คุณทุกข์ต่อไปในอนาคต ซึ่งเป็นอนาคตผล ดังนั้น..ถ้าจะดู..ก็ดูแค่นี้ เสียเวลาไปดู แค่เห็นว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา กูไม่เอามึงอีกแล้วก็จบ หมดทุกอย่างเลย

ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะท่องคล่องปากกันทุกคนแหละ รู้หรือเปล่าว่าอวิชชาเป็นเหตุให้เกิดอะไรขึ้น ? ความไม่รู้ทำให้จิตของเราไปยินดี ในเมื่อเรายินดีก็อยากมีอยากได้ ความอยากมีอยากได้พอเกิดขึ้น ก็เลยทำให้เกิดการปรุงแต่งหรือสังขาร สังขารตัวนี้ไม่ใช่ร่างกาย ตัวนี้คือจิตสังขาร คือการปรุงแต่งของใจ ในเมื่อการปรุงแต่งของใจเกิดขึ้น ความรู้สึกก็จะเกิดขึ้น ก็คือรัก ชอบ เกลียด ชัง เขาถึงได้บอกว่าอวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร สังขารเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ

คราวนี้ความรัก ชอบ เกลียด ชังหรือวิญญาณต้องอาศัยประสาทรับความรู้สึกต่าง ๆ ซึ่งจะต้องอยู่ในรูป ในเมื่ออวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร สังขารเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ วิญญาณก็เลยเป็นปัจจัยให้เกิดนามรูป เพราะว่าต้องอาศัยอยู่ นามรูปเมื่อเกิดขึ้นก็ต้องมีอายตนะ คือส่วนที่ติดต่อสัมผัสได้ทั้งภายในและภายนอก เมื่อมาบรรจบประชุมรวมกันขึ้นมา จึงสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-07-2013 เมื่อ 17:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา