พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของท่านอาจารย์มิตซูโอะ จะว่าไปแล้วท่านทำถูก ก็คือรู้ว่าอยู่ไม่ได้ก็สึก ไม่ได้เสียดายสถานภาพตนเองว่าเป็นครูบาอาจารย์ มีลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเมือง ต้องบอกว่าท่านรักพระธรรมวินัย รักพระพุทธศาสนามากกว่าตัวเอง แต่คราวนี้คนส่วนใหญ่ไปยึดมั่นถือมั่น ว่าเป็นอาจารย์ใหญ่สอนกรรมฐานมาขนาดนั้น บวชมานานทำไมถึงสึก
อาตมาชอบใจพระของพม่า บวชเข้าไปวันนั้นเขาก็กราบก็ไหว้ สึกออกมาวันนั้นก็คลุกคลีตีโมงกับชาวบ้านไปเลย อีก ๓ วันบวชใหม่เขาก็กราบใหม่ไหว้ใหม่อีก แสดงว่าพม่าเขาเข้าใจเรื่องของพระของโยมมากกว่าของเรา เขารู้ว่าตอนนี้ท่านอยู่ในสถานะไหน เขาก็เล่นตามบทบาท แต่บ้านเรานี่ตอนบวชไม่แปลกใจ ไปแปลกใจตอนสึก ระดับจะให้บวชแล้วแปลกใจก็คงต้องให้นายกรัฐมนตรีโกนหัวบวชชี ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่แปลกใจกันหรอก แต่ในเมื่อบวชได้ก็สึกได้
ที่น่าเสียดายก็คือ บรรดาท่านทั้งหลายที่แสดงความเห็นจ้วงจาบแรง ๆ ในเว็บไซต์ต่าง ๆ หรือในเฟซบุ๊ก นั่นสร้างโทษให้แก่ตัวเองแท้ ๆ
ฉะนั้น..เราจะไปตั้งความหวัง คาดหวัง และจะให้คนเขาเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ขนาดตัวของเราเอง เราตั้งความหวังได้ ยังทำไม่ได้อย่างหวังเลย พอเห็นคนอื่นเขาทำไม่ถูกใจขึ้นมา ก็ใช้คำพูดแรง ๆ ซึ่งลักษณะนั้นมีอยู่อย่างเดียวก็คือ ลดคุณค่าของตัวเอง
ดังที่โบราณบอกว่า
ก้านบัวบอกตื้นลึก...........ชลธาร
มารยาทส่อสันดาน..........ชาติเชื้อ
โฉดฉลาดมีคำขาน..........ควรทราบ
หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ.......บอกร้าย แสลงดิน
เอ่ยปากพูดเมื่อไร คนเขาจะรู้เลยว่าตัวเรามีราคาแค่ไหน ก็เลยกลายเป็นเรื่องที่หาโทษใส่ตัวโดยใช่เหตุ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-08-2013 เมื่อ 12:26
|