ถ้าท่านทั้งหลายสามารถภาวนาจนกำลังใจทรงตัว สามารถระงับกายสังขารได้ ต่อไปก็ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นว่า ร่างกายนี้เป็นโทษเป็นภัย เป็นของน่ากลัว มีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นปกติธรรมดา ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงพ้น จนสภาพจิตเกิดความเบื่อหน่าย ไม่มีความปรารถนาในร่างกายของตน ไม่มีความปรารถนาในร่างกายของคนอื่นอีก ก็ให้ตั้งใจว่า..เมื่อตายลงไปเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว
แล้วเอากำลังใจของตน จดจ่ออยู่กับพระนิพพาน จะกำหนดเป็นสถานที่ก็ได้ เป็นวิมานของเราก็ได้ เป็นภาพขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพานก็ได้ แล้วพิจารณาดูลมหายใจเข้าออกของตัวเองพร้อมกับคำภาวนา ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ ให้ตามดูตามรู้ลมหายใจไป ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ ให้กำหนดคำภาวนาไปด้วย
ถ้าลมหายใจเบาลงหรือว่าหายไป หรือว่าคำภาวนาหายไป ก็ให้กำหนดดูกำหนดรู้ไว้เฉย ๆ อย่าอยากให้เป็นอย่างนั้น แล้วอย่าไปดิ้นรนให้พ้นจากสภาพอย่างนั้น เรามีหน้าที่ตามดูตามรู้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งกำลังใจทรงตัวตามที่ต้องการไปเอง
ลำดับต่อไปก็ขอให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกาและเถรี)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-08-2013 เมื่อ 02:11
|