พระอาจารย์กล่าวว่า "บ้านเราตรรกะวิบัติอย่างไรไม่รู้ พูดง่าย ๆ ว่าอคติ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เลย ถึงได้ ๒ มาตรฐานตลอด เราจะเห็นอัจฉริยภาพของพระพุทธเจ้า ที่ว่าความปราศจากอคติ คือไม่ลำเอียงเพราะรัก ไม่ลำเอียงเพราะโกรธ ไม่ลำเอียงเพราะกลัว ไม่ลำเอียงเพราะหลง เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้เป็นใหญ่ ไม่อย่างนั้นแล้วรักษาความยุติธรรมไม่ได้
ไปนึกถึงท่านฮิตเลอร์ หลวงพ่อวัดท่าซุงถามท่านว่า ถ้าท่านลงมาเกิดในยุคปัจจุบันนี้คิดจะทำอะไร ท่านบอกว่า “ตายเกินครึ่ง..!” เราไปดูประเทศจีนว่าขนาดเป็นเผด็จการคอมมิวนิสต์ แต่เมื่อเปิดให้คนสามารถถือครองทรัพย์สินได้ เขาก็กอบโกยกันชนิดไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น จะโดนลงโทษประหารชีวิตไปเท่าไรเขาก็ไม่สนใจ คนที่ตายก็ตายไป คนที่อยู่ก็โกงกินกอบโกยกันต่อไป
เรามานึกถึงสิงคโปร์ ประเทศเล็ก ๆ นิดเดียว ถึงขนาดต้องใช้วิธีเฆี่ยนประจานเพื่อป้องกันพวกฉี่ในลิฟต์ อะไรจะขนาดนั้น แล้วดูอย่างของยุโรปอเมริกา ที่กฎหมายของเขาศักดิ์สิทธิ์กว่าเรา ก็ยังมีคนโกงเป็นปกติ เพียงแต่ว่าโกงแบบแนบเนียนขึ้น จับได้ยากขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่เขาถือว่าเป็นอารยะขนาดนั้น บางประเทศเหมือนอย่างกับว่าเขาตั้งใจเปิดธนาคารให้คนฟอกเงินโดยเฉพาะ ก็เลยเห็นว่าของเขาที่ถือว่าเจริญ ก็เป็นต้นแบบ ๒ มาตรฐานเห็น ๆ
กฎหมายมีเอาไว้สำหรับบุคคลที่เกรงกลัว ลักษณะที่มีจิตละอายชั่วกลัวบาป ประกอบด้วยหิริโอตตัปปะ พระพุทธเจ้าถึงตรัสไว้ว่า หิริโอตตัปปะเป็นโลกบาลธรรม คือธรรมในการคุ้มครองรักษาโลก ถ้าคนเรามีหิริโอตตัปปะ เกรงกลัวต่อผลของความชั่ว ไม่กล้าทำความชั่ว ทุกอย่างก็จบ คราวนี้พอขาดหิริโอตตัปปะ ก็ทำทุกอย่าง ก็เลยกลายเป็นว่า มีกฎหมายมาขนาดไหนเขาก็จะทำของเขา"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-12-2013 เมื่อ 15:40
|